“Job Hopper คือ กลุ่มผู้สมัครงานที่มีประวัติเปลี่ยนงานบ่อย”

ส่วนใหญ่แล้ว Job Hopper มักเป็นกลุ่มผู้สมัครงานที่ HR มองข้าม เพราะไม่อยากเสี่ยงถูกเท และบางครั้งก็มีความเชื่อที่ว่าคนที่เปลี่ยนงานบ่อย คือคนที่อาจจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการทำงานสักเท่าไหร่ แต่แท้จริงแล้วการเปลี่ยนงานบ่อยของ Job Hopper อาจมีหลายสาเหตุ และบางทีคนกลุ่มนี้ก็อาจทำประโยชน์ให้กับองค์กรได้เหมือนกัน

Job Hopper แบ่งเป็น 4 กลุ่ม

1. เปลี่ยนเพราะจำเป็น

กลุ่มคนที่จำเป็นต้องออกเพราะปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ เช่น โดน Lay off เพราะบริษัทโดน Takeover บริษัทปิดตัวจากเศรษฐกิจ หรือปรับโครงสร้าง รวมถึงคนที่ทำงานแบบสัญญาจ้าง

2. มองหาความท้าทาย

กลุ่มคนที่มีความสามารถ และบางทีอาจจะประสบความสำเร็จในตำแหน่งที่ทำแล้ว แต่เบื่อสิ่งที่ทำอยู่ ทำให้คนกลุ่มนี้มักจะเปลี่ยนงานเพื่อหาความท้าทายใหม่ ๆ เสมอ

3. ยังหาตัวเองไม่เจอ

ส่วนมากคือ First Jobber ที่ยังค้นหาตัวเองอยู่ หรืออาจจะเป็นกลุ่มคนที่ทำงานมาสักพักแต่ยังรู้สึกว่างานที่ทำ หรือ Career Path ยังไม่ตอบโจทย์ รวมไปถึงเรื่องของทีมและวัฒนธรรมองค์กร

4. มีปัญหาที่ทำงาน

กลุ่มคนที่มีปัญหาในที่ทำงาน คนกลุ่มนี้คือคนที่อาจจะทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่ได้เลย และยังมีปัญหากับทีมด้วย มักจะเป็นคนที่เปลี่ยนงานเพราะถูกไล่ออก หรือถูกขอให้ออก

ข้อดีของ Job Hopper

เรียนรู้และปรับตัวเร็ว

คนเปลี่ยนงานบ่อย คือคนที่ต้องทำความรู้จักคนใหม่ ๆ หรือระบบการทำงานใหม่อยู่เสมอ และยิ่งถ้าเป็นกลุ่มคนที่เปลี่ยนงานเพราะอยากทำอะไรที่ท้าทาย ก็จะยิ่งส่งผลดี เพราะคนกลุ่มนี้มักจะมีไฟ ชอบเรียนรู้ และเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

มีความรู้หรือแนวคิดใหม่ ๆ

การทำงานในหลาย ๆ บริษัทมาก่อน จะทำให้เขามีประสบการณ์มาก และหลากหลาย ซึ่งสามารถเอาแนวคิด วิธีการทำงาน หรือความรู้ที่ได้จากการทำงานบริษัทเหล่านั้นมาปรับใช้หรือแนะนำทำให้เราได้ไอเดียใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้กับการทำงาน

คิดนอกกรอบ และกล้าเสี่ยง

Job Hopper ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนคิดนอกกรอบ และกล้าเสี่ยงอยู่เสมอ สังเกตได้จากการไม่กลัวที่ต้องเปลี่ยนงาน หรือหาความท้าทายใหม่ ๆ และถ้าเขากล้าเปลี่ยนงานเพื่อเริ่มต้นสิ่งใหม่แล้วล่ะก็ แสดงว่าคนประเภทนี้ก็กล้าคิดกล้าออกไอเดียใหม่ ๆ เช่นกัน

ทำงานหลายที่จึงมีทักษะที่หลากหลาย

การเปลี่ยนงานบ่อยอาจทำให้เขาได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ อยู่ตลอด เพราะการทำงานแต่ละที่ก็มีการทำงานที่ไม่เหมือนกัน เช่น Developer ในแต่ละบริษัทก็มีรูปแบบ วิธี หรือภาษาที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรมต่างกัน และเขาอาจจะเอาความรู้พวกนั้นเข้ามาให้พนักงานของเราที่อาจจะเคยใช้แต่ภาษาเดิมในการทำงานก็ได้

Connection กว้างขวาง

คนที่เปลี่ยนงานบ่อย ๆ ย่อมมี Connection ที่หลากหลาย และรู้จักคนเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือลูกค้าที่เคยร่วมงานกับเขา ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์กับเราไม่น้อย หากเราต้องการข้อมูลข่าวสาร หรือแม้แต่การแนะนำคนใหม่ ๆ เข้ามาเป็นพนักงานในอนาคต

Job Hopper มีข้อดีก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับข้อเสียของคนกลุ่มนี้ให้ได้ด้วยเพราะโอกาสที่เขาจะเปลี่ยนงานอีกครั้งมีแนวโน้มสูงกว่าผู้สมัครคนอื่น นอกจากนี้ก็อาจจะมีเรื่องการไม่เข้าใจระบบการทำงานขององค์กร เพราะเปลี่ยนงานบ่อย รวมถึงอาจจะยังไม่รู้เป้าหมายในชีวิตการทำงานของตัวเอง ดังนั้นเราต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าความสามารถที่เขาทิ้งไว้คุ้มค่าไหม หากอนาคตเขาจะลาออก

วิธีเลือกแคนดิเดตที่เป็น Job Hopper ให้เหมาะสมที่สุด

อย่าโฟกัสแค่จำนวนบริษัท หรือระยะเวลา

อย่ามองแค่ว่าเขาเปลี่ยนงานหลายบริษัทและทำได้ไม่นาน แต่ให้ลองดูในเรซูเม่ว่าการเปลี่ยนงานบ่อย ๆ ในแต่ละที่มีงานอะไรแตกต่างกันบ้าง เช่น การเปลี่ยนงานแต่ละที่ของเขา มีแค่เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นรึเปล่า หรือความรับผิดชอบของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้ง จนมีทักษะต่าง ๆ ตามมา

สัมภาษณ์ให้ละเอียด

นอกจากคำถามสัมภาษณ์งานทั่วไป ให้ถามถึงสาเหตุของการเปลี่ยนงานบ่อย ๆ ถ้าคำตอบของเขามีแต่เรื่อง Negative อาจต้องคิดให้ดีว่าเรารับได้ไหม แต่ถ้าเขาเปลี่ยนงานเพราะอยากหาความท้าทาย หรือสิ่งที่ใช่ ก็อาจจะลองถามต่อถึงเป้าหมาย และสิ่งที่เขามองหา ถ้าพิจารณาแล้วว่าเราสามารถให้ได้ สุดท้ายมันอาจจะจบลงที่เขาทำงานกับเราได้นานกว่าที่อื่น ๆ ก็เป็นได้

เลี่ยงคนที่ดูเข้ากับทีมไม่ได้

ไม่ว่าเขาจะเก่ง มีทักษะมากมาย เป็นคนที่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้หรือหาความท้าทายใหม่ ๆ มากแค่ไหน ก็อย่าลืมว่าการหาคนเข้าทีมและองค์กรได้คือสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพราะไม่ใช่แค่ส่งผลให้เขาลาออก แต่อาจส่งผลกระทบให้พนักงานที่ทำงานกับเราอยู่ก่อนหน้านี้ลาออกไปด้วยเช่นกัน