ไขความแตกต่างระหว่าง Resume และ Cover Letter ในกิจกรรม Career Ready Guide ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ไขความแตกต่างระหว่าง Resume และ Cover Letter ในกิจกรรม Career Ready Guide ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
23/03/17   |   15.7k   |  

หลังจากที่ห่างหายไปเกือบหนึ่งเดือน กิจกรรม Career Ready Guide เตรียมพร้อมสู่โลกการทำงานในอนาคตก็กลับมาอีกครั้ง ในครั้งนี้เราเดินทางขึ้นเหนือไปพบกับน้อง ๆ นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำทีมโดยพี่เดือน แสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ COO หญิงคนเก่งของเราเช่นเคยค่ะ
 

การมาครั้งนี้พิเศษว่าเคย เพราะพี่เดือนจะมีบรรยายเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมสมัครงานและสัมภาษณ์งานให้กับน้อง ๆ ฟังถึง 2 รอบ ซึ่งในแต่ละรอบพี่เดือนก็ได้มอบทั้งความรู้และของรางวัลที่นำติดไม้ติดมือมาแจกให้น้อง ๆ กันแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะของรางวัลที่ครั้งนี้ทีมงานขนไปเยอะจนน้ำหนักที่ซื้อไว้กับสายการบินเกินกันเลยทีเดียวค่ะ

 

 

แน่นอนว่าเมื่อมีกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ ทีมงาน JobThai ก็ไม่พลาดที่จะนำเกร็ดความรู้ที่ได้จากการบรรยายครั้งนี้มาเล่าสู่กันฟังเช่นเคยค่ะ หนึ่งหัวข้อที่น่าสนใจจากการบรรยายในครั้งนี้ก็คือ “ความแตกต่างระหว่าง Resume กับ Cover Letter” ซึ่งหลาย ๆ คนที่กำลังอ่านบทความนี้ก็ยังสับสนกันอยู่ใช่ไหมคะ ว่าทั้งสองอย่างนี้ต่างกันอย่างไรและจำเป็นไหมที่จะต้องทำทั้งสองอย่าง ไปดูกันว่าพี่เดือนให้คำตอบกับน้องนักศึกษา ม.เชียงใหม่ไว้ว่าอย่างไรบ้างค่ะ
 

ในการบรรยายพี่เดือนใช้เกณฑ์ของ “เนื้อหา” และ “รูปแบบการเขียน” เพื่อแยกความแตกต่างระหว่าง Resume และ Cover Letter ให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ไว้ดังนี้ค่ะ
 

Resume คือ ประวัติส่วนตัว

เนื้อหา: ควรเป็นข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของเรซูเม่ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลติดต่อ ประวัติการศึกษา ประสบการณ์ทำงานหรือฝึกงานที่เคยทำมา รวมถึงความสามารถพิเศษและทักษะด้านอื่น ๆ ที่เจ้าของเรซูเม่มีด้วย

รูปแบบการเขียน: เรซูเม่ควรเขียนลิสต์เป็นข้อตามหัวข้อต่าง ๆ เพื่อให้ HR สามารถอ่านได้อย่างรวดเร็ว หรือกวาดสายตาหาข้อมูลที่ต้องการทราบได้ง่าย เพราะเรซูเม่ที่อ่านยากมีโอกาสจะถูกคัดทิ้งมากกว่าเรซูเม่ที่อ่านง่ายค่ะ

 

 

Cover Letter คือ จดหมายแนะนำตัว

เนื้อหา: ควรเขียนการแนะนำตัวเองสั้น ๆ และบอกให้ HR ทราบว่าเรามีความตั้งใจอยากจะทำงานในตำแหน่งนี้อย่างไร คุณสมบัติในด้านไหนของเราที่คิดว่าจะสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้บ้าง หรือหากเป็นเด็กจบใหม่ก็สามารถเล่าถึงกิจกรรมที่เคยทำได้ พื้นที่ตรงนี้จะใช้สื่อสารความตั้งใจ ทัศนคติ และมุมมองของเจ้าของจดหมายแนะนำตัว ไม่ใช่การให้ข้อมูลเพียงอย่างเดียว

รูปแบบการเขียน: ควรเป็นรูปแบบจดหมายที่เป็นทางการ คือ มีคำขึ้นต้น มีคำลงท้าย และใช้ภาษาที่เป็นทางการ เนื้อหาในจดหมายมีลักษณะเป็นย่อหน้าเหมาะกับการเล่าเรื่องมากกว่ารูปแบบลิสต์เป็นข้อ ๆ เพราะจดหมายแนะนำตัวนั้นต้องสื่อสารได้มากกว่าแค่ให้ HR ทราบข้อมูล แต่ HR จะต้องสัมผัสได้ถึงความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ของเจ้าของจดหมายด้วย


เมื่อเข้าใจความแตกต่างไปแล้ว ก็มาถึงคำถามที่ว่า “จำเป็นจะต้องทำทั้งสองอย่างไหม” ซึ่งพี่เดือนก็ให้คำตอบว่า “จำเป็น” เพราะทั้งสองอย่างนั้นมีวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน คือจดหมายสมัครงานทำหน้าที่สื่อสารความตั้งใจ และความมุ่งมั่น และความสามารถของเจ้าของออกไปเพื่อดึงดูด HR ให้เปิดอ่านข้อมูลในเรซูเม่ ในขณะที่เรซูเม่จะทำหน้าที่ให้ข้อมูลที่ HR ต้องการทราบได้ครบถ้วนกว่าจดหมายสมัครงานค่ะ

 

 

เมื่อทราบเช่นนี้แล้วก่อนจะเขียนเรซูเม่และจดหมายสมัครงานในครั้งต่อไป อย่าลืมคำนึงถึงวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน ของทั้งเรซูเม่และจดหมายสมัครงานด้วยนะคะ เมื่อทั้งสองอย่างเดินทางไปถึงมือของ HR แล้วจะได้เป็นเอกสารที่สื่อสารสิ่งที่เราต้องการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพค่ะ
 

กิจกรรม “Career Ready Guide เตรียมพร้อมสู่โลกการทำงานในอนาคต” ครั้งหน้าจะจัดขึ้นที่ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ในวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2560 นี้ ทุกท่านสามารถติดตามข่าวสารกิจกรรม Career Ready Guide และบทความดี ๆ แบบนี้ได้ที่ JobThai ค่ะ

 

JobThai มี Line แล้วนะคะ

ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่

เพิ่มเพื่อน

tags : crg, งาน, หางาน, สมัครงาน, นักศึกษา, เตรียมความพร้อมสู่โลกการทำงาน, freshgrad, นักศึกษาจบใหม่, เรซูเม่, resume, จดหมายแนะนำตัว, cover letter, career ready guide, jobthaicrg



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม