“แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าตัวเองจะดูแลบริหารบริษัทได้”
คำถามจากคนเป็นพ่อที่ถามขึ้นมาหลังจากที่นิพนธ์เดินไปบอกพ่อว่าเขาตัดสินใจที่จะเปิดบริษัทเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง ทำเอาเอานิพนธ์ชะงักไปชั่วขณะ
เขามั่นใจว่าตัวเองเป็นคนมีความสามารถ ทำงานเก่ง จนทำให้ไม่ว่าจะทำงานที่ไหนเขาก็มักจะได้รับคำชื่นชมและความไว้วางใจให้เป็นหัวหน้าทีมในการทำโปรเจกต์สำคัญ ๆ อยู่เป็นประจำ และหลังจากที่เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานมาเป็นเวลากว่าสิบปี เขาก็ตัดสินใจที่จะออกมาทำตามความฝัน นั่นก็คือการเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง ด้วยความคิดว่ายิ่งเขาเริ่มต้นมันเร็วเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งจะมีโอกาสมากเท่านั้น
แต่เขาอาจจะลืมไปว่าการเป็นหัวหน้าทีมที่คอยจัดการงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบที่เขาเคยทำมา ความรับผิดชอบคงไม่สามารถเทียบได้กับการเป็นผู้บริหารระดับสูง หรือเจ้าของบริษัท แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่สามารถฝึกฝนและเรียนรู้ได้เสียทีเดียว JobThai จึงได้เอาเคล็ดลับดี ๆ สำหรับการเป็นผู้นำ จากคนที่เป็นผู้นำตัวจริงอย่าง Larry Page ผู้ร่วมก่อตั้ง Google มาฝากคนที่กำลังคิดอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ รวมไปถึงคนที่เป็นผู้บริหารด้วย
- สนับสนุนให้คนในทีมเชื่อมั่นไอเดียของตัวเอง และพัฒนามันออกมาให้ได้ แม้อาจจะดูเป็นไปได้ยาก และบางครั้งสิ่งที่เราได้มามันอาจจะไม่ใช่เป้าหมายที่เราคาดหวังไว้ตั้งแต่แรกก็ตาม
- มีการบริหารคนด้วยระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ไม่มีพิธีรีตองหรือกฎเกณฑ์ที่ตายตัว
- พยายามกระตุ้นให้พนักงานตัดสินใจ และทำงานอย่างรวดเร็ว แต่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เพราะเมื่อคนทำงานสามารถทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น ก็จะทำให้บริษัทก้าวหน้าได้เร็วขึ้นตามไปด้วย
- เมื่อคิดที่จะทำอะไรแล้วต้องมีความพยายามและมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง
|
|
ไม่ละเลยไอเดียที่เป็นอุดมคติของตัวเอง และค่อย ๆ พัฒนาไอเดียนั้นจนมันกลายเป็นจริง
ไอเดียของ Google ในการสร้างระบบค้นหาข้อมูลนั้นเกิดมาจากการที่ Larry Page ฝันถึงการดาวน์โหลดข้อมูลทั้งเว็บไซต์และเก็บลิงก์ของเว็บเหล่านั้นมาไว้ในแหล่งเก็บข้อมูลเดียวกันทั้งหมด เขากล่าวว่า ถ้าไม่มีคนอื่นกล้าพอที่จะเริ่มทำในสิ่งนั้น คุณก็แทบจะไม่ต้องแข่งขันกับใครเลย
Larry Page สนับสนุนให้ทีมงานของเขาเชื่อมั่นในไอเดียที่เกินจริงของตัวเอง การพยายามต่อสู้เพื่อไอเดียเหล่านั้นอาจทำให้ผลลัพธ์ของมันเปลี่ยนแปลงโลกได้ ไอเดียนั้นจะดึงดูดคนเก่ง ๆ ที่เชื่อในสิ่งเดียวกันและนั่นจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ แม้บางครั้งสิ่งที่เราได้ในท้ายที่สุดอาจจะไม่ใช่เป้าหมายที่เราคาดหวังไว้ในตอนแรกก็ตาม
ในงาน Google Faculty Summit ปี 2009 Larry Page ได้กล่าวว่าตอนที่ Google เริ่มคิดค้นระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวิจัยนั้น พวกเขากลับคิดค้นระบบกำหนดโฆษณาตามเป้าหมายกลุ่มขึ้นมาแทน ซึ่งระบบที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญนี้ กลับสร้างรายได้ให้ Google เกินกว่ากึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทเสียอีก
สร้างทีมงานคุณภาพและหลีกเลี่ยงขั้นตอนที่ซับซ้อน
หลายปีมาแล้วที่ Larry Page จะต้องควบคุมทุกความเป็นไปในระบบการจ้างงานของ Google ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรก ๆ ที่เขาคัดเลือกพนักงาน เขามักจะเลือกคนที่จบการศึกษาจาก University of Michigan หรือ Stanford University ซึ่งเป็นที่ที่เขาและ Sergey Brin ผู้ร่วมก่อตั้ง Google อีกคนได้รู้จักกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งในตอนนี้พนักงานระดับหัวกะทิรุ่นแรก ๆ ที่ได้รับการคัดเลือกจาก Larry Page ได้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน บางคนออกไปเปิดบริษัททำธุรกิจเป็นของตัวเอง ในขณะที่บางส่วนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกที่สำคัญของ Google ซึ่งพนักงานหลายคนนั้นเก่งและมีรายได้สูง แต่พวกเขาก็ยังคงปักหลักทำงานกับ Larry Page เพราะพวกเขาเชื่อมั่นในตัวของผู้ชายคนนี้
ในด้านการบริหารคน เขาพยายามลดภาระหรือมอบหมายงานใหม่ให้ทีมบริหารระดับกลางด้วยระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น เพราะตัวเขาไม่ชอบระบบการบริหารที่มีกฎเกณฑ์ตายตัวและมีพิธีรีตอง (Bureaucracy) แบบเดิม ๆ ซึ่งนั่นทำให้วัฒนธรรมในการทำงานและโครงสร้างองค์กรและของ Google เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพขึ้นตามไปด้วย
ทำงานให้รวดเร็ว แต่ต้องถูกต้อง
Larry Page กำลังเปลี่ยนแปลงให้คนใน Google ซึ่งมีพนักงานทั้งหมด 26,000 คนทั่วโลก ทำงานอย่างรวดเร็วและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เขาให้พนักงานรายงานสถานการณ์ทำงานล่าสุดหรือนำเสนอโครงการต่อเขาด้วยการเขียนไม่เกิน 60 คำ ซึ่งนั่นทำให้พนักงานต้องเขียนบทความที่มีใจความเพียงสองย่อหน้าที่กระชับ อ่านเข้าใจง่าย และน่าสนใจ
Larry Page ยังกระตุ้นให้พนักงานตัดสินใจให้รวดเร็วกว่าเดิม รวมไปถึงการมีส่วนร่วมที่มากขึ้นในการทำงาน ผู้บริหารระดับสูงจะต้องมีเวลาพูดคุยกันอย่างน้อยหนึ่งวันต่อสัปดาห์เพื่อการประสานงานอย่างราบรื่นและการตัดสินใจที่รวดเร็ว เมื่อพนักงานทุกคนมีธรรมชาติของการทำงานที่รวดเร็วมากขึ้น ใช้เวลาตัดสินใจน้อยลง จะทำให้ทั้งบริษัทก้าวไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น แม้จะเป็นก้าวเล็ก ๆ แต่ก็เป็นก้าวที่สำคัญ พนักงานของ Google ใส่ใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองอยู่เสมอ พวกเขาเรียนรู้และรู้จักประยุกต์ความรู้ให้เข้ากับการทำงานได้ในทุกสถานการณ์ และทำให้พวกเขาทำงานได้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ วัน
มีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง
เป็นระยะเวลาหลายปีกว่าที่ Google Maps และ Street View จะกลายเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงโลกและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้คนในปัจจุบัน Larry Page บอกว่าช่วงแรก ๆ ที่เขาทดลองระบบแผนที่นั้นเขาต้องขับรถไปทั่วและถ่ายวิดีโอจำนวนมาก และหลังจากที่ได้คิดดีแล้วว่าโครงการนี้น่าจะไปต่อได้ เขาก็ยังต้องใช้เวลาและความพยายามในการเกลี้ยกล่อมให้คนอื่น ๆ เชื่อในแบบที่เขาเชื่อด้วยเหมือนกัน
นอกจากนี้ Larry Page ยังสนใจเรื่องรถยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทนตั้งแต่ตอนที่เขาเข้าร่วมทีมในการแข่งขันสร้างรถพลังงานแสงอาทิตย์ของ University of Michigan ตั้งแต่ปี 1993 และในปัจจุบัน Google ได้เพิ่มข้อมูลที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้รถพลังงานแสงอาทิตย์สามารถรู้ตำแหน่งสถานีชาร์จพลังงานได้สะดวกยิ่งขึ้น สิ่งต่อไปที่เขาต้องทำให้สำเร็จคือโครงการที่ดูเหลือเชื่ออย่าง รถยนต์ไร้คนขับที่มีระบบหุ่นยนต์ในการควบคุมแทนมนุษย์ทั้งหมด ที่ Larry Page ยิ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม จนกว่าเขาจะเปลี่ยนโลกได้อีกครั้งหลังจากที่เขาเคยทำได้มาแล้ว
JobThai มี Line แล้วนะคะ
ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่
ที่มา
fortune.com