“ทำงานมาเดือนนึงแล้วเป็นยังไงบ้าง”
นิตินักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่โลกการทำงานได้ไม่นานถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจบคำถามของแม่ ก่อนจะพรั่งพรูถึงปัญหาและความยากลำบากต่าง ๆ ในการทำงานออกมาให้คนเป็นแม่ฟัง ไม่ว่าจะเป็นความยากของการทำงาน หรือการที่ต้องปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันจากเดิม
ในชีวิตของคนมักจะต้องพบเจอกับจุดเปลี่ยนมากมายที่ส่งผลต่อแนวทางการใช้ชีวิต ซึ่งหนึ่งในจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญคือช่วงที่สำเร็จการศึกษาและเตรียมตัวก้าวไปสู่โลกของการทำงานที่เต็มไปด้วยความท้าทาย คำแนะนำจากบุคคลที่ประสบความสำเร็จจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พวกเขาปรับตัวในโลกของการทำงานได้อย่างรวดเร็ว JobThai เคยรวบรวม สุนทรพจน์ของคนดังที่ให้ข้อคิดและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษาจบใหม่มาแล้ว วันนี้เราได้รวบรวมมาให้ได้ศึกษากันอีกครั้ง
- โอปราห์ วินฟรีย์: เชื่อมั่นที่จะเป็นตัวของตัวเอง หาความสุขในชีวิตให้เจอ และทำมัน เมื่อเจออุปสรรคให้มองว่ามันเป็นบทเรียนที่จะทำให้เข้มแข็งขึ้น
- แลร์รี เพจ: ความฝันกลายเป็นจริงได้ถ้าลงมือทำ ข้อดีของการทำสิ่งที่ดูเป็นไปไม่ได้ และไม่มีใครทำ ก็คือคุณแทบจะไม่มีคู่แข่ง แต่ต้องอย่ามัวแต่ทำงานจนลืมครอบครัว ให้คิดไว้เสมอว่าครอบครัวสำคัญที่สุด
- บิล เกตส์: การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เป็นเรื่องสำคัญ หากเราสามารถช่วยอะไรใครได้ เราก็ควรจะพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือเขา
- โบโน: หาเป้าหมายในชีวิตให้เจอ แล้วนำความรู้ประสบการณ์ทั้งหมดของเรามาใช้เพื่อทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จ
|
|
โอปราห์ วินฟรีย์: มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด
หญิงแกร่งผู้มีอิทธิพลในวงการสื่อและเป็นเจ้าของรายการทีวีมากมาย โอปราห์ได้พูดถึงบทเรียน 3 อย่างที่เธอเจอในชีวิต เรื่องแรกคือ การยึดมั่นในความเป็นตัวเอง ในช่วงแรกที่เริ่มต้นอาชีพเธอพยายามที่จะเลียนแบบพิธีกรชื่อดังคนหนึ่ง รวมทั้งผู้กำกับก็ต้องการให้เธอเปลี่ยนชื่อเพราะเหตุผลว่าชื่อของเธอไม่ดีพอ ซึ่งภายหลังเธอตัดสินใจที่จะเชื่อในความเป็นตัวเองและใช้ชื่อเดิมมาตลอดจนกลายเป็นโอปราห์ที่ทุกคนรู้จักกัน
เรื่องที่สองคือการเรียนรู้จากความล้มเหลว ในชีวิตของเธอต้องประสบกับอุปสรรคและความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอคิดเสมอว่ามันเป็นบทเรียนที่ต้องเรียนรู้และเธอจะเข้มแข็งขึ้นถ้าผ่านมันไปได้
เรื่องสุดท้ายคือ การค้นหาความสุขในชีวิต ซึ่งความสุขของเธอคือการช่วยเหลือให้คนอื่นได้มีชีวิตที่ดีขึ้น เธออยากให้ทุกคนหาความสุขในชีวิตให้เจอและอย่ามัวเสียเวลาทำในสิ่งที่คนอื่นอยากให้คุณเป็น
“ฉันคิดเสมอว่าโลกเราก็เหมือนโรงเรียน การใช้ชีวิตของเราก็เหมือนเรียนอยู่โรงเรียนที่ชื่อว่าโลก บทเรียนที่เราได้เรียนรู้มักจะมาในรูปแบบของอุปสรรค ซึ่งบางครั้งก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยแต่บางครั้งก็อาจถาโถมจนเราแทบตั้งตัวไม่ทัน และเคล็ดลับที่ฉันเรียนรู้ในการที่จะฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้น คือเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ สำหรับทุกบทเรียนที่จะเข้ามา”
แลร์รี เพจ: มหาวิทยาลัยมิชิแกน
หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Google ระบบ Search Engine แหล่งรวมข้อมูลที่เข้าถึงได้ง่ายซึ่งปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนทั่วโลกไปแล้ว แลร์รีได้เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของ Google ซึ่งเกิดขึ้นจากความฝันกลางดึก เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาและรีบจดไอเดียที่ได้ลงบนกระดาษพร้อมกับนั่งพิจารณาถึงความเป็นไปได้และในคืนนั้นเขาบอกกับตัวเองว่าเขาจะต้องทำได้ ถัดมาไม่นานเขานำเรื่องนี้ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาและนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Google แลร์รีกลายเป็นตัวอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า ความฝันจะกลายเป็นจริงได้ถ้าลงมือทำ เขายังได้พูดถึงอีกหนึ่งแนวคิดที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเขาคือ การทำในสิ่งที่ยากให้สำเร็จ เพราะเขาเชื่อว่าคนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องทำในสิ่งที่ไม่มีใครทำได้
“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เราจะทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่และท้าทาย มันอาจจะฟังดูแปลก แต่เมื่อไม่มีใครบ้าคิดเหมือนคุณ คุณก็แทบจะไม่มีคู่แข่งเลย”
เขาได้ทิ้งท้ายสุนทรพจน์ด้วยการกล่าวถึงครอบครัว ตัวเขาเองสูญเสียพ่อไปเมื่อตอนอายุ 23 ปี เหตุการณ์นั้นทำให้เขารู้สึกเศร้าใจมากจึงอยากให้ทุกคนที่กำลังทำงานหนักเพื่อความสำเร็จในชีวิตให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น
"มีอีกหลายคนโชคดีที่ยังมีครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าในวันนี้ บางคนมีครอบครัวที่จะกลับไปหา บางคนก็กำลังวางแผนที่จะมีครอบครัวเป็นของตนเอง จงจำไว้เสมอว่าครอบครัวทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้ พยายามอยู่กับพวกเขาให้มากที่สุดและคิดไว้เสมอว่า ครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต”
บิล เกตส์: มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
ชายผู้มีทรัพย์สินมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ และทุกวันนี้เขายังเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือสังคม ผ่านมูลนิธิ บิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ด้วย ในสุนทรพจน์เขาไม่ได้พูดถึงแนวคิดการทำธุรกิจอย่างที่ทุกคนคาดหวังไว้แต่เขาเลือกที่จะพูดถึงปัญหาของความไม่เท่าเทียมกันบนโลกทั้งเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ความอดอยาก และการขาดแคลนยารักษาโรคของประเทศโลกที่สาม เขาพยายามพูดให้เห็นภาพของปัญหา และต้องการให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เท่าที่เราจะทำได้
“ถ้าคุณเชื่อว่าทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน คุณคงจะรู้สึกแย่มากถ้ารู้ว่ายังมีอีกหลายชีวิตถูกมองว่ามีค่าขณะที่อีกหลายชีวิตไม่ พวกเราต้องบอกตัวเองว่า มันต้องไม่จริง แต่ถ้าเกิดเราพบว่ามันเป็นเรื่องจริง เราจะต้องทำทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือพวกเขา”
โบโน: มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
โบโน นักร้องนำของวงร็อคชื่อดัง U2 ซึ่งภายหลังได้ผันตัวมาเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสังคมในแอฟริกา เขาพยายามพูดให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการหาเป้าหมายในชีวิต อะไรคือสิ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ หาให้เจอแล้วใช้ความรู้และประสบการณ์ที่มีทำตามเป้าหมายอย่างสุดความสามารถ เขายังพูดถึงปัญหาความไม่เท่าเทียม การขาดแคลนอาหาร และการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ที่เกิดขึ้นในแอฟริกา โบโนพยายามพูดให้ผู้สำเร็จการศึกษาได้ตระหนักว่าพวกเขาทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมได้
“สี่ปีที่ผ่านมาคุณได้ใช้เวลาไปกับการซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน ความคิดในตลาดของความรู้แห่งนี้ ในกระเป๋าของคุณเต็มไปด้วยทุนความรู้ และนี่คือเวลาที่คุณจะต้องคิดหาทางว่าจะเอาความรู้เหล่านี้ไปใช้อย่างไร คำถามของผมคือ อะไรคือความฝันสูงสุดของคุณ อะไรคือสิ่งที่คุณจะทุ่มเทสมอง สติปัญญา ทรัพย์สินและหยาดเหงื่อ เพื่อที่จะได้มันมา… โลกภายนอกมันอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่เราคิด เป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องออกไปทำให้มันดีขึ้น ถึงแม้พวกเราจะแก้ปัญหาไม่ได้ทุกอย่าง ทั้งเรื่องทุจริต ภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่ถ้ามีสิ่งใดที่เราทำได้ เราต้องทำ”
JobThai มี Line แล้วนะคะ
ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่
ที่มา:
personalexcellence.co