เทคนิคการเขียน Resume แบบเจาะลึก: ประวัติการศึกษา (Education)

07/03/25   |   319   |  

 

 

ประวัติการศึกษาเป็นข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต้องใส่ใน Resume เพื่อให้บริษัทเห็นความสามารถทางวิชาการของผู้สมัคร JobThai จะพาไปดูกันว่าการเขียนประวัติการศึกษาให้ครบถ้วนควรคำนึงถึงประเด็นไหนบ้าง

 

JobThai Mobile Application สมัครงานง่าย ได้งานเร็ว

iOS

Android

Huawei AppGallery

 

ความสำคัญของประวัติการศึกษาใน Resume

การเขียนประวัติการศึกษาใน Resume เป็นการยืนยันคุณวุฒิทางการศึกษา แสดงให้เห็นว่าเรามีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งงานที่สมัคร หรือแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จทางวิชาการไม่ว่าจะเป็นผลงานทางวิชาการ รางวัล ทุนการศึกษา และความสำเร็จอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศในวิชาความรู้  ในบางกรณียังช่วยทำให้ Resume ของเราโดดเด่นมากขึ้นได้อีกด้วย โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ คนที่มีประสบการณ์การทำงานจำกัด ก็สามารถเน้นความสามารถด้านการศึกษาเพื่อทดแทนประสบการณ์การทำงานที่ขาดไปได้

 

สิ่งที่ควรทำในการนำเสนอประวัติการศึกษา

การเรียงลำดับ

ชื่อหลักสูตร/ปริญญา: ควรระบุสาขาวิชาและประเภทปริญญา เช่น “หลักสูตรบริหารธุรกิจ ระดับปริญญาตรี” หรือ เศรษฐศาสตรบัณฑิต

 

ชื่อมหาวิทยาลัย: ระบุชื่อสถาบันที่สำเร็จการศึกษา 

 

วันที่เข้าศึกษา/ปีที่สำเร็จการศึกษา: ใช้รูปแบบ เดือน/ปี สำหรับวันที่เข้าศึกษา เช่น “08/2551 - 06/2555”หรือ วงเล็บปีไว้ท้ายชื่อหลักสูตร เช่น  เศรษฐศาสตรบัณฑิต (2555)

 

ข้อมูลเพิ่มเติม เลือกใส่ได้ตามความเหมาะสม

วิชาโท: “วิชาโทจิตวิทยา”

 

สถานที่: หากมหาวิทยาลัยไม่เป็นที่รู้จักมากนัก สามารถเพิ่มสถานที่ได้ (เช่น “สตอกโฮล์ม สวีเดน”)

 

เกรดเฉลี่ย: ควรใส่เกรดเฉลี่ยของเราเฉพาะในกรณีที่มีผลการเรียนที่โดดเด่นเท่านั้น

 

เกียรตินิยม: เพิ่มเกียรติคุณและความโดดเด่นใด ๆ ที่เราได้รับ (เช่น เกียรตินิยมอันดับ 2, เกียรตินิยมอันดับ 1, เกียรตินิยมสูงสุด)

 

ความสำเร็จ: สามารถกล่าวถึงความสำเร็จทางวิชาการ เช่น งานวิจัยที่น่าสนใจที่เคยเขียน โครงงานที่เคยทำ หรือรายวิชาที่เกี่ยวข้องที่เราทำได้ดี

 

ทั้งนี้ ควรแสดงวุฒิการศึกษาโดยเริ่มต้นจากวุฒิการศึกษาสูงสุดของเราไว้ด้านบน  เช่น ปริญญาโท ตามด้วยปริญญาตรี แต่ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายเพราะมันไม่มีน้ำหนักมากพอและเราสามารถประหยัดพื้นที่สำหรับเนื้อหาข้ออื่นได้

 

ตำแหน่งการวาง เราสามารถวางหัวข้อประวัติการศึกษาไว้ก่อนหรือหลังประสบการณ์การทำงานได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เช่น ถ้าเป็นสายอาชีพที่มีความเป็นวิชาการสูง หรือจำเป็นต้องแสดงวุฒิบัตรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาก็ควรวางไว้ส่วนบนของ Resume แต่ถ้าเป็นตำแหน่งทั่วไป อาจวางไว้หลังประสบการณ์การทำงาน หรือทักษะการทำงานเพื่อให้ HR เห็นข้อมูลเรื่องการทำงานก่อน

 

คำแนะนำอื่น ๆ

  •  ประวัติการศึกษาอาจเป็นหัวข้อที่ควรทำให้กระชับที่สุดสำหรับคนทำงานที่มีประสบการณ์แล้ว แต่สำหรับเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตการทำงานอาจอธิบายขยายความข้อมูลในส่วนนี้ให้มากขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีผลการเรียนที่โดดเด่น มีวิชาที่ถนัด หรือมีการทำกิจกรรมบางอย่างขณะศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงทักษะในการทำงาน ซึ่งจะแทรกเป็นตัวอย่างภายในหัวข้อนี้ หรือ แยกหัวข้อกิจกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติมก็ได้

 

  • ถ้ายังเรียนไม่จบให้ใส่ข้อมูลวันที่เริ่มศึกษาและเว้นวันที่สิ้นสุดไว้ (กรณีเรียนปริญญาตรีหรือโทเพิ่มที่ตรงตามสายงาน)

 

  • ถ้าเราเป็นนักศึกษาที่กำลังจะจบแต่จะส่งใบสมัครไปให้กับบริษัท สามารถใส่วันที่คาดว่าจะสำเร็จการศึกษาได้

 

สรุป

ประวัติการศึกษาเป็นเครื่องการันตีองค์ความรู้ที่เรามีสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำงานในทุกสายอาชีพ อย่างไรก็ตามในโลกของการทำงานและการสมัครงาน บริษัทจะตรวจสอบในเบื้องต้นว่าเรามีคุณสมบัติตรงตามวุฒิการศึกษาที่กำหนดไว้หรือไม่ การเขียน Resume ในส่วนนี้จึงควรทำให้ถูกต้องและกระชับที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเหลือพื้นที่ให้กับหัวข้อที่สำคัญกว่าอย่างหัวข้อประสบการณ์และทักษะการทำงาน

 

เทคนิคการเขียน Resume แบบเจาะลึก ในส่วนอื่น ๆ 

หางานใหม่ที่ใช่ ได้เป็นตัวของคุณเอง ที่ JobThai สมัครสมาชิกและฝากประวัติที่นี่เลย

 

ที่มา:

novoresume.com

coursera.org

tags : jobthai, ประวัติการศึกษา, การศึกษา, education, งาน, หางาน, สมัครงาน, resume, career & tips, เด็กจบใหม่, เคล็ดลับการทำงาน, สัมภาษณ์งาน, จบใหม่ต้องรู้, คนทำงาน, คนหางาน



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม