ครืด… ครืด… ในขณะที่วัลลภากำลังประชุมอยู่ เสียงโทรศัพท์ในมือของเธอก็สั่นไม่หยุด เพราะเพื่อน ๆ ของเธอกำลังแชทคุยกันอย่างสนุกสนาน จนเธอต้องแอบกดดูอยู่บ่อยครั้ง วัลลภารู้ดีว่าการทำแบบนี้ทำให้เธอเสียสมาธิในการประชุม เธอสามารถเลือกที่จะปิดการเตือนได้ แต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้สักที รู้สึกอยากรู้ อยากเห็น และกลัวว่าจะพลาดเรื่องราวสนุก ๆ ไปตลอดเวลา
ถ้าคุณเองก็มีอาการแบบวัลลภา นั่นหมายความว่าคุณเคยมีประสบการณ์ของ FOMO มาบ้างแล้ว
- FOMO มาจาก Fear of missing out เป็นอาการกลัวการตกกระแสจนรู้สึกกระวนกระวาย กลัวว่าจะพลาดเรื่องสำคัญ อยู่ตลอดเวลา
- บางครั้งเราเผลอไปทำตามกระแสทั้งที่มันอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่เราชอบ หรือ เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับเรา จนเสียเงิน เสียเวลาไปโดยใช่เหตุ
- ควรใช้ชีวิตให้ช้าลง หันมาสนใจกับสิ่งที่คิดว่าน่าจะมีความหมายกับเราเท่านั้น เรื่องไหนที่ไม่สำคัญก็ต้องละทิ้งไปบ้าง อย่าเก็บมาคิดให้เปลืองสมอง
- ลดการทำหลายสิ่งในเวลาเดียวกัน ถ้าในเวลาทำงานก็อาจจะต้องตัดใจไม่เปิดโทรศัพท์ดูเลย เพราะคุณจะได้จดจ่อกับงานมากขึ้นหลังจากนั้นค่อยมาตามอ่านในช่วงพักก็ไม่เสียหาย
|
|
FOMO คืออะไร
FOMO หรือ Fear of missing out คือการกลัวการตกกระแส ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในปัจจุบันหลายคนกำลังเป็น เช่น การต้องตามฟีดเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ตลอดเวลา เพื่อที่จะได้รู้ว่า ณ ขณะนั้นมีเรื่องอะไรที่กำลังเป็นที่พูดถึงบ้าง หรือ หากมีสายโทรศัพท์เข้า แต่คุณไม่สามารถรับสายได้ คุณจะรู้สึกกระวนกระวายว่าคุณจะพลาดเรื่องสำคัญอะไรบางอย่างไป หรือการที่คุณต้องทำอะไรบางอย่างที่ไม่จำเป็น แต่คุณก็ทำเพียงเพราะว่าอยากจะทำให้เหมือนคนอื่น หรือทำเพราะกลัวถ้าถ้าปฏิเสธออกไป จะทำให้คุณพลาดโอกาสอะไรบางอย่าง
แล้วทำอย่างไรจึงจะลดความรู้สึกกลัวการตกกระแสลงได้?
ใช้ชีวิตให้ช้าลง
ลองใช้เวลาทำสิ่งต่าง ๆ ให้ช้าลงบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร ขับรถ หรือพูดคุย และซึมซับเอาความสุขจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้เจอในชีวิตประจำวัน เพราะทุกวันนี้คนเรามักจะเร่งรีบทำสิ่งต่าง ๆ มากเกินความจำเป็น การทำอะไรช้าลง การทำอะไรช้าลงจะทำให้เราได้ลองคิดทบทวนในสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น
ทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้น
ฝึกตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในชีวิต ว่าอะไรเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา และอะไรเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น ตัดสิ่งที่ไม่สำคัญกับชีวิตออกไป แล้วให้ความสนใจกับสิ่งที่มีความหมายกับเราเท่านั้น รวมถึงรู้จักที่จะปฏิเสธสิ่งต่าง ๆ ที่เกินความสามารถ และให้ความสำคัญกับคุณภาพของสิ่งต่าง ๆ ที่ทำไม่ใช่ปริมาณ
ให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าสิ่งของ
ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ ความรู้สึกของการประสบความสำเร็จ การได้ผจญภัย ท่องเที่ยว ความสนุก การเคารพตัวเอง และความเป็นอิสระ มากกว่าสิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์ของความร่ำรวยหรือความสำเร็จต่าง ๆ สิ่งของต่าง ๆ จะทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจ แต่ประสบการณ์ที่คุณได้สัมผัสต่างหาก ที่จะเติมเต็มชีวิตของคุณ
อย่าทำหลายอย่างพร้อม ๆ กัน
แม้ว่าคนรอบตัวเราจะทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกันในเวลาเดียว แต่เราไม่จำเป็นต้องทำแบบเขา เพราะการทำหลายสิ่งพร้อมกันในเวลาเดียว ไม่เคยทำให้สิ่งที่ทำสำเร็จออกมาได้อย่างมีคุณภาพ แต่การตั้งใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียวต่างหากที่จะทำให้มันออกมามีคุณภาพ
ปรับเปลี่ยนทัศนคติ
แทนที่จะวิ่งไล่ตามความสุขที่เป็นเพียงภาพลวงตา หรือสิ่งที่คิดว่าจะเติมเต็มชีวิตคุณได้ คุณควรจะมองหาสิ่งที่ทำให้เราพึงพอใจได้อย่างแท้จริง โดยการหันมาพัฒนาทัศนคติและความรู้สึกของตัวเองดีกว่า การปรับเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองจะทำให้คุณพึงพอใจในสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วมากขึ้น และให้ความสนใจกับสิ่งที่ต้องการหรือสิ่งที่ขาดน้อยลง
การกลัวการตกกระแสจะทำให้คุณทำในสิ่งที่บางครั้งคุณอาจไม่จำเป็นต้องทำ หรือไม่ได้อยากจะทำมันจริง ๆ ดังนั้นการที่คุณสามารถกำจัดความรู้สึกนี้ออกไปได้ นอกจากจะทำให้ชีวิตของคุณมีความสุขขึ้นแล้ว คนรอบข้างของคุณก็จะมีความสุขตามไปด้วยเช่นกัน
JobThai มี Line แล้วนะคะ
ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่
ที่มา:
lifehack.org
psychologytoday.com