ทำยังไงให้ตัวเองมีความสุขกับงานอีกครั้ง

23/03/22   |   21.7k   |  

 

  • หาสาเหตุให้เจอว่าที่เราเริ่มรู้สึกเบื่องานตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีสาเหตุมาจากอะไร
  • อย่าปล่อยให้งานมาเบียดเบียดชีวิตส่วนตัวมากเกินไป เพราะหากชีวิตส่วนตัวเราไม่มีความสุข ก็อาจจะส่งผลต่อความรู้สึกของเราเมื่อไปทำงานด้วยเช่นกัน
  • ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน หรือลองทำงานใหม่ ๆ ที่ท้าทายความสามารถตัวเองดูบ้าง
  • พูดคุยกับคนอื่น ๆ ที่กระตือรือร้นและมีพลังในการทำงาน หรือสอนงานพนักงานใหม่ เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของตัวเอง และย้ำเตือนให้เห็นถึงความสำคัญของงานที่เราอาจไม่เคยสนใจ
  • มองหามุมดี ๆ ที่ได้จากการทำงาน และให้รางวัลกับตัวเองบ้างเมื่อทำงานสำเร็จ การทำแบบนี้จะทำให้คุณเห็นว่างานตัวเองนั้นมีคุณค่า และคุ้มค่าที่จะทำมันต่อไป
  • ปฏิเสธงานที่นอกเหนือจากหน้าที่บ้าง เพราะมันคืออาจทำให้คุณรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเกินความจำเป็น หรือลามไปทำให้งานของคุณเสียหาย
  • ไม่เก็บคำพูดจานินทาของคนอื่นมาใส่ใจมาก เพราะจะทำให้การทำงานหมดสนุก และความรู้สึกไม่ดีกับสถานที่ทำงาน
     

 

 

JobThai Mobile Application สมัครงานง่าย ได้งานที่ใช่

iOS

Android

Huawei AppGallery

เมื่อเราได้เริ่มทำงานที่ใหม่ เชื่อว่าทุกคนต่างรู้สึกคล้ายกันคือสนุก ตื่นเต้น และท้าทายที่จะได้ทำอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยลอง แต่เมื่อทำงานไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว อาการเบื่องานก็อาจเกิดขึ้นได้แม้แต่คนที่คิดว่าได้งานที่ตัวเองรักแล้วก็ตาม และหากคุณคือคนที่กำลังเผชิญหน้ากับความรู้สึกเบื่อนี้อยู่ JobThai มีวิธีทำให้คุณมีความสุขกับงานอีกครั้ง เพราะบางครั้งการลาออกอาจไม่ใช่คำตอบและวิธีแก้ปัญหาที่ดีเสมอไป

 

หาสาเหตุที่แท้จริงของอาการเบื่องาน

ปัญหาของคนส่วนใหญ่คือบ่นถึงแต่สิ่งที่เราไม่ชอบ แต่กลับลืมมองหาสาเหตุและหนทางแก้ไข ลองนั่งลงมองชีวิตการทำงานของตัวเองโดยเปลี่ยนเป็นการมองจากมุมของบุคคลที่ 3 หรือเปลี่ยนจากผู้บ่นมาเป็นผู้ดู คุณจะเห็นปัญหาในมุมที่กว้าง จากนั้นลองถามตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น และความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ มีปัญหาหรือเรื่องอะไรที่ทำให้สูญเสียความศรัทธาที่มีให้กับบริษัท งาน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ตัวเราเอง

 

6 สัญญาณที่บอกว่าคุณควรคิดเรื่องหางานใหม่

 

บริหารเวลาทำงานให้ดี

สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้หลายคนเบื่อ หรือไม่อยากทำงานก็คือ การที่งานเริ่มเข้ามาเบียดเบียนการใช้ชีวิตส่วนตัวมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่มีความเครียดสูง ถูกบีบด้วยเดตไลน์ หรือต้องใช้ความคิดมาก ๆ ดังนั้นการกำหนดขอบเขตของเวลาในการทำงานให้ชัดเจนจะทำให้มีเวลาให้กับการใช้ชีวิตส่วนตัวมากขึ้น และเมื่อมีความสุข คุณก็จะมาทำงานพร้อมกับจิตใจและสมองที่ปลอดโปร่ง การหาจุดที่สมดุลระหว่างเรื่องงานกับชีวิตส่วนตัวของตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย

 

5 วิธี สร้าง Work-Life Balance อย่างมีประสิทธิภาพ

 

เลิกใช้ชีวิตแบบ Routine

การทำงานและใช้ชีวิตแบบ Routine ให้ทั้งผลดีและผลเสียต่อคุณ ข้อดีก็คือจะทำให้คุณทำสิ่งต่าง ๆ ได้สำเร็จตามแผนและสร้างวินัยที่ดีให้กับคุณ ซึ่งจะส่งผลให้การทำงานออกมามีประสิทธิภาพ แต่ในอีกมุมหนึ่งการที่ต้องทำงานเดิม ๆ ทุก ๆ วันก็เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความเบื่อหน่ายได้เช่นกัน คุณอาจลองปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวันดูบ้าง ไม่ว่าจะเรื่องเล็ก ๆ อย่างเปลี่ยนวิธีการเดินทางมาบริษัทในตอนเช้า หรือย้ายที่นั่งทำงานในบางเวลา รวมทั้งการอาสาทำงานที่อยู่นอกเหนือจากหน้าที่ความรับผิดชอบ และท้าทายความสามารถของตัวเองก็อาจช่วยได้เพราะจะทำให้คุณรู้สึกว่าทักษะและความสามารถที่คุณมีนั้นมีประโยชน์

 

พูดปฏิเสธให้เป็น

รู้ไหมว่าการไม่กล้าปฏิเสธทำลายแรงบันดาลใจในการทำงานไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง งานที่เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากหน้าที่ของคุณคือภาระที่สามารถทำให้คุณรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเกินความจำเป็น หรืออาจลามไปทำให้งานของคุณเสียหาย การรู้จักปฏิเสธ ไม่ใช่การเป็นคนไม่ดี ไม่รู้จักช่วยเหลือ แต่เป็นการโฟกัสกับงานหลักที่ถืออยู่แล้วให้ทำออกมาได้ดี จำไว้ว่าคนเราไม่ต้องทำอะไรได้ไปซะทุกอย่าง บางงานที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ของคุณก็อาจจะต้องปฏิเสธที่จะทำบ้าง เว้นเสียว่าคุณมีเวลาพอจะช่วย ๆ กันไปได้

 

อยู่กับคนที่มุ่งมั่น และกระตือรือร้น

การอยู่กับคนที่กระตือรือร้น มุ่งมั่น และมีพลังในการทำงานจะช่วยกระตุ้นให้คุณกลับมาให้ความสนใจกับงานที่คุณทำอยู่ได้ การได้พูดคุยกับคนอื่น ๆ ถึงการทำงาน และเป้าหมายในอาชีพของคุณ หรือแม้แต่การไปสอนงานให้กับพนักงานใหม่ จะเป็นการย้ำเตือนให้คุณตระหนัก และเห็นถึงความสำคัญของงานที่คุณอาจไม่เคยมองเห็นก่อน


ไม่คิดเล็กคิดน้อยในที่ทำงาน

แน่นอนว่าสังคมทำงานเราต้องเจอคนมากมายที่มีลักษณะนิสัยแตกต่างกัน คุณอาจจะต้องเจอกับปัญหาหรือคำนินทาจากคนอื่น ยิ่งถ้าคุณนำเรื่องเหล่านี้มาใส่ใจมากเท่าไร ก็จะทำให้การทำงานในแต่ละวันของคุณหมดสนุก และเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ดีกับสถานที่ทำงาน ดังนั้นให้ลองคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ผ่านแล้วก็ผ่านไป ปล่อยวางกับบางเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ แต่ถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเกินไป วิธีแก้ไขคือลองปรึกษาเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้ซักคน หรือคนในครอบครัวคุณเอง เพราะการที่คุณได้ระบายมันออกมา จะทำให้รู้สึกว่าคุณไม่ได้อยู่เพียงลำพัง และบางครั้งเขาอาจจะให้ข้อคิดดี ๆ กับคุณก็ได้

 

มองหาข้อดีจากที่ทำงาน

ไม่ใช่แค่การจดบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน (To-Do List) เท่านั้น แต่การจดสิ่งที่ทำสำเร็จไปแล้วก็สำคัญ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการจัดการอีเมล หรือเป็นเรื่องใหญ่อย่างการทำงานได้สำเร็จ รวมไปถึงเก็บอีเมลหรือโน้ตที่มีคนเขียนมาชื่นชมและขอบคุณเอาไว้ก็เช่นกัน มันจะทำให้คุณเห็นว่าคุณได้ทำอะไรสำเร็จมาแล้วบ้าง และจะทำให้เห็นว่างานที่ทำนั้นมีคนรับรู้ และมีความสำคัญ แล้วอย่าลืมที่จะให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ กับตัวเองบ้างเมื่อทำงานสำเร็จ สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้คุณรู้สึกดีมากขึ้นเวลาคิดถึงเรื่องงานของตัวเอง

 

เราทุกคนสามารถเลือกที่จะมองสิ่งต่าง ๆ ได้ ถ้าคุณมองหาสิ่งดี ๆ คุณก็จะเจอสิ่งที่ดี แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ก็อาจทำให้คุณรู้สึกได้ว่างานของคุณยังมีคุณค่า มีความสำคัญ และคุ้มค่าที่จะทำมันต่อไป

ฝากประวัติกับ JobThai เพื่อหางานที่ใช่ได้ ที่นี่

 

ติดตาม Career Talk Podcast ได้ที่

Spotify

Soundcloud

Apple Podcasts

Google Podcasts

Anchor

 

 
JobThai Official Group
Public group · 300,000 members
Join Group
 

 

บทความเดิมได้ถูกเผยแพร่ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2016 และได้รับการอัปเดตโดยทีมงาน JobThai

 

ที่มา:
huffingtonpost.com
hbr.org
eatyourcareer.com

tags : งาน, วิธีทำงาน, career & tips, ทำงาน, คนทำงาน, เคล็ดลับสำหรับคนทำงาน, เทคนิคสำหรับคนทำงาน, ทำงานอย่างมีความสุข, ความสุขในการทำงาน, เคล็ดลับความสำเร็จ, เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ, ทำงานให้มีความสุข, แนวคิดในการทำงาน



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม