“ทำงานออฟฟิศได้ยินแต่คำว่า KPI ใครก็ได้บอกทีว่า KPI คืออะไรกันแน่”

KPI คือ Key Performance Indicator เป็นหนึ่งในรูปแบบการประเมินความสามารถในการทำงานของพนักงานที่หลาย ๆ บริษัทเลือกใช้ เพื่อช่วยให้คนเป็นหัวหน้ามองเห็นขอบเขตความสามารถของลูกทีมและทำให้พนักงานแต่ละคนเข้าใจภาพรวมการทำงานของตัวเองและหาจุดที่จะต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น

พูดแค่นี้อาจจะยังไม่เห็นภาพ JobThai ขอพาคุณมาทำความรู้จักกับ KPI ให้มากขึ้น จะเป็นยังไงลองไปดูพร้อม ๆ กัน

KPI คือ ดัชนีชี้วัดความสำเร็จของงาน

จริง ๆ แล้ว KPI เป็นคำย่อมาจาก “Key Performance Indicator” โดยแต่ละคำมีความหมายดังนี้

• Key: จุดหลัก หัวข้อหลัก หรือ เป้าหมายหลัก

• Performance: ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล หรือ ผลของการกระทำ

• Indicator: ตัวชี้วัด หรือ ดัชนีชี้วัด

พอรวมกัน Key Performance Indicator เลยหมายถึง

“ดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน” ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบระหว่างผลการทำงานกับมาตรฐานหรือเป้าหมายที่ตกลงกันไว้ นอกจากจะช่วยประเมินผลการทำงานของพนักงานได้แล้ว บริษัทก็สามารถใช้วิธีนี้วัดและประเมินผลความก้าวหน้าในการบรรลุวิสัยทัศน์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของบริษัทได้อีกด้วย

KPI คือตัวช่วยให้การบริหารทีมง่ายขึ้น

สำหรับบริษัทที่มีพนักงานเยอะ ๆ KPI คือเครื่องมือที่จะช่วยให้หัวหน้าบริหารทีมได้ง่ายขึ้น เพราะตัวชี้วัดนี้จะช่วยกำหนดเป้าหมายการทำงานให้กับพนักงานแต่ละคนอย่างเฉพาะเจาะจง ยิ่งกำหนด KPI ของพนักงานให้มีความชัดเจน พนักงานก็จะเข้าใจขอบเขตการตัดสินใจและหน้าที่ของตัวเองมากขึ้น

ส่วนมากผู้บริหารจะเป็นคนวาง KPI ให้แต่ละแผนก แล้วให้หัวหน้าแผนกเอา KPI ไปกระจายแบ่งให้กับสมาชิกในทีมตัวเองต่อ หรือบางครั้งหัวหน้าแผนกอาจจะเอา KPI ที่ได้รับมาปรึกษาหารือกับสมาชิกในทีมเพื่อช่วยกันกำหนด KPI ของสมาชิกทุกคนในทีมให้ออกมาในทิศทางเดียวกัน

พนักงานแต่ละแผนกจะใช้ KPI วัดผลงานในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เช่น คนทำงานฝ่ายขายอาจวัด KPI จากการปิดดีลลูกค้าและเม็ดเงินที่หาได้ ส่วนฝ่ายบริการลูกค้าอาจวัด KPI จากศักยภาพของพนักงานในการตอบคำถามหรือแก้ปัญหาให้ลูกค้าครบถ้วน

แนวทางการตั้ง KPI จะเป็นแบบไหน ขึ้นอยู่กับองค์กร

แต่ละบริษัทไม่จำเป็นต้องมี KPI เหมือนกันก็ได้ มันขึ้นอยู่กับว่า บริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรเป็นอันดับต้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น Walmart ซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังในสหรัฐอเมริกาที่มุ่งเน้นให้สินค้าในร้านมีราคาถูก สบายกระเป๋า ก็อาจจะทำให้ KPI ขององค์กรต้องโฟกัสที่เรื่องการเงินเป็นหลัก

ออกแบบ KPI ให้ได้ผลดีด้วยหลักเกณฑ์ SMART KPI

ถ้าคุณอยากตั้ง KPI ให้มีความเหมาะสมและใช้ได้ผลดี คุณสามารถนำเกณฑ์ SMART KPI มาช่วยวิเคราะห์ได้ โดยแต่ละตัวอักษรมีความหมายที่ซ่อนอยู่ ดังนี้

SMART KPI

• S - Specific: มีความเฉพาะเจาะจง

• M - Measurable: วัดผลได้จริงแบบเป็นรูปธรรม

• A - Achievable: ตั้งเป้าหมายที่สามารถบรรลุได้จริง

• R - Relevant: เป็นไปในทิศทางเดียวกับการดำเนินงานของบริษัท

• T - Timely: มีกรอบระยะเวลาชัดเจน

แล้วถ้าอยากให้ตัวชี้วัดมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นไปอีก คุณจะเลือกใช้เกณฑ์ SMARTER KPI ไปเลยก็ได้ โดยตัวอักษร E และ R ที่เพิ่มมามีความหมายดังนี้

SMARTER KPI

• E – Explainable: อธิบายให้คนที่เกี่ยวข้องเข้าใจได้

• R – Relative: สัมพันธ์ไปกับการเติบโตของธุรกิจ

เราจะเห็นว่า KPI คือกุญแจสำคัญในการประเมินคุณภาพผลงาน ดังนั้นทางบริษัทเองก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจร่วมกันกับพนักงานเกี่ยวกับการชี้วัดผลผ่านการใช้ KPI ให้เหมาะสม เพื่อพัฒนาและยกระดับศักยภาพองค์กรให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันด้วย

ที่มา:

webopedia.com

klipfolio.com

thaiwinner.com

shopify.com

cashort.com