9 เหตุผลที่คนทำงานรุ่นใหม่ไม่อยากแต่งงานมีลูก

9 เหตุผลที่คนทำงานรุ่นใหม่ไม่อยากแต่งงานมีลูก
09/03/22   |   30.5k   |  

 

 

JobThai Mobile Application สมัครงานง่าย ได้งานเร็ว

iOS

Android

Huawei AppGallery

 

“เมื่อไหร่จะ แต่งงานมีลูก?” คำถามที่คนทำงานหลายคนอาจจะเคยเจอแล้วได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ กลับไป เคยสงสัยตัวเองไหมว่าเพราะเหตุใดเราถึงยังไม่เคยวางแพลนชีวิตครอบครัวทั้งที่ก็ถึงวัยที่จะสามารถสร้างครอบครัวได้แล้ว มีข้อมูลสถิติจากหลายแห่งพบว่า อัตราการเกิดใหม่ในปัจจุบันน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก แสดงให้เห็นว่าคนทำงานรุ่นใหม่อยากแต่งงานมีลูกน้อยลงกว่าแต่ก่อน ทั้ง ๆ ที่การแต่งงานมีครอบครัวควรจะเป็นเป้าหมายหรือความฝันในชีวิตของใครหลายคน แต่ทำไมคนทำงานรุ่นใหม่ถึงไม่อยากแต่งงานมีลูก หรืออยากโสดตลอดไปกันล่ะ วันนี้ JobThai จึงจะพาทุกคนมาไขข้อข้องใจว่าเพราะสาเหตุอะไรกันแน่

 

แค่ทำงานก็ยุ่งแล้ว เอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนหรือเลี้ยงลูก

ปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์เงินเดือนสมัยนี้ต้องทำงานกันหนัก บางคนรายได้หลักหมื่นแต่ถูกใช้งานหลักแสนกันเลยก็ว่าได้ ไลฟ์สไตล์คนทำงานส่วนใหญ่จะเป็นทำงานเสร็จก็กลับบ้านไปอยู่กับตัวเอง วันหยุดแทนที่จะได้พักผ่อนบางคนก็งานเข้าไม่เว้นแต่ละวัน วัน ๆ เจอแต่หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า วนลูปอยู่แค่นี้ เวลาที่จะไปหาแฟนยังแทบไม่มี นับประสาอะไรกับการมีเวลาไปเลี้ยงลูก หลายคนชอบเข้าใจผิดว่าแค่คุณทำงานมีเงินเยอะ ๆ ก็สามารถมีลูกได้สบาย ๆ แต่ความจริงคือความพร้อมในการมีลูกไม่ใช่แค่การมีเงินอย่างเดียว แต่ต้องใช้ทั้งการเสียสละเวลาส่วนตัวในการเลี้ยงดู อบรมเอาใจใส่ให้ลูกโตมามีอย่างมีคุณภาพ มีเงินแต่เลี้ยงทิ้งขว้างก็โตมาไร้คุณภาพสร้างปัญหาให้สังคมอีก

 

ถ้าหาแฟนดีไม่ได้ ก็อยู่เป็นโสดไปสบายใจกว่า

ทุกคนอยากมีครอบครัวที่ดีกันทั้งนั้น แต่ถ้ามีแล้วต้องเจอสามีเจ้าชู้จนเหนื่อยใจ เจอภรรยาที่คอยบ่นทุกครั้งที่กลับบ้านมาเหนื่อย ๆ พวกเขาก็ขอไม่มีดีกว่า เพราะการหาพ่อแม่ของลูกดี ๆ มันไม่ง่าย คนที่ดี ๆ ที่อยู่ในวัยทำงานเหมือนกันก็อาจมีครอบครัวกันหมดแล้ว รวมถึงในยุคที่คนเรามีสิ่งเอนเตอร์เทนในชีวิตมากมาย กลับมาจากที่ทำงานมาก็แค่เปิดหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ไถโซเชียลมีเดียเล่น แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกหายเหงาแล้ว ดังนั้นคนรุ่นใหม่จึงมองว่าถ้าแต่งงานมีลูกแล้วไม่มีความสุข อยู่เป็นสุขแบบโสด ๆ น่าจะดีกว่า

 

อยากประสบความสำเร็จเรื่องงานก่อนจะมีครอบครัว

คนรุ่นก่อนอาจจะคิดว่าการมีครอบครัวคือเป้าหมาย ความสำเร็จและความมั่นคงในชีวิต แต่คนรุ่นใหม่มองว่าความสำเร็จในหน้าที่การงานต่างหากที่เป็นเป้าหมายและความมั่นคงในชีวิตของพวกเขา โดยในงานวิจัยที่ชื่อว่า “ทำไมน้องไม่แต่งงาน” ของ ผศ.ดร.ศศิวิมล วรุณศิริ ปวีณวัฒน์ พบว่า ผู้หญิงที่มีการศึกษาสูงมีแนวโน้มที่จะแต่งงานช้าลง เพราะให้ความสำคัญกับความก้าวหน้ามากกว่าการมีครอบครัว ดังนั้นคนทำงานรุ่นใหม่จึงอยากประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานก่อน แต่ปัญหาคือการประสบความสำเร็จเรื่องงานในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องใช้เวลามาก และพอถึงเวลาที่พร้อม ก็กลายเป็นอายุมาก มีลูกยากไปเสียแล้ว

 

10 วิธีคิดถ้าอยากประสบความสำเร็จ

 

ชีวิตยังใช้ไม่คุ้ม จะรีบมีครอบครัวทำไม

เมื่อก่อนผู้ใหญ่อาจจะชอบปลูกฝังว่าการมีลูกคือการได้โชคมหาศาล แต่คนรุ่นใหม่อาจจะมองว่าการใช้ชีวิตที่เกิดมาครั้งเดียวให้คุ้มค่าคือโชคมหาศาลก็ได้ พวกเขามองว่าการแต่งงานมีลูกก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่มาเติมเต็มชีวิตเท่านั้น พวกเขาอยากตักตวงประสบการณ์ชีวิตก่อน เพราะการมีครอบครัวมีลูกต้องสูญเสียโอกาสหลายอย่างไปในชีวิต เช่น เวลาหยุดแทนที่จะได้ไปเที่ยวพักผ่อน ก็ต้องเอาเวลามาดูลูก เงินเก็บที่หามาจากการทำงาน แทนที่จะได้เอาไปซื้อของปรนเปรอตัวเองก็ต้องเก็บไว้เพื่อการศึกษาของลูก ดังนั้นพวกเขาจึงมองว่าตัวเองทำงานหาเงินมาตั้งนานยังไม่ทันได้ใช้เอง ถ้ารีบแต่งงานมีครอบครัวก็ต้องเอาไปใช้กับครอบครัวกับลูกแทน

 

อยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว จะแต่งงานมีลูกให้สิ้นเปลืองทำไม

คนสมัยก่อนจะมีความคิดอยากแต่งงานมีครอบครัว เพราะอยากให้มีลูกไว้สืบทอดตระกูล มีกรอบความคิดว่าต้องแต่งงานอายุเท่านี้ มีลุกอายุเท่านี้ รวมถึงมี Mindset ว่างานแต่งมีเพื่อให้เป็นการให้เกียรติอีกฝั่ง แต่สมัยนี้คู่รักวัยทำงานไม่ตีกรอบอายุการแต่งงานมีลูกของตัวเอง แม้กระทั่งเรื่องสินสอดก็ยังอยากให้ยกเลิกเพราะไม่อยากให้วัดค่าผู้หญิงด้วยเงิน พวกเขาขอแค่ช่วยกันทำงานหาเงินมาเพื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้อย่างไม่ลำบากก็พอแล้ว จึงทำให้มีคู่รักวัยทำงานหลายคู่ลดความสำคัญของ Commitment ลง สังเกตได้จากมีหลายคู่อยู่ด้วยกันแบบไม่ได้แต่งงาน เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขามองว่าการได้ลองใช้ชีวิตด้วยกันก่อนแต่งช่วยลดการหย่าร้างได้ แต่พออยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ก็เริ่มคิดว่าอยู่แบบนี้ก็เหมือนใช้ชีวิตคู่แล้ว จะแต่งงานให้สิ้นเปลืองทำไม ยิ่งถ้ามีลูกด้วยก็ต้องใช้เงินเยอะเข้าไปอีก ดังนั้นพวกเขาจึงมองว่าจะแต่งงานมีลูกไปเพื่ออะไร ถ้าปัจจุบันอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็โอเคอยู่แล้ว

 

แค่เลี้ยงตัวเองยังยากเลย เอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงลูก

เมื่อก่อนครอบครัวจะเป็นรูปแบบผู้ชายมีหน้าที่หาเงิน ผู้หญิงเป็นแม่บ้าน แต่สังคมสมัยนี้พึ่งแค่รายได้ฝ่ายชายอย่างเดียวอาจไม่พอ ทั้งพ่อแม่ต้องช่วยกันหาเงินมาเลี้ยงลูก ซึ่งการจะมีครอบครัวได้นั้นรายได้ต้องเยอะมากพอจะซัปพอร์ตค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของลูกได้ พ่อแม่มีเงินเดือนเข้าทุกเดือนอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีเงินเก็บก้อนใหญ่ไว้สำรองด้วย ผศ.ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และนักวิจัยด้านประชากรศาสตร์เปิดเผยว่าค่าเฉลี่ยที่ต้องใช้ต่อการมีลูกคนหนึ่งประมาณ 1.9 ล้านบาทเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายช่วงตั้งครรภ์ ทำคลอด อุปกรณ์สำหรับเลี้ยงเด็กแรกเกิด เช่น เสื้อผ้าเด็ก ผ้าอ้อม นม  ที่นอน  อาหารเด็ก ใครยังทำงานอยู่ก็ต้องมีค่าจ้างพี่เลี้ยง พอโตขึ้นมาหน่อยก็ต้องมีค่าเล่าเรียนและอุปกรณ์ทางการศึกษา รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพอย่างวัคซีนอีก

 

เมื่อเห็นแบบนี้แล้วพวกเขาจึงย้อนกลับมามองตัวเองว่าเงินเดือนบวกเงินเก็บในตอนนี้พอแล้วรึยัง โครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมก็ไม่ได้เอื้อให้อยากมีลูก รัฐสวัสดิการก็ไม่ได้ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมากนัก ทุกวันนี้แค่เงินเดือนที่ได้ยังไม่พอเลี้ยงชีพเลย บางคนก็ไม่ได้เลี้ยงแค่ตัวเอง ยังมีพ่อแม่ที่ต้องดูแลอีก เรียกว่าต้องรับภาระหลายด้านจนไม่อยากมีภาระเพิ่ม และที่สำคัญพวกเขาเองก็อยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ไม่ได้อยากไปรบกวนพ่อแม่ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกว่าถ้าอยากแต่งงานมีลูก พวกเขาก็ควรจะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีพอ ไม่งั้นลูกเกิดมาจะลำบากเปล่า ๆ

 

6 วิธีนอนอยู่บ้านเล่นมือถือยังไงให้ได้เงิน

 

สังคมปัจจุบันยังไม่น่าอยู่ ลูกจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหรอ?

จากข่าวในทีวีที่เห็นกันอยู่บ่อย ๆ ก็คงหนีไม่พ้นข่าวเด็กที่จะต้องเป็นผู้ถูกกระทำอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น เด็กอายุไม่กี่ขวบโดนล่วงละเมิดทางเพศ โดนลักพาตัว หรือขนาดจ้างพี่เลี้ยงดูแลยังถูกพี่เลี้ยงทำร้ายเลย ข่าวเหล่านี้ทำให้พวกเขารู้สึกกังวลใจว่าถ้าตัวเองแต่งงานมีลูก จะต้องดูแลลูกอย่างไรให้พ้นจากความรุนแรงมากมายของสังคม พวกเขาจึงกลับมาตั้งคำถามว่าสังคมสมัยนี้น่ากลัวเกินกว่าจะมีลูกไหม? ต้องเลี้ยงดูลูกยังไงถึงไม่ให้เกิดสถานการณ์แบบนี้? เราจะรับมือได้ดีแค่ไหน? ยิ่งลองจินตนาการเล่น ๆ ว่าเกิดเรื่องแบบในข่าวใจเราคงจะแตกสลาย ดังนั้นพวกเขามองว่าสังคมไทยในปัจจุบันอาจจะไม่ได้เอื้อต่อเด็กในการเติบโตไปโดยมีชีวิตที่ดี  

 

ผู้หญิงที่มีลูกอาจได้ค่าจ้างน้อยกว่าและหางานยากกว่าคนที่ไม่มีลูก

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าการมีลูกส่งผลกระทบต่อการหางานและค่าจ้างที่ลดลงในปัจจุบัน ในตลาดแรงงานหลายประเทศพบว่าอัตราค่าจ้างของผู้หญิงที่มีลูกต่ำกว่าผู้หญิงที่ไม่มีลูก หรือเรียกว่าผลกระทบทางลบต่อค่าจ้างของแรงงานหญิง (Motherhood Wage Penalty) รวมถึงในประเทศไทยเองก็มีหลายบริษัทที่เลือกจ้างผู้หญิงที่ไม่มีลูกมากกว่าผู้หญิงที่มีลูก ด้วยสาเหตุที่ว่าคนมีลูกเล็กส่วนใหญ่มีข้อจำกัดเยอะ เช่น ต้องออกก่อนเวลาเลิกงาน เพราะต้องไปรับลูก ต้องลางานไปทำธุระเรื่องลูกบ่อย บางคนขอเอาลูกมาเลี้ยงที่ออฟฟิศ หรือบางทีต้องไปดูงานค้างคืนที่ต่างจังหวัด คนมีลูกเล็กก็ไม่สามารถไปได้แล้ว

 

ข้อจำกัดมากมายเหล่านี้ทำให้หลายคนมองว่าคนที่มีลูกต้องให้ความสำคัญกับลูกมากกว่างาน ทำให้เป็นพนักงานที่ทำงานให้บริษัทได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงอีกหนึ่งปัญหาที่ตามมาคือพอผู้หญิงลาออกจากงานเพื่อไปดูแลลูกให้เต็มที่ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานานถึง 2-3 ปี พอจะกลับเข้าไปทำงานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีตำแหน่งงานจำนวนมากที่จำกัดอายุพนักงานให้ไม่เกิน 30 ปี หรือบางครั้งก็บริษัทก็มองทักษะความสามารถในการทำงานที่เคยมีอาจจะลดลงเพราะไม่ได้ทำงานมานาน ดังนั้นเพราะสาเหตุเหล่านี้จึงทำให้ผู้หญิงหลายคนเลือกที่จะไม่แต่งงานมีลูกในวัยทำงานกันเยอะ

 

เลี้ยงลูกไปด้วยทำงานไปด้วยไม่ง่ายเลย

หลายคนอาจจะบอกว่าผู้หญิงวัยทำงานหลายคนก็มีลูก แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการทำสองอย่างไปพร้อม ๆ กัน เพราะการมีลูกค่อนข้างกระทบกับงาน บางคนเมื่อก่อนทำงานเต็มเวลา พอมีลูกก็ต้องเปลี่ยนมาทำงานพาร์ตไทม์ ฝากคนนู้นคนนี้เลี้ยง หรือบางคนก็ทำงานเหมือนเดิม แต่ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงมาก เนื่องจากความลำบากมากมายที่ต้องเจอ เริ่มตั้งแต่ช่วงตั้งท้องที่จะต้องลำบากเดินทางมาทำงาน บางคนไม่มีสามีขับรถมาส่งก็จะต้องเดินทางมาเอง เรื่องสุขภาพร่างกายและอารมณ์ของคนท้องที่แปรปรวน หรือถึงแม้กฎหมายจะให้ลาคลอด 90 วัน แต่เวลาเท่านั้นก็อาจจะยังน้อยไปสำหรับการดูแลลูกเล็กที่เพิ่งเกิดหรือฟื้นฟูร่างกาย พอลูกเริ่มเข้าเรียนก็ต้องลางานบ่อย ๆ เพื่อไปทำธุระเรื่องเรียนลูก ถ้าโชคดีเจอบริษัทและเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจก็อาจจะไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าต้องทำงานในบริษัทที่เข้มงวดเรื่องเวลาการทำงานมาก ๆ บางคนก็ต้องตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาดูแลลูกแบบฟูลไทม์ก็มี

การที่คนทำงานรุ่นใหม่ไม่อยากแต่งงานมีลูกนับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญ ซึ่งถ้าไม่มีการแก้ไขเราอาจจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และไม่มีแรงงานหรือกลุ่มคนที่จะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งการจะทำให้คนทำงานอยากมีลูกมากขึ้นนั้นอาจจะต้องใช้ความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนผ่านการปรับเปลี่ยนนโยบายต่าง ๆ ทั้งสภาพแวดล้อมในการทำงาน การดูแลลูก สถานที่เลี้ยงเด็กในที่ทำงาน สวัสดิการวันลาคลอดที่มากขึ้น และการรับผู้มีบุตรเข้าสู่ตลาดแรงงานโดยไม่จำกัดอายุ เป็นต้น

 

ฝากประวัติเพื่อหางานที่ใช่ได้ ที่นี่

 

 
JobThai Official Group
Public group · 300,000 members
Join Group
 

 

ที่มา : 

facebook.com/groups/jobthaiofficial/the101.worldinnnews.co.th

youtube.comspringnews.co.thboard.postjung.cominnnews.co.th

pantip.comthematter.co

 

 

tags : jobthai, jobs, หางาน, งาน, คนทำงาน, คนรุ่นใหม่, เด็กจบใหม่, ไม่อยากมีลูก, คนวัยทำงาน, ไม่อยากแต่งงาน, lifestyle, ไลฟ์สไตล์คนทำงาน, การใช้ชิวิต



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม