ท่ามกลางเสียงดนตรีเบา ๆ ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง นิพนธ์เจ้าของบริษัท Start up รุ่นใหม่ไฟแรงกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ถ่ายทอดประสบการณ์การทำธุรกิจของ Richard Branson อย่างตั้งใจ ด้วยหวังว่าจะสามารถนำเรื่องราวและเคล็ดลับการทำงานเหล่านั้นมาปรับใช้กับการทำงานและธุรกิจของตัวเองได้
การที่บุคคลหนึ่งคนจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้นต้องอาศัยหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นทักษะความสามารถส่วนบุคคล โอกาส ความอดทน ความขยันขันแข็งและความต่อเนื่องในการทำงาน แต่อีกหนึ่งปัจจัยที่ลืมไม่ได้ก็คือ พื้นฐานจากครอบครัว พ่อแม่นั้นถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดสำหรับลูก
เช่นเดียวกันกับ Richard Branson นักธุรกิจชื่อดังเจ้าของ Virgin Group ที่ตัวเขาเองก็ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัว และความสำเร็จของเขาในทุกวันนี้ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งก็มาจากบทเรียนต่าง ๆ ที่ได้จากครอบครัวนั่นเอง
- เมื่อทำอะไรแล้วต้องไม่เสียใจหรือเสียดายภายหลัง แม้ว่าสิ่งที่ทำนั้นจะไม่ประสบความสำเร็จ
- ตอน Richard Branson ยังเป็นเด็ก แม่ของเขาเคยปล่อยให้เขาลงจากรถกลางทางและหาทางกลับบ้านเอง เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ที่จะเอาตัวรอด เอาชนะความกลัวของตัวเอง และกล้าพูดคุยกับคนแปลกหน้าให้มากขึ้น
- เขากับน้องสาวทั้ง 2 คน ต้องช่วยกันทำงานบ้านต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก ซึ่งนั่นทำให้เขาเรียนรู้ที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ และทำการทำงานร่วมกับผู้อื่น
- แม้ Richard Branson จะมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับแล้ว แต่แม่ของเขาก็ไม่เคยหลงเชื่อคำเยินยอของคนอื่น และเตือนให้เขาโฟกัสที่ผลงานมากกว่าชื่อเสียง และอ่อนน้อมถ่อมตนต่อความสำเร็จที่ได้รับอยู่เสมอ
- ทุกวันนี้แม่ของเขายังคงทำตัวกระฉับกระเฉง ออกไปท่องเที่ยวและหาอะไรใหม่ ๆ ทำอยู่ตลอดเวลา และทำให้เขาเห็นว่าทุกเช้าวันใหม่ ก็คือโอกาสที่ดีที่จะได้เริ่มต้นสิ่งที่สนุก ตื่นเต้น และท้าทายใหม่ ๆ
|
|
Richard Branson ยกย่องให้คุณแม่ของเขาเป็นบุคคลสำคัญที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเขาเสมอมา เขาเล่าว่าคุณแม่ของเขาเป็นผู้หญิงเก่ง เป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยแรงขับเคลื่อนที่อยากจะทำสิ่งต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ตอนที่เธอยังสาว ๆ เธอรักทั้งการเล่นกีฬาและการเต้นรำ นอกจากนี้เธอยังเป็นคนที่กล้าคิดกล้าแสดงออก ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอได้เข้าทำงานกับกองทัพเรือ จนเมื่ออายุ 24 ปีเธอก็มาเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินซึ่งถือเป็นอาชีพที่เสี่ยงและท้าทายอีกอาชีพหนึ่งในสมัยนั้น เพราะเทคโนโลยีทางการบินยังไม่ก้าวหน้าเหมือนในปัจจุบัน นอกจากการเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มแล้ว พนักงานจะต้องคอยกำชับให้ผู้โดยสารทุกคนสวมหน้ากากออกซิเจนตลอดเที่ยวบิน ในกรณีที่เที่ยวบินนั้นบินด้วยระดับความสูงเป็นพิเศษ และบางครั้งความกดอากาศบนเครื่องยังทำให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องต้องคอยดูแลผู้โดยสารที่มักจะปรับสภาพร่างกายไม่ได้และอาเจียนอยู่บ่อยครั้งด้วย
ต่อมาเมื่อแม่ของเขาได้เจอกับ Edward Branson พ่อของเขาซึ่งเป็นทนายความ พวกท่านได้สร้างครอบครัวด้วยกันในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในชนบทของประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาได้ลืมตาดูโลกและได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี Richard Branson ซาบซึ้งในการพระคุณของพ่อแม่ของเขาเป็นอย่างมากที่พวกท่านดูแลทะนุถนอมลูก ๆ ทุกคน ด้วยความรักความห่วงใย พวกท่านให้ทั้งอิสระ และให้โอกาสในการประสบความสำเร็จให้กับตัวเขา จน Richard Branson ถึงกับออกปากว่า เขาอยากให้หลักการและคุณค่าที่พวกท่านคอยพร่ำสอนนั้น ถูกสะท้อนออกมาผ่านการทำธุรกิจ อย่างแบรนด์ Virgin ของเขาด้วยเช่นกัน JobThai จะพาไปดูว่า Richard Branson เรียนรู้สิ่งใดบ้างจาก Eve Branson คุณแม่ของเขา
1. ใช้ชีวิตในแบบที่เราจะไม่เสียใจภายหลัง
Richard Branson บอกว่าแม่ของเขาสอนให้เขาลืมความผิดพลาดและไม่หันหลังกลับไปเสียใจหรือเสียดายสิ่งที่เคยทำในอดีต แต่ให้มองไปในสิ่งที่กำลังจะทำในอนาคตข้างหน้าแทน ในตอนที่เขาเด็ก ๆ สถานะทางการเงินของที่บ้านจะค่อนข้างฝืดเคือง ทำให้คุณแม่ของเขาต้องหารายได้พิเศษ ด้วยการประดิษฐ์อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านขาย เขาประหลาดใจมากที่เห็นแม่ของเขาไม่เคยหยุดอยู่กับที่ ไม่ว่าสิ่งที่ทำจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว แม่ของเขามีไอเดียใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เช่น การทำผ้าปูโต๊ะ ทำกล่องทิชชูด้วยไม้จริง หรือ ถังขยะสำหรับใส่กระดาษโดยเฉพาะ แม้สิ่งที่ทำจะขายไม่ได้ แม่ของเขาก็ไม่ท้อและดิ้นรนผลิตคิดค้นของอย่างอื่นออกมาขายอีกจนได้
2. เรียนรู้วิธีเอาตัวรอดและปรับตัวให้เร็วที่สุด
มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ Richard Branson จำได้ไม่ลืม และเล่าให้คนอื่นได้ฟังในทุกครั้งที่มีโอกาส ว่าระหว่างที่เขาและแม่กำลังกลับจากการไปซื้อของในเมือง แม่ของเขาจอดรถระหว่างทางและบอกให้เขาลงรถแล้วหาทางกลับบ้านเอง ซึ่งระยะทางที่เหลือกว่าจะถึงบ้านนั้นไกลถึง 3 ไมล์ หรือประมาณ 4.8 กิโลเมตร ยิ่งไปกว่านั้นก็คือตอนนั้นเขามีอายุแค่ประมาณ 5 ขวบ
การที่แม่ของเขาทำแบบนี้ นอกจากจะเป็นการลงโทษที่เขาเล่นซนที่เบาะหลังรถแล้ว Richard Branson ยังคิดว่าแม่ของเขาพยายามจะสอนบทเรียนให้เขารู้จักเอาชนะความกลัวของตัวเอง เพราะสมัยเด็ก ๆ เขาเป็นคนขี้อายมาก ๆ ไม่กล้าคุยกับคนแปลกหน้าเลย การที่แม่ของเขาปล่อยให้เขาหาทางกลับบ้านเอง เป็นการบังคับให้เขาจะต้องกล้าคุยกับคนแปลกหน้าเพื่อถามทางกลับบ้านไปในตัว ใครจะไปรู้ว่าจากเด็กขี้อายในวันนั้น วันนี้เขาจะกลายเป็นนักธุรกิจดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความกล้าแสดงออก ไม่ว่าจะเป็นคำพูดในการให้สัมภาษณ์ หรืออธิบายไอเดียที่สร้างสรรค์ของเขาที่มักจะได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอยู่เสมอ
3. ให้ความสำคัญกับคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ
Richard Branson เล่าว่าครอบครัวของเขามีความสนิทสนมกลมเกลียวกันมากตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าทีมเวิร์กถือเป็นสิ่งสำคัญของเขากับน้อง ๆ เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำสวน การช่วยแม่เตรียมอาหาร หรือการทำความสะอาดบ้าน แม่ของเขาจะจัดแจงแบ่งงานให้ลูกทั้ง 3 คน ซึ่งได้แก่ตัว Richard Branson เอง รวมไปถึง Lindi และ Vanessa น้องสาวทั้งสองคนได้ช่วยกันทำงานบ้านทุกคน
เขาบอกว่าการที่แม่ของเขาสอนให้เขาได้รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้เขาโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ขยันทำมาหากิน แต่ก็ไม่เห็นแก่ตัว และทำให้เขาได้เรียนรู้หลักการในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
4.ทำตัวให้ติดดินเข้าไว้
Richard Branson บอกว่าเมื่อคนเราเริ่มประสบความสำเร็จ ได้เป็นที่ยอมรับหรือมีชื่อเสียง ช่วงเวลานั้นของชีวิตจะทำให้คุณหลงลืมว่าอะไรที่ทำให้คุณมาถึงจุดนี้ได้ เมื่อคนเราเด่นดังมากขึ้น เราก็จะทะเยอทะยานมากขึ้นจนอาจลืมรากเหง้าของตัวเองในที่สุดและนำไปสู่ขาลงของชีวิตได้
อย่างตัวเขาเองคือการที่เขาได้เป็นเจ้าของสายการบิน มีรสนิยมที่หรูหราอยู่แล้วก็ยิ่งทำให้เขาเกือบลืมตัวไปกันใหญ่ แต่ Eve Branson รู้จักลูกชายของตัวเองดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร แม่ของเขาไม่เคยหลงเชื่อคำสรรเสริญเยินยอของบรรดาสื่อมวลชนในความสำเร็จของเขา และเตือนให้เขามีความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อความสำเร็จที่ได้รับอยู่เสมอ ทำตัวให้ติดดิน และโฟกัสที่ผลงานมากกว่าชื่อเสียง เหมือนก่อนจะประสบความสำเร็จและโด่งดัง Richard Branson คิดว่ามีแต่วิธีการที่แม่ของเขาแนะนำเท่านั้น ที่จะทำให้เขารักษาชื่อเสียงและความสำเร็จเอาไว้ได้
5.เช้าวันใหม่คือโอกาสครั้งใหม่ของชีวิต
Richard Branson เล่าว่าสำหรับแม่ของเขา ทุกเช้าวันใหม่ คือโอกาสที่ดีที่จะได้เริ่มต้นสิ่งที่สนุก ตื่นเต้น และท้าทาย แม้แต่ทุกวันนี้แม่ของเขายังคงทำตัวกระฉับกระเฉงหากิจกรรมใหม่ ๆ ทำอยู่ตลอดเวลา เธอรักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ครั้งหนึ่งที่ Richard Branson ได้เตรียมเดินทางด้วยบอลลูนจากฝรั่งเศสข้ามพรมแดนไปยังโมร็อกโก เธอก็ได้สำรวจเส้นทางบริเวณเนินเขา High Atlas จนไปเจอสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกกันว่า Kasbah Tamadot ซึ่งเป็นป้อมปราการตามแบบสถาปัตยกรรมท้องถิ่นที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามโดยรอบได้ เธอตกหลุมรักที่นี่เข้าอย่างจัง เธอได้เข้าไปคลุกคลีกับชาวบ้าน และเกิดความคิดที่จะพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้พึ่งพาตัวเองได้
จนในที่สุดเธอได้ก่อตั้งมูลนิธิ Eve Branson Foundation ขึ้นเพื่อช่วยเหลือกลุ่มสตรีในท้องถิ่นที่ขาดโอกาสทางการศึกษาให้สามารถมีธุรกิจเป็นของตัวเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ด้วยการจัดอบรมทักษะเพื่อการประกอบอาชีพ เช่น การสอนงานฝีมือ ให้ชาวบ้านได้เรียนรู้วิธีประดิษฐ์สิ่งของขายเหมือนที่เธอเคยทำตอนสาว ๆ การอำนวยความสะดวกด้านอาคารสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็น
นอกจากนี้เธอยังวุ่นอยู่กับการเขียนบันทึกประวัติชีวิตของเธอเอง เธอชอบเขียนบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แถมยังเขียนหนังสือนิยาย และหนังสือเด็ก ออกวางจำหน่ายอีกต่างหาก กลายเป็นว่าถึงแม้จะอายุมากขนาดนี้ แต่ดูเหมือนว่าแม่ของ Richard Branson มีตารางงานยุ่งยิ่งกว่าเขาเองเสียอีก นี่แสดงให้เห็นว่า อายุไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งสำคัญคือทัศนคติของเราที่ควรเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอมากกว่า เพราะสิ่งใหม่ที่เราได้ทำนั้นอาจนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในชีวิตของเราและชีวิตของคนอื่นได้
JobThai มี Line แล้วนะคะ
ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่
ที่มา:
virgin.com
msmagazine.com
evebransonfoundation.org