6 เคล็ดลับจุดไฟในการทำงานขึ้นมาอีกครั้ง

21/07/23   |   23.3k   |  

 

  • เชื่อมั่นในตัวเอง และเดินเข้าหาโอกาสที่คิดว่าสมควรจะได้รับ อย่ายอมแพ้ต่อสิ่งที่บั่นทอนเรา หากมีเพื่อนร่วมงานที่มองเราเป็นคู่แข่ง หรือหัวหน้าที่จับผิดเราตลอดเวลา ก็อย่าเสียพลังไปกับคนเหล่านั้น แต่ให้ตั้งใจทำงานของตัวเอง และสู้กับตัวเองให้เต็มที่

  • อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับใคร หากมีเพื่อนร่วมงานที่เก่งกว่าจนทำให้เราชื่นชม ให้ใช้ความชื่นชมนั้นเป็นตัวกระตุ้นเราให้พัฒนาตัวเองไปสู่ความสำเร็จ

  • ให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ความกดดันมาทำให้เราไม่ก้าวหน้าไปไหน ใช้โอกาสและอุปสรรคที่เข้ามาเพื่อเรียนรู้ และพัฒนาทักษะของตัวเอง เพื่อสร้างความได้เปรียบในชีวิตการทำงาน

  • หากสาเหตุที่เราหมดไฟในการทำงานคือเรารักและมีความสนใจในเรื่องอื่น ๆ มากกว่า เราก็ต้องกล้าที่จะไปเริ่มสิ่งใหม่ ๆ เพราะการได้ทำในสิ่งที่รัก จะทำให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จได้เร็วกว่า

 

 

JobThai Mobile Application หางานง่าย ได้งานที่ใช่ โหลดเลย!

iOS

Android

Huawei AppGallery

เมื่อคนทำงานได้ทำงานมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว หลายคนก็เริ่มถึง “จุดอิ่มตัว” ในการทำงาน ซึ่งบางครั้งเราอาจเรียกว่าการหมดไฟ หรือภาวะ Burnout เพราะรู้สึกว่าการทำงานนี้ไม่สนุกอีกต่อไปและส่งผลให้เบื่อหน่ายกับการทำงาน ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับคนทำงานหลายคน ที่แม้จะได้ทำงานที่รักแค่ไหน แต่เมื่อทำไปนาน ๆ เข้า ความท้าทายที่เคยมีก็อาจจะหายไป 

 

JobThai จึงอยากจะเสนอ 6 เคล็ดลับเพื่อขับเคลื่อนตัวเราเองให้ก้าวต่อไปในวันที่รู้สึกหมดไฟในการทำงาน

 

เช็กให้ชัวร์ ว่าเราหมดไฟหรือแค่หมดใจในการทำงาน

"Brownout" แค่เบื่องานหรือเป็นอาการหมดใจ

 

1. ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง

เมื่อรู้สึกตัวว่างานที่กำลังทำอยู่นั้น กำลังกลายเป็นงานที่ทำให้เสร็จ ๆ ไป รอเพียงเวลาเลิกงานแล้วค่อยลุกออกจากออฟฟิศ สิ่งแรกที่เราควรทำก็คือปลุกตัวเองให้ลุกขึ้นยืนด้วยความเชื่อมั่น คำนวณความเสี่ยง และเดินเข้าหาโอกาสใหม่ ๆ ที่เราคิดว่าเราสามารถทำได้ ซึ่งโอกาสนั้นต้องมีความพอดี หากมีเพื่อนสนิทหรือที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำเราด้วยก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก

 

2. ไม่ยอมแพ้และเลือกที่จะสู้

คนทำงานหลายคนเลือกที่จะยอมแพ้ต่อปัญหาง่าย ๆ ไม่สแวงหาความท้าทายที่จะทำให้ก้าวหน้า เพราะรู้สึกว่าทางมันชันและเส้นทางที่จะไปนั้นลำบากเหลือเกิน อีกทั้งยังไม่อยากรับผิดชอบงานอื่น ๆ เพิ่มเติม ซึ่งการยอมแพ้หรือไม่ทำอะไรเลยเป็นสิ่งที่อันตรายต่อการทำงานมาก เพราะมันจะทำลายความเป็นมืออาชีพของเรา บางคนอาจจะต้องเจอกับแรงกดดันต่าง ๆ ที่คอยบั่นทอนความหวัง จนเลิกคว้าโอกาส มีเพื่อนร่วมงานที่มองเราเป็นคู่แข่ง หรือมีหัวหน้างานที่คอยจับผิดอยู่ทุกเวลา สถานการณ์แบบนี้ย่อมสร้างความลำบากให้ชีวิตการทำงาน ซึ่งสิ่งที่เราพอทำได้นั่นก็คือตั้งใจทำงานในส่วนของเราให้เต็มที่ โดยให้ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากงานเป็นสิ่งที่พิสูจน์ตัวเรา

 

6 สิ่งที่ควรทำ เมื่อเจอหัวหน้างานที่เราไม่ปลื้ม

 

3. ไม่เปรียบเทียบกับใคร

การเปรียบเทียบหรือการถูกเปรียบเทียบนั้นเป็นเรื่องที่เราทุกคนมักต้องเจอ ซึ่งหลายครั้งเราก็มักเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่ในใจ หากเปรียบเทียบเพื่อเป็นแรงผลักดัน เพื่อพัฒนาตัวเองไปสู่ความสำเร็จก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หากการชื่นชมเปลี่ยนเป็นการเปรียบเทียบจนเราท้อแท้ และเอาแต่คิดว่าตัวเองไม่มีมีทางที่จะเก่งเท่าเขา มันจะหันกลับมาบั่นทอนจิตใจตัวเอง และคอยกดความรู้สึกเราไว้ว่ายังไงเราก็ไม่สามารถเป็นคน ๆ นั้นได้ และหยุดพัฒนาตัวเองไปในที่สุด

 

ทำยังไงถ้ารู้สึกกดดันเมื่อต้องทำงานกับคนเก่ง

4. อย่ากดดันตัวเอง

ไม่ว่างานที่เรากำลังก้าวเท้าเข้าไปหาจะต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจมากแค่ไหนก็ตาม เราก็ต้องคอยให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอและมองหาเป้าหมายเพื่อที่จะผลักดันให้ก้าวต่อไป ในขณะเดียวกันเราก็ควรทำใจว่าเราต้องพบกับอุปสรรคและความยากลำบากบ้าง แต่การกดดันตัวเองจนมากเกินไปก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะมันอาจทำให้เราหมดกำลังใจและถอดใจไป ลองใช้การแข่งขันและโอกาสที่ผ่านมาเพื่อเรียนรู้และพัฒนา เลิกบ่นหรือเอาแต่หาข้อเสียที่เกิดขึ้นเพื่อมาบั่นทอนตัวเอง

 

5. พัฒนาความสามารถให้หลากหลาย

การมีความสามารถหลากหลายเป็นเรื่องที่ดี แต่จะดียิ่งกว่านั้นหากเราสามารถนำความสามารถที่หลากหลายมาประยุกต์ใช้กับแต่ละงานที่เราทำได้ เพราะจะเป็นการสร้างความได้เปรียบในชีวิตการทำงาน และคนอื่น ๆ ในที่ทำงานย่อมต้องสังเกตเห็นพัฒนาการ ซึ่งมันจะช่วยส่งเสริมให้เราก้าวหน้าได้เร็วขึ้นและมั่นคง ลองแบ่งเวลาจากการทำงานเพื่อมาพัฒนาความสามารถด้านอื่น ๆ ของเราดู เพราะมันอาจทำให้เราได้แรงบันดาลใจอะไรใหม่ ๆ และพลังในการทำงานกลับมาก็ได้

 

6. หาสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด

หากเราเข้าใจได้ว่าทำไมเราถึงรู้สึกหมดไฟกับงานนี้ และเหตุผลจริง ๆ ของมันก็คือ เรารู้สึกสนุกกับเรื่องใหม่ ๆ แทนแล้ว นั่นก็อาจแปลว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนงานใหม่แล้ว ซึ่งการยอมจำใจอยู่ที่เดิมเพื่อทำงานที่ไม่เหมาะสมกับตัวเราคงไม่ใช่เรื่องดี เพราะหากเราได้ทำในสิ่งที่รักจะส่งผลให้เราประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แม้อาจไม่ได้เกิดขึ้นในกรอบเวลาที่คาดหวังไว้ แต่ยิ่งมุ่งมั่นก้าวไปบนเส้นทางที่เป็นของตัวเอง เราจะมีโอกาสเติบโตมากขึ้นตามไปด้วย และจะได้โบนัสพิเศษคือการมีความสุขกับการทำงานในทุก ๆ วัน เมื่อได้ทำในสิ่งที่ชอบอย่างแท้จริง

 

6 สัญญาณที่บ่งบอกว่างานที่ทำอยู่ เป็นงานที่คุณชอบและเหมาะสมกับคุณจริง ๆ

 

สมัครสมาชิกกับ JobThai เพิ่มโอกาสในการได้งานที่ใช่ ไม่ต้องส่งใบสมัคร

 

JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน

tags : งาน, การทำงาน, เคล็ดลับการทำงาน, วิธีทำงาน, career & tips, คนทำงาน, เคล็ดลับสำหรับคนทำงาน, เทคนิคสำหรับคนทำงาน, ทำงานอย่างมีความสุข, ความสุขในการทำงาน, เคล็ดลับความสำเร็จ, เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ, ทำงานให้มีความสุข, แนวคิดในการทำงาน



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม