JobThai Mobile Application หางานที่ใช่ได้บนมือถือ
|
|
การสัมภาษณ์งานเป็นสถานการณ์ที่สามารถสร้างความรู้สึกกดดันให้กับเราที่เป็นคนหางานค่อนข้างมาก เพราะเราจะได้งานนี้ไหมขึ้นอยู่กับการคุยครั้งนี้ล้วน ๆ ทำให้หลายคนเกิดความสับสน ไม่มั่นใจในตัวเอง วางตัวไม่ถูกเพราะไม่รู้ทิศทางการสนทนา ทั้ง ๆ ที่เราอาจจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองทำได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้
ดังนั้นวันนี้ JobThai เลยจะขอมาแชร์ว่ามีสัญญาณใดบ้างที่บอกว่าเรากำลังไปได้สวยในห้องสัมภาษณ์ เพื่อให้เราไม่รู้สึกตึงเครียดจนเกินไปและเป็นตัวเองได้มากขึ้น
ปกติแล้วผู้สัมภาษณ์จะต้องกำหนดเวลาการสัมภาษณ์เอาไว้ในใจเพื่อเป็นการควบคุมการสัมภาษณ์ไม่ให้ยืดเยื้อจนเกินไป แต่ถ้าเราสัมภาษณ์ไปเรื่อย ๆ แล้วเริ่มรู้สึกว่าการคุยครั้งนี้เริ่มกินเวลานานกว่าผู้สัมภาษณ์คิวก่อนหน้า หรือถ้าใครสัมภาษณ์ออนไลน์ก็ลองสังเกตเวลาดูว่าเราเริ่มคุยมาสักพักใหญ่ ๆ แล้วและยังไม่มีทีท่าว่าการสัมภาษณ์จะจบลงรึเปล่า ถ้าใช่ มันก็มีความเป็นไปได้ว่าผู้สัมภาษณ์ยังอยากใช้เวลาเพื่อทำความรู้จักเราให้มากขึ้นอีก เพราะฉะนั้นทำใจให้สบายได้เลย เพราะมันเป็นเหมือนสัญญาณที่บอกว่าเรามาถูกทางแล้ว
ปกติแล้วผู้สัมภาษณ์จะถามคำถามเราเพื่อดูทัศนคติ ทักษะ และไหวพริบของเราว่าตรงกับที่ตามหารึเปล่า ซึ่งบางครั้งแค่คุยไปสักพักเขาก็สามารถเข้าใจคาแรกเตอร์ของเราและประเมินได้แล้วว่าเรามีคุณสมบัติตรงกับที่ต้องการไหม ถ้าเขาพอใจกับคำตอบที่เราให้แล้ว แถมยังพอมีเวลาเหลือ เขาก็อาจจะเปลี่ยนจากการถามคำถามจริงจังมาเป็นการคุยแบบสบาย ๆ เพื่อทำความรู้จักเราในมุมอื่น ๆ ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าผู้สัมภาษณ์ยังอยากจะค้นหาสิ่งที่อยู่ในตัวเราเพิ่มขึ้นไปอีก
การสัมภาษณ์งานเป็นเหมือนกับการโน้มน้าวให้บริษัทสนใจในตัวเราที่เป็นผู้สมัคร แต่บางครั้งการตอบคำถามของเราอาจเป็นที่สนใจของผู้สัมภาษณ์และทำให้เขาเริ่มเห็นภาพในหัวแล้วว่าจะเป็นยังไงถ้าเราได้เข้ามาทำงานที่นี่ และอยากให้เรานึกตามไปด้วย เขาก็อาจเลือกใช้เวลาและความตั้งใจในการเล่าขอบเขตความรับผิดชอบของงานอย่างละเอียด จนเราแทบจะเห็นภาพชีวิตการทำงานที่นี่อย่างชัดเจน ไม่แน่ว่าเราอาจกลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกโน้มน้าวซะเองด้วยการพูดถึงรูปแบบการทำงาน สวัสดิการและเงินเดือนก็ได้
ใครที่เป็นคนช่างสังเกตให้ลองดูอีกหนึ่งสัญญาณบอกใบ้ผ่าน “ภาษากาย” ของผู้สัมภาษณ์ดูสิ ลองดูว่าระหว่างที่เราตอบคำถาม ผู้สัมภาษณ์ได้แสดงท่าทีสนใจในตัวเรามากน้อยแค่ไหน เขามีสีหน้าและน้ำเสียงเป็นยังไงบ้าง ถ้าเราแอบสังเกตแล้วเราเห็นว่าผู้สัมภาษณ์กำลังยิ้มหรือพยักหน้าระหว่างฟังเราพูด และอาจแปลได้ว่าเขากำลังสนใจในสิ่งที่เราพูดและยังอยากให้เราพูดต่อไป
ถ้าเราได้ไปสัมภาษณ์ที่บริษัทแล้วอยู่ ๆ ผู้สัมภาษณ์ก็โทรเรียกสมาชิกในทีมที่เปิดรับสมัครให้เข้ามาร่วมพูดคุยด้วย ก็ไม่ต้องตกใจไป เขาไม่ได้จะมารุมยิงคำถามใส่เราหรอก ในทางกลับกันนี่อาจเป็นสัญญาณที่ดีว่าผู้สัมภาษณ์น่าจะโอเคกับเรามากพอตัว จนอยากให้คนในทีมได้มาเจอกับเรา เพื่อเอาทัศนคติและความเข้ากันระหว่างคนในทีมกับเราไปใช้ประกอบการตัดสินใจ หรืออาจเป็นเพราะผู้สัมภาษณ์ต้องการถามความเห็นคนในทีมในภายหลังว่าคนนี้เหมาะสมกับการเข้าทำงานในตำแหน่งนี้ไหม
บางครั้งคนที่เดินเข้ามาร่วมสัมภาษณ์อาจเป็นถึงหัวหน้าระดับสูงเลยก็ได้ ซึ่งไม่แน่ว่าผู้สัมภาษณ์อาจรู้สึกว่าเราเป็นคนที่เหมาะสมและโดดเด่นยิ่งกว่าที่ได้อ่านผ่านตัวหนังสือในเรซูเม่ การเรียกหัวหน้าให้ได้ลองเข้ามาพูดคุยด้วยจึงเป็นการชวนมาร่วมตัดสินใจไปเลยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีการนัดสัมภาษณ์ครั้งที่ 2 อีก
พอมาถึงช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ เราอาจจะได้เจอคำถามท้าย ๆ ว่า “คุณสามารถมาเริ่มงานได้ช่วงไหน?” หรือ “ถ้ามีสัมภาษณ์งานที่อื่น ๆ เข้ามาจะยังสนใจงานนี้อยู่ไหม?” ซึ่งเป็นคำถามที่เป็นกึ่ง ๆ การบอกใบ้ว่าเราเป็น Candidate ที่อยู่ในการพิจารณาของผู้สัมภาษณ์ นอกจากนี้เราอาจได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปหลังจากการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เช่น การเรียกสัมภาษณ์ครั้งที่ 2 หรือ บอกช่องทางหรือระยะเวลาสำหรับรอติดตามผลการสัมภาษณ์ และถ้าผู้สัมภาษณ์ค่อนข้างมั่นใจในตัวเรา เราอาจได้เจอประโยคที่เหมือนเป็นการบอกให้เราเตรียมตัวฟังข่าวดี เช่น “เราจะติดต่อกลับไปในเร็ว ๆ นี้”
ใครที่กำลังจะต้องไปสัมภาษณ์งานในเร็ว ๆ นี้ ก็ลองไปสังเกตสัญญาณเหล่านี้ในห้องสัมภาษณ์ดู ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่ได้รู้ผลของการสัมภาษณ์ทันทีแต่เราก็จะพอประเมินได้ว่าตัวเองมีลุ้นมากน้อยแค่ไหน หรือถ้าเราไม่เจอสัญญาณเหล่านี้เลย เราก็สามารถกลับมาทบทวนดูได้ว่าการสัมภาษณ์ครั้งนั้นมีอะไรผิดพลาดไปรึเปล่า เพื่อนำไปปรับปรุงสำหรับการสัมภาษณ์ครั้งหน้า
JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน
บทความเดิมได้ถูกเผยแพร่ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2022 และได้รับการอัปเดตโดยทีมงาน JobThai
ที่มา:
glassdoor.com / hays.com