“ออฟฟิศสวยจังเลยนะครับ”
ธนภพพูดขึ้นมาขณะที่ HR กำลังพาเขาและเพื่อนนักศึกษาฝึกงานคนอื่น ๆ เดินสำรวจบริษัท เพื่อทำความรู้จักกับแผนกต่าง ๆ ก่อนเริ่มฝึกงาน ทำให้เขาเห็นว่าบริษัทแห่งนี้มีการตกแต่งที่ทันสมัย มีสภาพแวดล้อมที่สวยงามน่าทำงาน อีกทั้งยังสังเกตเห็นอีกด้วยว่า ระหว่างทางนั้นมีงานศิลปะในรูปแบบต่าง ๆ โชว์ให้เห็นอยู่เป็นระยะ ๆ
ปัจจุบันนี้องค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับเรื่องสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นอย่างมาก เพราะสิ่งนี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับพนักงานได้ไม่น้อย ทำให้หลายองค์กรยอมลงทุนไปกับการปรับปรุงบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงโครงสร้างอาคารให้สวยงาม ทันสมัย รวมไปถึงการประดับตกแต่งบริเวณพื้นที่ทำงานให้เหมาะสมและน่าทำงาน โดยกรณีหลังนี้มีการวิจัยออกมาด้วยว่าการนำผลงานศิลปะมาใช้ตกแต่งสถานที่ทำงานนั้น สามารถทำให้การทำงานของพนักงานดีขึ้นได้จริง ๆ
- ผลวิจัยของทีมวิจัยของ Dr. Craig Knight อาจารย์มหาวิทยาลัย Exeter ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในสภาพแวดล้อมการทำงานพว่า สภาพแวดล้อมในการทำงานต่าง ๆ ส่งผลต่อการทำงานได้แตกต่างกัน
- การสร้างสุนทรียะในการทำงานผ่านงานศิลปะ จะช่วยให้พนักงานได้ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ช่วยสร้างแรงจูงใจ ให้พนักงานสนุกกับการทำงานในสภาพแวดล้อมดี ๆ จนสามารถสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ออกมาแข่งขันกับองค์กรอื่น ๆ ได้
- หากพนักงานได้มีส่วนร่วมในการในการตกแต่งสถานที่ทำงานด้วยตัวเอง สามารถส่งผลให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน และทำงานออกมาได้ดีมากขึ้น
- ไม่ใช่แค่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่งานศิลปะยังสามารถช่วยให้พนักงานได้มีโอกาสทำความรู้จักกันมากขึ้น ผ่านการพูดคุยเรื่องศิลปะอีกด้วย
|
|
ในประเทศอังกฤษได้มีการวิจัยถึงผลกระทบของสภาพการทำงานที่มีต่อประสิทธิภาพในการทำงานกันอย่างจริงจัง โดยทีมนักวิจัยของ Dr. Craig Knight อาจารย์จากมหาวิทยาลัย Exeter ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในสภาพแวดล้อมการทำงาน ซึ่งพบว่า สภาพการทำงานในรูปแบบต่าง ๆ ส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ของการทำงานแตกต่างกันออกไป
ทั้งนี้นักวิจัยได้ทดลองให้พนักงานทำงาน 1 ชั่วโมงในบรรยากาศที่ต่างกัน 4 แบบ ซึ่งได้แก่
1. ห้องเปล่าที่มีแต่อุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการทำงานเท่านั้น
2. ห้องที่ถูกตกแต่งด้วยผลงานศิลปะและต้นไม้ที่ถูกจัดวางไว้ล่วงหน้าแล้ว
3. ห้องที่มีผลงานศิลปะและต้นไม้ แต่พนักงานสามารถเลือกตกแต่งหรือเคลื่อนย้ายตำแหน่งของวัตถุเหล่านั้นได้ตามใจชอบ
4. ห้องที่พนักงานสามารถเลือกของตกแต่งได้เอง แต่ในภายหลังนักวิจัยจะเข้ามาเคลื่อนย้ายให้สิ่งของอยู่ตามเดิมแบบในข้อ 2
จากการทดลองดังกล่าวทีมนักวิจัยพบว่า พนักงานที่ทำงานในห้องที่ 2 ทำงานได้เร็วกว่าห้องที่ 1 ถึง 15% และไม่บ่นเรื่องปัญหาสุขภาพ ในขณะที่พนักงานในห้องที่ 3 ทำงานได้เร็วกว่าห้องที่ 2 หนึ่งเท่าตัว ส่วนพนักงานในห้องที่ 4 ที่ถูกจัดห้องใหม่โดยทีมนักวิจัยนั้นถูกประเมินว่ามีประสิทธิภาพในการทำงานอยู่ในระดับเดียวกันกับห้องที่ 1 ที่ไม่มีการตกแต่งใด ๆ ในห้องทำงานเลย
จากประสบการณ์การทดลองตลอด 12 ปี ทีมวิจัยได้ชี้ว่า ไม่มีทางที่พนักงานในห้องแบบที่ 1 จะมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นได้ นอกจากนี้พวกเขายังได้ข้อสรุปเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของสภาพการทำงานกับประสิทธิภาพการทำงานว่า ยิ่งพนักงานได้มีส่วนร่วมในการตกแต่งสถานที่ทำงานมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งรู้สึกถึงความเป็นตัวของตัวเองผ่านการทำงานในห้องที่ตัวเองจัดมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนั่นส่งผลให้พนักงานมีความสุขและทำงานออกมาได้ดีมากยิ่งขึ้น
สำหรับเทรนด์ของการตกแต่งออฟฟิศด้วยผลงานศิลปะเริ่มเป็นที่นิยมตามองค์กรต่าง ๆ ในปัจจุบัน เช่น บริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดังอย่าง Microsoft บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำอย่าง J.P. Morgan และ UBS โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันการเงินสัญชาติเยอรมันอย่าง Deutsche Bank ที่ถือได้ว่าเป็นองค์กรที่มีการรวบรวมผลงานศิลปะไว้มากที่สุดในโลก โดยมีจำนวนมากถึง 60,000 ชิ้นใน 900 สาขาที่ตั้งอยู่ 40 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ที่ Deutsche Bank ยังมีแอปพลิเคชันสุดล้ำที่คอยเล่าประวัติของผลงานศิลปะที่จัดแสดงอยู่ในที่ทำงาน มีผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำในการเลือกซื้อผลงานศิลปะให้กับพนักงาน ตลอดจนมีการเชิญศิลปินมาพูดสร้างแรงบันดาลใจหรือให้ความรู้ทางศิลปะกับพนักงานในบริษัทด้วย
ส่วนข้อดีของการมีผลงานศิลปะในที่ทำงานที่หลายบริษัทเห็นตรงกัน ก็คือ การที่พนักงานได้พบปะ และรู้จักกันมากขึ้นผ่านการพูดคุยเรื่องศิลปะ การผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน การกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพในการทำงาน ตลอดจนการได้ความรู้ในเรื่องอื่น ๆ ที่จะมีประโยชน์ต่อชีวิตของพนักงานนอกเหนือจากเรื่องการทำงาน
ในขณะที่บางบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมากถึงขนาดที่ว่า กำหนดให้เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการรักษาพนักงานให้อยู่กับบริษัทเลยทีเดียว เพราะบริษัทเหล่านั้นตระหนักดีว่าการสร้างสุนทรียะในการทำงานก็คือการสร้างพลังงาน สร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นในที่ทำงาน ในขณะที่การให้พนักงานทำงานในห้องสี่เหลี่ยมในแบบเดิม ๆ ที่มีสิ่งแวดล้อมแสนน่าเบื่อ ก็ไม่ต่างอะไรจากการบังคับให้พนักงานต้องทนกับสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงาน ไม่สนุกกับการทำงาน จนทำให้ผลงานออกมา “ธรรมดา” เกินไปและไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าเพื่อแข่งขันกับองค์กรอื่น ๆ ได้
สำหรับใครที่อยากได้ไอเดียในการตกแต่งที่ทำงานด้วยผลงานศิลปะ ลองดูตัวอย่างที่หลากหลายจาก Microsoft ที่มีจำนวนผลงานศิลปะ อยู่ 5000 ชิ้นในออฟฟิศ 180 แห่งทั่วโลก ซึ่งประเภทของผลงานศิลปะเหล่านั้นประกอบไปด้วย ภาพวาดสีน้ำมัน ภาพเขียนดินสอ ภาพถ่าย รูปปั้นแกะสลัก เครื่องปั้นงานเซรามิค สิ่งพิมพ์ สิ่งทอ เครื่องแก้ว โลหะ และกระดาษ อย่างไรก็ตามไม่จำเป็นว่างานศิลปะนั้นจะเป็นวัตถุที่จับต้องได้เพียงอย่างเดียว การจัดแสดงสื่อมัลติมีเดียชนิดอื่น ๆ การเลือกใช้ผลงานศิลปะที่เคลื่อนไหวได้ รวมถึงการติดตั้งหลอดไฟ หรือโคมไฟที่มีโทนสีและความเข้มของแสงต่างกันออกไปตามดีไซน์ของแต่ละห้อง ก็กำลังได้รับความนิยมในหลาย ๆ บริษัทไม่แพ้กัน เพราะนอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ของตกแต่งเหล่านี้ยังช่วยเพิ่มความรู้สึกกระฉับกระเฉงให้กับการทำงานได้ด้วย
ทั้งนี้แนวคิดของการสร้างงานศิลปะนอกจากจะเป็นเรื่องของความสวยงามแล้ว ยังเป็นเรื่องของการปลดปล่อยจินตนาการหรือการหนีออกจากโลกแห่งความเป็นจริง การที่พนักงานใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันทำงานซ้ำ ๆ อยู่ในที่ทำงานอาจทำให้พวกเขาเกิดความเครียดสะสม เพราะฉะนั้นการตกแต่งที่ทำงานด้วยผลงานศิลปะเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายให้กับบรรดาพนักงานจึงเป็นการตอบโจทย์ปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี ถ้าองค์กรของคุณยังมีสภาพในที่ทำงานแบบเดิม ๆ ถึงเวลาหรือยังที่จะเพิ่มสีสันและชีวิตชีวาให้กับการทำงานของคนในองค์กร กระตุ้นให้พวกเขามีส่วนร่วมในองค์กรมากขึ้น และทำให้พวกเขามีความสุขในทุก ๆ วันของการทำงาน
JobThai มี Line แล้วนะคะ
ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่
ที่มา:
theguardian.com
businessinsider.com
ft.com
microsoft.com