ข้อมูลส่วนตัวใน Resume ควรประกอบไปด้วย รูปถ่ายที่เห็นใบหน้าตรงชัดเจน แต่งกายสุภาพเรียบร้อย เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้จริง และใช้อีเมลที่เป็นทางการ
ใส่ประสบการณ์การทำงาน การอบรมสัมมนาในเรซูเม่ด้วย ถ้าเป็นนักศึกษาจบใหม่ ให้บอกถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำ การฝึกงาน หรือการทำงานพาร์ทไทม์แทนได้
ระบุทักษะและความสามารถที่คิดว่าโดดเด่นที่สุด โดยเฉพาะทักษะที่จำเป็นในตำแหน่งงานที่สมัคร
บอกจุดมุ่งหมายในการทำงานให้ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และแรงจูงใจแก่องค์กร
เรซูเม่ควรสั้น กระชับ และเข้าใจง่าย และระวังการสะกดคำผิดด้วย
ไฟล์เรซูเม่ที่ส่งควรตั้งชื่อไฟล์ด้วยชื่อ-นามสกุลของตัวเอง และควรส่งเป็นไฟล์ PDF
VIDEO
ถ้ามั่นใจว่าเรซูเม่ของเราดึงดูดความสนใจจาก HR ได้แล้ว
ก็ดาวน์โหลด JobThai Mobile Application แล้วอัปโหลดไฟล์ เพื่อส่งใบสมัครเลย
Huawei AppGallery
กว่าจะถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานได้ เราต้องสู้กับ Resume นับสิบนับร้อยใบที่ HR ได้รับในแต่ละวัน เราเลยต้องทำให้ Resume ของเราโดดเด่นเข้าตา HR มากที่สุด แต่การโดดเด่นที่ว่าไม่ได้หมายถึงเรื่องของรูปแบบ Layout หรือความคิดสร้างสรรค์ที่ใส่ไปใน Resume แต่หมายถึงเราใส่ข้อมูลต่าง ๆ ได้ครบและดึงดูดความสนใจจาก HR ภายในเวลาไม่กี่วินาทีที่เขาดู Resume ของเราได้ต่างหาก
JobThai จะพาไปดูกันว่าในเวลาไม่กี่วินาทีที่ HR แสกนเรซูเม่แต่ละใบ เขาให้ความสำคัญกับส่วนไหนบ้าง
1. ข้อมูลส่วนตัว
ส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการทำ Resume เพราะมันจะบอกว่าเราคือใคร หน้าตาแบบไหน โดยจะประกอบไปด้วย ชื่อ-นามสกุล ประวัติการศึกษา เบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลติดต่อ และรูปถ่าย
เราจะต้องตรวจสอบให้ดีว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่เราใส่ไปถูกต้องไหม โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์และอีเมล เราคงไม่อยากเสียโอกาสที่จะถูกเรียกสัมภาษณ์ไปเพราะ HR ติดต่อเราไม่ได้หรอกใช่ไหม นอกจากนั้นอีเมลที่ใช้ก็ควรจะเป็นทางการด้วย เช่น ชื่อ.นามสกุล@mailservice.com ส่วนรูปถ่ายที่เป็นจุดแรกที่ HR จะเห็นจากเรซูเม่ ก็ควรเป็นรูปหน้าตรง เห็นหน้าชัดเจน แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย
2. ประสบการณ์การทำงาน
สำหรับคนที่เคยทำงานมาแล้ว ควรจะโชว์ให้ HR เห็นว่าเรามีประสบการณ์การทำงานตำแหน่งอะไร ที่ไหนมาบ้าง รวมถึงขอบเขตหน้าที่ที่รับผิดชอบ รวมถึงการอบรมต่าง ๆ ที่เคยเข้าร่วม ซึ่งควรจะเรียงลำดับจากประสบการณ์ปัจจุบันไปหาอดีต
ส่วนนักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน เราก็เอาประสบการณ์พิเศษต่าง ๆ เช่น การเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร การออกค่าย การฝึกงาน หรือการทำงาน Part-time มาใส่เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้ Resume ได้ และจะยังเป็นการสนับสนุนว่าเราเป็นคนที่มีความสามารถรอบด้าน และมีความรับผิดชอบอีกด้วย
3. ทักษะและความสามารถ
ยิ่งเรามีทักษะและความสามารถหลากหลายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ Resume เราน่าสนใจและได้เปรียบคู่แข่ง เราจึงต้องพยายามหาจุดเด่นและเอามานำเสนอให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะเฉพาะทางที่จำเป็นต่อตำแหน่งงานที่สมัคร เช่น ทักษะทางภาษา หรือภาษาที่สาม สำหรับตำแหน่งที่ต้องใช้ความสามารถด้านภาษาโดยตรง หรือ ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่จำเป็นและนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ในหลาย ๆ สายงาน
ตำแหน่งงานในบริษัทชั้นนำ สำหรับคนที่มีทักษะด้านภาษา
นอกจากนี้เรายังมี Tips เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้เรซูเม่ของเราน่าประทับใจและดู Professional มากขึ้นไปอีก
จุดมุ่งหมายในอาชีพที่ชัดเจน ดึงดูดความสนใจจาก HR ได้
จุดนี้คืออีกจุดนึงในเรซูเม่ที่คนมักไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเขียนอะไรดี การเขียนจุดมุ่งหมายในอาชีพ หรือ Career Objective นั้นเราควรจะเขียนให้สอดคล้องกับตำแหน่งที่เราสมัคร เช่น ตั้งเป้าหมายระยะสั้นว่าจะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จได้อย่างไร หรือการตั้งเป้าหมายระยะยาวในช่วงเวลา 3-5 ปีข้างหน้าในเส้นทางอาชีพว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ถ้าเรามีจุดมุ่งหมายในอาชีพที่ชัดเจน ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและสร้างแรงจูงใจให้ HR เลือกเราเพื่อสร้างผลงานและขับเคลื่อนองค์กรได้
ทำ Resume ให้สั้น กระชับ เข้าใจง่าย แต่ครบถ้วน
เพราะว่า HR ใช้เวลาสแกน Resume แค่ไม่นาน Resume ของเราก็เลยควรที่จะสั้น กระชับ เข้าใจง่าย แต่ใส่ข้อมูลครบถ้วน ซึ่งความยาวที่เหมาะสมก็คือไม่ควรเกิน 2 หน้ากระดาษ A4 เราจึงควรเลือกเอาแต่ข้อมูลที่สำคัญและคิดว่าน่าสนใจ และจำเป็นกับตำแหน่งงานที่สมัครจริง ๆ เท่านั้น เพื่อให้ HR อ่าน Resume ของเราได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญคือต้องตรวจทานทั้งการสะกดคำ ภาษาที่ใช้ และการเรียงลำดับข้อมูลต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนส่งด้วย
ตั้งชื่อและเลือกประเภทได้ดี อาจมีโอกาสมากขึ้น
ถึงเวลาทำ Resume เราจะแก้จะปรับและเซฟไฟล์ใหม่อยู่หลายรอบ จนมีทั้งไฟล์ resume, resume_edit, resume_final แต่อย่าเผลอเอาไฟล์ที่มีชื่อแบบนี้ส่งไปสมัครงานเด็ดขาด ไฟล์ที่เราส่งไปควรจะตั้งชื่อให้ชัดเจนและเป็นทางการ โดยใช้ชื่อ-นามสกุลจริงของเรา และระบุด้วยด้วยเป็น Resume เช่น Resume_ชื่อ การทำแบบนี้ HR จะได้รู้ว่าเป็นไฟล์อะไร ของผู้สมัครคนไหน เพราะไฟล์ที่แนบไปในการสมัครงานแต่ละครั้งอาจจะมีไฟล์อื่น ๆ ด้วย เช่น Portfolio หรือ Transcript
นอกจากนั้นเราควรจะดูที่ประกาศงานก่อนด้วยว่าเขาต้องการให้เราส่งไฟล์ประเภทไหน แต่ถ้าไม่ได้ระบุไว้ การเลือกส่งเป็น PDF เป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะว่าไฟล์ Microsoft Word นั้นมีโอกาสที่เนื้อหาที่ถูกจัดวางมาเป็นอย่างดีอาจเคลื่อนได้เวลา HR เปิดดู
ปรับ Resume ตามที่บอกจนมั่นใจว่าดึงดูด HR ได้แน่ ๆ ก็ถึงเวลาส่งใบสมัครกันแล้ว
ดาวน์โหลด JobThai Mobile Application ได้ที่
Huawei AppGallery
ติดตาม Career Talk Podcast ได้ที่
JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน
บทความเดิมได้ถูกเผยแพร่ในวันที่ 25 สิงหาคม 2016 และได้รับการอัปเดตโดยทีมงาน JobThai