7 เหตุผลที่ทำให้คุณหยุดกินไม่ได้สักที

21/09/17   |   18.2k   |  

“ขอมอคค่าเย็น แล้วก็บราวนี่หนึ่งชิ้นครับ”

ไม่ว่าจะหิวหรือไม่หิว ชีวินก็ต้องลงมาสั่งเมนูเดิมเหล่านี้ทุกวันยามบ่าย

ชีวินเป็นคนที่เวลาทำงานเครียด ๆ หรือเจองานหนัก จะต้องหาโอกาสเดินออกไปซื้อกาแฟและขนมหวานกิน โดยที่เขาคิดว่าการได้ออกมาเดิน และได้กินอะไรหวาน ๆ มันทำให้เขาสดชื่น จนเกิดเป็นนิสัย และถ้าวันไหนไม่ได้กินจะพานคิดไปด้วยซ้ำว่า ร่างกายอ่อนเพลีย  

กี่ครั้งแล้วที่คุณอยากจะอดอาหารหรือกินขนมให้น้อยลงแต่ก็ทำไม่ได้สักที บางครั้งคุณเสียเวลาออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักเหนื่อยแทบเป็นแทบตาย แต่สุดท้ายก็ทนหิวไม่ไหวจัดอาหารชุดใหญ่จนหยาดเหงื่อที่เสียไปแทบจะไร้ความหมาย ที่สำคัญบางครั้งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอาจจะไม่ได้มาจากอาหารมื้อหลักเสมอไป แต่อาจมาจากพฤติกรรมการกินขนมขบเคี้ยวแบบจุบจิบตลอดทั้งวันมากกว่า ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังวางแผนลดน้ำหนัก คุณก็ควรที่จะเปลี่ยนนิสัยในการกินขนมพวกนี้ด้วยเช่นกัน

JobThai ชวนมาดูกันว่าเบื้องหลังการกินไม่หยุดของคุณเกิดจากสาเหตุอะไรและต้องทำอย่างไรถึงจะยับยั้งชั่งใจไม่ให้กินมากเกินไปได้

 

 

  • บ่อยครั้งที่เราหาของกิน สาเหตุไม่ได้เกิดจากความหิว แต่เป็นเพราะสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมการกิน และการกินอาหารผิดประเภท จนทำให้เราเผลอกินเยอะเกินความจำเป็น
  • การมีแฟนหรือเพื่อนที่เป็นนักชิม ชวนกินทุกร้านที่อร่อย เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เรากินมากเกินความจำเป็น เพราะไปด้วยกันจะเลี่ยงไม่สั่งก็ไม่ได้
  • ถ้าเรากินโปรตีนน้อยไปในมื้อกลางวัน ตอนบ่ายก็จะหิว แล้วเริ่มมองหาของกินเล่น พยายามกินเนื้อสัตว์มากขึ้น เพราะอาหารเหล่านี้จะย่อยช้ากว่าประเภทอื่น

 

 

1. คุณกินเพราะเบื่อหรือมีอาการเครียด

ถ้าความเบื่อหน่ายหรือความเครียดนั้นทำให้คุณต้องหาอะไรกินเพื่อผ่อนคลาย  คุณไม่ใช่คนเดียวที่มีพฤติกรรมแบบนั้น มีการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Health Psychology ในปี 2012 ระบุว่า ความเบื่อเป็นสาเหตุหนึ่งที่คนใช้เป็นข้ออ้างในการกินจุบจิบ ในขณะเดียวกันก็มีอีกงานวิจัยในปี 2014 ใน Journal of Nutrition พบว่าผู้หญิงที่มีอาการเครียดหรือซึมเศร้าจากเรื่องที่ทุกข์ใจ มีโอกาสที่จะรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง จำพวกช็อกโกแลต หรือขนมปังมากกว่าปกติ  หากคุณมีเรื่องให้ต้องกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก หรือ เรื่องงาน แทนที่จะอยู่คนเดียว แล้วหันหน้าเข้าหาจานอาหาร คุณต้องรู้ตัวเองและเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอย่างอื่นแทน อย่าระบายออกด้วยการกินอาหารตามใจปาก เพื่อชดเชยความเศร้าที่คุณต้องเผชิญ

 

2. ตู้เย็นของคุณมีแต่ขนม

ถ้าตู้เย็นของคุณเต็มไปด้วยขนม หรืออาหารพลังงานสูงมากมายอยู่เต็มไปหมด มีแต่จะทำให้คุณเปิดตู้เย็นบ่อยขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจหากคุณน้ำหนักขึ้น เพราะเมื่อเปิดตู้เย็นทีไรก็เจอแต่ของน่ากิน ส่งผลให้คุณอยากหยิบอะไรเข้าปากตลอดเวลาแม้จะไม่รู้สึกหิว และลงเอยด้วยการกินมากเกินความจำเป็นโดยไม่รู้ตัว วิธีแก้ปัญหานี้ทำได้ไม่ยาก อย่างแรกคือไม่ซื้ออาหารจำพวกของหวาน หรืออาหารที่มีโภชนาการต่ำมาตุนไว้ในตู้เย็น ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือการเปลี่ยนจากขนมไร้สาระเหล่านั้นเป็นอาหารสด เช่น ผักหรือผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ จำพวกกล้วยหอม ส้ม หรือแอปเปิลแทน เพื่อสุขภาพของตัวคุณเอง ถ้าตู้เย็นของคุณมีแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพ แม้คุณจะเปิดตู้เย็นและหยิบอาหารมากินโดยไม่คิด อย่างน้อย อาหารพวกนั้นก็ไม่ทำให้เกิดห่วงยางขึ้นที่รอบเอวของคุณแน่นอน

 

3. แฟนของคุณก็หยุดกินไม่ได้เช่นกัน

ถ้าคนรักของคุณกินเก่ง คุณก็มีแนวโน้มที่จะกินเก่งตามไปด้วย นี่ยังไม่นับการที่แฟนของคุณชอบทำอาหาร และคุณก็ต้องชิมทุกอย่างที่แฟนของคุณทำ หรือที่หนักที่สุดก็คือ ทั้งคุณและแฟนต่างก็เป็นนักชิมมืออาชีพ เรียกได้ว่าร้านไหนอร่อย ต้องไปลองให้หมดทั่วราชอาณาจักร จึงไม่น่าแปลกใจหากน้ำหนักของคุณทั้งคู่จะมีแต่เพิ่มขึ้นและไม่มีวี่แววว่าจะลดลงเลย นอกจากเหตุผลข้างต้นยังมีผลการการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มารับรองแนวคิดที่ว่านี้ โดยมีการศึกษาพบว่า เมื่อคนเรามีคู่และความสัมพันธ์นั้นเป็นไปได้ด้วยดี พวกเขาจะไม่พยายามควบคุมน้ำหนักของตัวเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตัวเอง เหมือนกับตอนที่ยังไม่มีแฟน นอกจากนี้ยิ่งคู่รักใหม่ ๆ ยิ่งมีโอกาสจะใช้เวลานั่งรับประทานอาหารด้วยกันเป็นเวลานาน ช่วงเวลานี้เองจึงเป็นช่วงเวลาที่คนเราจะกินอาหารมากกว่าปกติ อย่ากังวลไปว่าปัญหานี้จะแก้ไขไม่ได้เสียทีเดียว ครั้งต่อไปที่จะชวนกันไปลองเมนูใหม่ ๆ ให้หาร้านที่ขายเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ หรือถ้าชอบทำอาหารเอง บอกแฟนของคุณให้ลองทำเมนู Healthy ให้ชิมเพื่อสุขภาพของคุณทั้งคู่

 

4. มื้อกลางวันของคุณมีโปรตีนน้อยเกินไป

แน่นอนว่าอาหารหลักของคนไทยคือข้าว และเรามักจะรู้สึกว่าการกินข้าวนั้นอิ่มกว่าอาหารประเภทอื่น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตจะทำให้คุณอิ่มเร็ว แต่ก็จะย่อยเร็วเช่นกัน การรับประทานอาหารกลางวันที่มีโปรตีนเป็นหลักจะช่วยทำให้คุณอิ่มมากขึ้น เพราะสารอาหารประเภทนี้จะย่อยยากกว่า จึงไม่ทำให้คุณหิวง่ายในตอนบ่าย กลับกันถ้าคุณไม่อิ่มท้องจากมื้อกลางวัน พอตกบ่ายคุณก็เริ่มมองหาของทานเล่น ช่วงเวลานั้นแหละที่จะทำให้คุณเผลอกินเยอะกว่าปกติโดยไม่ได้มานั่งคิด เมนูที่มีโปรตีนสำหรับมื้อกลางวันที่เราแนะนำได้แก่ อาหารทุกอย่างที่เป็นเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว และไข่ หากคุณสั่งข้าวแกง ก็ให้เน้นกับข้าวที่มีโปรตีนแบบนี้ มากกว่าเน้นที่ปริมาณข้าวเพียงอย่างเดียว

 

5. คุณถูกรายล้อมไปด้วยอาหารที่น่ารับประทาน (โดยเฉพาะที่ทำงาน)

การที่รอบตัวของคุณเต็มไปด้วยอาหาร ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน โอกาสที่คุณจะหยิบมารับประทานก็จะมากขึ้นตามไปด้วย เมื่อมองไปทางไหน ก็มีแต่ของอร่อย ๆ วางเต็มไปหมด ทั้งลิ้นชักโต๊ะทำงาน ทั้งตู้เย็นและชั้นวางของในห้องครัว คงไม่ง่ายที่จะไม่หยิบขนมเหล่านั้นมาชิมเพียงแค่ชิ้นสองชิ้น วิธีเดียวที่จะไม่ไขว้เขวไปกับอาหารพวกนั้นคือ การพกของทานเล่นของคุณมาเองเสียเลย ซึ่งเมนูเหล่านั้นควรเป็นประโยชน์ ไม่ใช่ขนมที่มีส่วนประกอบจำพวกแป้งหรือน้ำตาล นอกจากผลไม้ที่มีความหวานแบบธรรมชาติแล้ว ของทานเล่นที่เราแนะนำคือ ถั่วทุกชนิด เพราะจะทำให้คุณไม่อ้วนและได้ประโยชน์จากโปรตีนอีกด้วย

 

6. คุณปฏิเสธคนไม่เป็น

หากออฟฟิศคุณมีปาร์ตี้วันเกิดของใครสักคนหนึ่ง คุณดูจะมีความชอบธรรมในการกินไปโดยปริยาย ด้วยเหตุผลที่ว่าคุณไม่อยากทำให้เจ้าของวันเกิดน้อยอกน้อยใจที่ไม่กินเค้กของเขา แม้คุณจะตั้งใจไว้แล้วว่าช่วงนี้กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ก็ตาม มีวิธีมากมายที่จะทำให้คุณปฏิเสธได้อย่างสุภาพและไม่ทำให้ปริมาณแคลอรีโดยรวมทั้งวันที่คุณวางแผนไว้เพิ่มขึ้นมาโดยใช่เหตุ ข้ออ้างง่าย ๆ ก็คือ คุณ “เพิ่งกินข้าวมา” หรือ “ยังอิ่มอยู่เลย” แล้วปิดท้ายด้วยคำขอบคุณและรอยยิ้มที่ซาบซึ้งในน้ำใจของเขา เพียงแค่นี้คุณก็ไม่ต้องกังวลว่าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นอีกต่อไป

 

7. สมองของคุณสั่งให้กิน

ถ้าอ่านมาถึงข้อนี้แล้ว คุณยังรู้สึกไม่สบายใจ เราอยากจะปลอบใจว่าพฤติกรรมการกินแบบ Non-stop ของคุณอาจจะไม่ใช่ความผิดที่เกิดจากความตั้งใจของคุณก็ได้ จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย ถึง 4 แห่ง ได้แก่ Exeter, Cardiff, Bristol และ Bangor เผยว่ามีความเชื่อมโยงกันระหว่างการบริโภคอาหาร น้ำหนัก และการทำงานของสมองในด้านการควบคุมตนเอง ข้อสรุปของการวิจัยพบว่าเมื่อตาของเรามองเห็นอาหาร สมองของเราจะจินตนาการไปก่อนแล้วว่าควรจะกินเท่าไหร่ถึงจะอิ่ม สมองจะทำให้ร่างกายของเราเกิดความอยากอาหารและทำให้เราลงเอยด้วยการกินมากกว่าที่กระเพาะของเราต้องการ แม้จะมีข้ออ้างว่าสมองของเราสั่งให้เรากินมากเกินไป แต่เรายับยั้งเรื่องนี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้ด้วยการสังเกตตัวเองขณะกินอาหาร ไม่รับประทานเร็วจนเกินไป ค่อย ๆ สังเกตตัวเองว่าอิ่มแล้วหรือยัง อิ่มเมื่อไหร่ก็ให้หยุด อย่าฝืนกินให้หมดเพราะเสียดายของ หรือ อีกวิธีหนึ่งก็คือการสั่งอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ กินแต่พออิ่ม ไม่สั่งมาเยอะเกินไป เลือกกินขนมซองเล็กๆ ดีกว่าซองใหญ่ๆ ที่ทำให้คุณเผลอกินจนหมดซองในคราวเดียว เพราะปริมาณส่วนเกินนั้นแหละที่จะไปสะสมในร่างกาย และทำให้คุณอ้วนขึ้นในท้ายที่สุด

 

JobThai มี Line แล้วนะคะ

ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่

เพิ่มเพื่อน

 

ที่มา
fitbie.com

tags : ไลฟ์สไตล์, lifestyle, สุขภาพ, ลดน้ำหนัก, คนทำงาน, เคล็ดลับสำหรับคนทำงาน, เทคนิคสำหรับคนทำงาน, ทำงานอย่างมีความสุข, ความสุขในการทำงาน, เคล็ดลับความสำเร็จ, เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ, ทำงานให้มีความสุข, แนวคิดในการทำงาน



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม