ประวัติการศึกษาเป็นข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต้องใส่ใน Resume เพื่อให้บริษัทเห็นความสามารถทางวิชาการของผู้สมัคร JobThai จะพาไปดูกันว่าการเขียนประวัติการศึกษาให้ครบถ้วนควรคำนึงถึงประเด็นไหนบ้าง
การเขียนประวัติการศึกษาใน Resume เป็นการยืนยันคุณวุฒิทางการศึกษา แสดงให้เห็นว่าเรามีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งงานที่สมัคร หรือแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จทางวิชาการไม่ว่าจะเป็นผลงานทางวิชาการ รางวัล ทุนการศึกษา และความสำเร็จอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศในวิชาความรู้ ในบางกรณียังช่วยทำให้ Resume ของเราโดดเด่นมากขึ้นได้อีกด้วย โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ คนที่มีประสบการณ์การทำงานจำกัด ก็สามารถเน้นความสามารถด้านการศึกษาเพื่อทดแทนประสบการณ์การทำงานที่ขาดไปได้
การเรียงลำดับ
ชื่อหลักสูตร/ปริญญา: ควรระบุสาขาวิชาและประเภทปริญญา เช่น “หลักสูตรบริหารธุรกิจ ระดับปริญญาตรี” หรือ เศรษฐศาสตรบัณฑิต
ชื่อมหาวิทยาลัย: ระบุชื่อสถาบันที่สำเร็จการศึกษา
วันที่เข้าศึกษา/ปีที่สำเร็จการศึกษา: ใช้รูปแบบ เดือน/ปี สำหรับวันที่เข้าศึกษา เช่น “08/2551 - 06/2555”หรือ วงเล็บปีไว้ท้ายชื่อหลักสูตร เช่น เศรษฐศาสตรบัณฑิต (2555)
ข้อมูลเพิ่มเติม เลือกใส่ได้ตามความเหมาะสม
วิชาโท: “วิชาโทจิตวิทยา”
สถานที่: หากมหาวิทยาลัยไม่เป็นที่รู้จักมากนัก สามารถเพิ่มสถานที่ได้ (เช่น “สตอกโฮล์ม สวีเดน”)
เกรดเฉลี่ย: ควรใส่เกรดเฉลี่ยของเราเฉพาะในกรณีที่มีผลการเรียนที่โดดเด่นเท่านั้น
เกียรตินิยม: เพิ่มเกียรติคุณและความโดดเด่นใด ๆ ที่เราได้รับ (เช่น เกียรตินิยมอันดับ 2, เกียรตินิยมอันดับ 1, เกียรตินิยมสูงสุด)
ความสำเร็จ: สามารถกล่าวถึงความสำเร็จทางวิชาการ เช่น งานวิจัยที่น่าสนใจที่เคยเขียน โครงงานที่เคยทำ หรือรายวิชาที่เกี่ยวข้องที่เราทำได้ดี
ทั้งนี้ ควรแสดงวุฒิการศึกษาโดยเริ่มต้นจากวุฒิการศึกษาสูงสุดของเราไว้ด้านบน เช่น ปริญญาโท ตามด้วยปริญญาตรี แต่ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายเพราะมันไม่มีน้ำหนักมากพอและเราสามารถประหยัดพื้นที่สำหรับเนื้อหาข้ออื่นได้
ตำแหน่งการวาง เราสามารถวางหัวข้อประวัติการศึกษาไว้ก่อนหรือหลังประสบการณ์การทำงานได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เช่น ถ้าเป็นสายอาชีพที่มีความเป็นวิชาการสูง หรือจำเป็นต้องแสดงวุฒิบัตรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาก็ควรวางไว้ส่วนบนของ Resume แต่ถ้าเป็นตำแหน่งทั่วไป อาจวางไว้หลังประสบการณ์การทำงาน หรือทักษะการทำงานเพื่อให้ HR เห็นข้อมูลเรื่องการทำงานก่อน
คำแนะนำอื่น ๆ
- ประวัติการศึกษาอาจเป็นหัวข้อที่ควรทำให้กระชับที่สุดสำหรับคนทำงานที่มีประสบการณ์แล้ว แต่สำหรับเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตการทำงานอาจอธิบายขยายความข้อมูลในส่วนนี้ให้มากขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีผลการเรียนที่โดดเด่น มีวิชาที่ถนัด หรือมีการทำกิจกรรมบางอย่างขณะศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงทักษะในการทำงาน ซึ่งจะแทรกเป็นตัวอย่างภายในหัวข้อนี้ หรือ แยกหัวข้อกิจกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติมก็ได้
- ถ้ายังเรียนไม่จบให้ใส่ข้อมูลวันที่เริ่มศึกษาและเว้นวันที่สิ้นสุดไว้ (กรณีเรียนปริญญาตรีหรือโทเพิ่มที่ตรงตามสายงาน)
- ถ้าเราเป็นนักศึกษาที่กำลังจะจบแต่จะส่งใบสมัครไปให้กับบริษัท สามารถใส่วันที่คาดว่าจะสำเร็จการศึกษาได้
ประวัติการศึกษาเป็นเครื่องการันตีองค์ความรู้ที่เรามีสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำงานในทุกสายอาชีพ อย่างไรก็ตามในโลกของการทำงานและการสมัครงาน บริษัทจะตรวจสอบในเบื้องต้นว่าเรามีคุณสมบัติตรงตามวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้หรือไม่ การเขียน Resume ในส่วนนี้จึงควรทำให้ถูกต้องและกระชับที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเหลือพื้นที่ให้กับหัวข้อที่สำคัญกว่าอย่างหัวข้อประสบการณ์และทักษะการทำงาน
เทคนิคการเขียน Resume แบบเจาะลึก ในส่วนอื่น ๆ
ที่มา:
novoresume.com
coursera.org