“ผมขอโทษนะครับ”
เชษฐาเอ่ยคำขอโทษออกมาอีกครั้ง เมื่อคำตำหนิจากหัวหน้าจบลง และได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบ ๆ ด้วยความสำนึกผิด เพราะความผิดพลาดในการทำงานที่เกิดขึ้นจากเขานั้นมันส่งผลกระทบต่อคนหลายฝ่าย จนทำให้หลายคนผิดหวังในตัวเขา
อย่างไรก็ตาม คนเราเมื่อผิดพลาดแล้ว การจะจมอยู่แต่กับความผิดพลาดก็ดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา สิ่งที่ควรจะต้องทำก็คือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และทำคนที่เคยผิดหวังในตัวเรากลับมาเชื่อใจได้อีกครั้ง
ซึ่งหากคุณเองก็เป็นคนหนึ่งที่กำลังเผชิญสถานการณ์เดียวกันกับเชษฐา วันนี้ JobThai มีเคล็ดลับในการเรียกคืนความเชื่อมั่นในแบบฉบับของ Robert Downey Jr. มาฝาก เพราะเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยมีชีวิตที่ผิดพลาดและตกต่ำมาก่อนที่จะโด่งดังในฐานะนักแสดงผู้รับบท Iron Man ตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ชื่อดังที่มีคุณสมบัติพร้อมสรรพทั้ง ความร่ำรวย และความฉลาด รวมไปถึงอารมณ์ขันที่เป็นเสน่ห์ส่วนตัว จนกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นขวัญใจของทั้งเด็กและผู้ใหญ่อย่างในทุกวันนี้
- ค่อยเป็นค่อยไป ให้เวลาตัวเอง และคนรอบตัวในการสร้างความเชื่อมั่น และความไว้วางใจให้กลับมาอีกครั้ง
- เมื่อมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ อย่าถือตัวหรือปฏิเสธ แต่ควรรับความช่วยเหลือนั้นและพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นถึงความสามารถของเรา
- เชื่อมั่นและไม่ย่อท้อในการทำให้คนอื่นเห็นถึงความสามารถของเรา และมองข้ามสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต
- แก้ไขความผิดพลาดและปรับปรุงตัวด้วยการเริ่มจากจัดระเบียบชีวิตตัวเองให้ดี และทำให้คนรอบข้างเห็นว่าเรามีความตั้งใจจริงในการจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
- เมื่อทำผิดก็ต้องยอมรับผิด และแสดงความรับผิดชอบ อย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แม้จะไม่มีใครเห็น หรือไม่มีใครสนใจก็ตาม
|
|
ฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตัวเองและคนอื่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
จากดาราวัยรุ่นที่แจ้งเกิดในยุค 90 ต้น ๆ จนถึงจุดตกต่ำของทั้งชีวิตส่วนตัวและในวงการภาพยนตร์จากการใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยงและติดยาเสพติด Robert Downey Jr. ต้องใช้เวลาถึง 7 ปีกว่าจะดิ้นรนกลับมาบนเส้นทางสายบันเทิงนี้ได้อีกครั้ง เขาต้องทุ่มเททำงานอย่างหนักและยาวนานเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าเขาหย่าขาดจากชีวิตเสเพลและพร้อมแล้วที่จะกลับมาทำงานอีกครั้ง เพราะฉะนั้นถ้าคุณเคยทำผิดพลาดมาคุณต้องให้เวลาทั้งตัวเอง และคนอื่น ๆ รอบ ๆ ตัวคุณ ในการสร้างความเชื่อมั่นครั้งใหม่และกลับมาไว้วางใจกันอีกครั้ง
อย่าถือตัวและปฏิเสธการช่วยเหลือจากคนอื่น
ในช่วงที่เขาได้รับการบำบัดและเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแล้ว โปรดิวเซอร์สตูดิโอต่าง ๆ ยังแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่อยากที่จะจ้างเขาเพื่อมารับงานแสดง เพราะไม่มีอะไรจะมาการันตีได้ว่าเขาจะไม่กลับไปข้องเกี่ยวกับยาอีกจนอาจทำให้ภาพยนตร์นั้นถ่ายไม่จบ แต่เมื่อ Mel Gibson นักแสดงชื่อดังจากภาพยนตร์เรื่อง Braveheart และ Mad Max ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ด้วยความที่พวกเขาเคยร่วมงานกันมาก่อนจากเรื่อง Air America (1990) Gibson ได้สัญญาใจและช่วยเจรจาให้ Robert Downey Jr. ได้รับบทนำพร้อมกับเขาในเรื่อง The Singing Detective (2003)
ด้วยการรับประกันของ Mel Gibson ว่า Robert Downey Jr. จะไม่ทำตัวเหลวไหลและตั้งใจทำงาน เขาไม่เพียงตกปากรับคำว่าจะแสดงเท่านั้น แต่เขายังแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและพิสูจน์ให้วงการฮอลลิวู้ดได้เห็นอีกครั้งว่าเขายังมีอนาคตในวงการนี้อยู่ ใครจะไปรู้ว่าหากเขาหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองเกินไปและปฏิเสธการช่วยเหลือในครั้งนั้น Iron Man ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้ อาจจะไม่ใช่ Robert Downey Jr. ก็เป็นได้
เชื่อมั่นว่าท้ายที่สุดแล้วความสามารถของคุณจะทำให้คนอื่นมองข้ามความผิดพลาดในอดีต
แน่นอนว่าบทบาทที่ทำให้ Robert Downey Jr. กลับมาดังเปรี้ยงปร้างอีกครั้งในวัยกลางคน คงจะหนีไม่พ้นการรับบท Iron Man ในปี 2008 ที่ตัวหนังนั้นกลายเป็นหนังฮิตถล่มทลายและสร้างกระแสหนังประเภทซูเปอร์ฮีโร่ให้เป็นที่นิยมจนถึงทุกวันนี้ แต่ถ้าย้อนไปก่อนที่จะมีการคัดเลือกนักแสดงเพื่อมารับบท Tony Stark ตัวละครที่อยู่เบื้องหลัง Iron Man Robert Downey Jr. นั้นไม่ใช่ตัวเลือกแรก ๆ ของบทนี้เลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและเพิ่งบำบัดอาการติดยาได้เท่านั้น แต่ถ้าว่ากันตามตรงแล้วบทบาทที่เขาเคยแสดงมาในหลาย ๆ เรื่องนั้นยังเป็นบทที่ไม่เด่น เป็นตัวละครที่เพียงตัวประกอบที่ไม่สำคัญเสียด้วยซ้ำ
แต่ Jon Favreau ผู้กำกับ Iron Man ภาคแรกได้มองเห็นศักยภาพในการแสดงในตัวของ Robert Downey Jr. จนทำให้เขามองข้ามข้อเสียอื่น ๆ และพยายามอย่างมากในการเจรจาเพื่อให้ Robert Downey Jr. ได้รับบทนี้ กับสำนักพิมพ์ Marvel Comics ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ตัวละคร Tony Stark / Iron Man ในการสร้างเป็นฉบับภาพยนตร์ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าในตอนแรกทาง Marvel ไม่เห็นด้วยอย่างแรง แต่ Jon Favreau ก็ยืนยันว่า Robert Downey Jr. นี่แหละคือคนที่เหมาะสมกับบทนี้ที่สุด เขาคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ที่รู้เรื่องชีวิตช่วงที่ย่ำแย่ของ Robert Downey Jr. ก็คงไม่เชื่อมั่นในตัวเขากันทั้งนั้น ไม่มีใครคิดว่าด้วยสภาพของเขาในตอนนั้นจะสามารถแสดงศักยภาพในการแสดงที่ดีออกมาได้ ไม่มีใครอยากก้าวออกมาแล้วพูดว่าผู้ชายคนนี้แหละที่จะเป็นตัวหลักที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไปรอด มีแต่เขาเท่านั้นที่เชื่อ และความสำเร็จของ Iron Man ก็พิสูจน์ให้เขาและ Marvel เห็นแล้วว่า เขาตัดสินใจไม่ผิดที่เลือก Robert Downey Jr.
ไม่มีคำว่าสายสำหรับการสร้างวินัยให้กับตัวเอง
หลังจากที่ชีวิตของเขาพังไม่เป็นท่าจากการติดยา Robert Downey Jr. กลับเนื้อกลับตัวและเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา การที่จะทำอย่างนั้นได้ เขาต้องเริ่มสร้างวินัยให้กับตนเอง ซึ่งวิธีที่เขาเลือกคือการฝึกวิชามวยจีนหย่งชุน (Wing Chun) โดยศิลปะการป้องกันตัวนี้เน้นไปที่การสู้แบบตัวต่อตัวและอาศัยการตั้งสมาธิและความสงบของจิตใจของผู้ฝึก Robert Downey Jr. กล่าวว่าการฝึกมวยจีนทำให้เขามีสมาธิในการแก้ไขปัญหาและทำให้เขาใจเย็นขึ้นเยอะ เขาฝึกมันจนกลายเป็นความเคยชินได้แล้ว และผลของมันก็ทำให้เขาเป็นคนมีวินัยในตัวเอง มีสติยังคิดและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน
เขาให้ความสำคัญกับมวยจีนนี้ ถึงขนาดเข้าเรียน 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือบางครั้งเขาก็พาครูฝึกไปที่กองถ่ายด้วย จากนักแสดงหนุ่มจอมเกเรก็สามารถเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขุมได้ การไม่มีระเบียบวินัยในตัวเองอาจก่อให้เกิดความผิดพลาดในชีวิตของคุณได้ คุณอาจทำอะไรตามอำเภอใจ ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ ไม่คิดหน้าคิดหลังจนอาจเผลอทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ หากคุณผิดพลาดไปแล้ว คุณยังตั้งต้นใหม่ได้ด้วยการจัดระเบียบชีวิตของตัวเองเสียใหม่ เมื่อคนรอบข้างเห็นว่าเรามีความตั้งใจจะเปลี่ยนตัวเอง พวกเขาจะรับรู้ได้และเอาใจช่วยคุณในการก้าวข้ามความล้มเหลวนั้น
ทำผิดก็ต้องยอมรับผิด
เหมือนกับหลาย ๆ คนที่ลุกขึ้นมาจากความล้มเหลวได้ Robert Downey Jr. รู้ดีว่าเขาโชคดีขนาดไหนที่ผ่านจุดตกอับที่สุดในชีวิตมาได้ จากประสบการณ์ของเขา ทำให้เขาคิดได้ว่า เรื่องความผิดพลาดนั้น บางทีก็มีหลายรูปแบบ บางทีคนเราก็ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นผิด บางครั้งเราทำผิดแล้วมีคนเห็น บางครั้งคนก็ไม่เห็นหรือไม่ใส่ใจ หรือในบางครั้งเราเพิ่งทำผิดเป็นครั้งแรก แต่คนก็จะคิดว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงและติดภาพว่าเราทำผิดไปตลอด นั่นทำให้บางครั้งในการทำผิดแล้วไม่มีใครเห็น ไม่มีใครตักเตือน เราก็จะปล่อยเลยตามเลยซึ่งการทำแบบนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเราก็จะคิดว่าไม่เป็นอะไรและทำสิ่งที่ผิด ๆ นั้นต่อไป ในขณะที่หลายคนเมื่อทำผิดพลาด พวกเขาอาจจะโทษคนอื่น หรือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมรับว่าตัวเองนั้นทำผิด ในขณะที่ Robert Downey Jr. นั้นยืดอกยอมรับในสิ่งที่แย่ ๆ ที่เขาเคยทำและตัวตนที่เขาเคยเป็นในอดีต สิ่งที่เขาแนะนำคือ เมื่อทำผิดพลาดหรือความล้มเหลวได้เกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม อย่าเพิกเฉยและทำเป็นว่าคุณไม่ได้ทำผิดอะไร
JobThai มี Line
แล้วนะคะ
ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่


ที่มา:
entrepreneur.com
success.com
imdb.com