ส่วนถ้าเป็นโซนที่เป็น Data Analyst คือการนำ Data ที่ค่อนข้างเรียบร้อยแล้วประมาณนึงนำไปใช้ในเชิงธุรกิจ ซึ่งอาจจะออกมาเป็น Business Insights ออกมาเป็น Dashboard เพราะฉะนั้นโซนที่เป็น Data Analyst ทักษะที่เขาพูดกันว่าจำเป็น ก็มักจะเป็นเรื่องของภาษา MySQL คือสามารถดึงข้อมูลจาก Database มาใช้ได้ รวมถึงสามารถเขียนโปรแกรมเพื่อวิเคราะห์หรือใช้ Microsoft Excel ก็ยังโอเค
Data Scientist เนี่ยใกล้เคียงกันครับ เอาข้อมูลที่ Data Engineer เก็บไว้ไปทำโมเดล ซึ่งตอนทำโมเดลก็คือการเขียนโปรแกรม ส่วนใหญ่ใช้ Python และนำโมเดลนั้นไปใช้งานในเชิงธุรกิจ นี่คือหลัก ๆ ของ 3 ตำแหน่งนี้ครับ แล้วทักษะพื้นฐาน ทุกคนควรรู้ มีความรู้ประมาณนึงในทุกโซนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าแต่ละคนก็จะถนัดในคนละมุมกัน
หลายคนเข้าใจผิดว่าสาย Data นั่งหน้าคอมสนุกมาก แต่ว่าไม่ใช่อย่างนั้น ในโลกของ Data เวลาเราเรียนหนังสือหรือเห็นข่าว เราจะเจอปลายทางว่า Data สนุก แต่จริง ๆ ระหว่างทางมีสิ่งที่ต้องทำ เช่น เข้าไปในองค์กรที่ไม่มี Data กว่าจะได้ทำสิ่งที่เห็นปลายทางต้องไปลุยเก็บ Data กันก่อน เก็บไว้ไม่ดีต้องไปจัดการทำ Data Cleansing, Data Preparation ให้ใช้งานได้ก่อน เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่คนทำงาน Data ต้องเผชิญก่อนไปเจอกับปลายทาง อย่างที่สอง คนทำ Data ส่วนใหญ่โตมากับสาย Technical เราเขียนโปรแกรมเป็น วิเคราะห์ ทำ Dashboard เป็น แต่ว่าคนที่เก่ง Data และเข้าใจว่า Data นี้ใช้งานทางธุรกิจยังไงถือว่าเป็นความท้าทาย ทำยังไงให้เราในฐานะมนุษย์ Data คนหนึ่งเข้าใจธุรกิจอย่างถ่องแท้เพื่อที่จะสนับสนุนเขาได้จริง ๆ
ส่วนความยาก-ง่าย ถ้าไปถามหลาย ๆ คนในวงการเนี่ย แต่ละสายก็จะมีทักษะที่ต้องการต่างกันไป Data Engineer อาจจะมีความ Technical เยอะหน่อย ต้องอยู่กับข้อมูลค่อนข้างเยอะ ต้องจัดการเทคโนโลยีใหม่ ๆ เยอะ ส่วน Data Scientist ก็จะเขียนโปรแกรม Advance กว่า Data Analyst แต่ว่า Data Analyst ก็ต้องการในแง่ของการทำ Data Visualization หรือการสื่อสาร การหา Insights ค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นคิดว่าคนละมุมกันมากกว่าในแต่ละสายอาชีพ ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบอะไร และเราสนุกที่จะทำอะไร
ถ้าดูตามเรซูเม่ หรือดูตามตำแหน่งงานที่เขาเปิด Data Analyst ค่อนข้างเปิดเยอะ ด้วยความที่เป็นสายธุรกิจ เพราะฉะนั้นก็จะรับเยอะตาม Use Case ตามแผนกที่เกิดขึ้น รองลงมาก็ Data Scientist เพราะเป็น Trend และเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างได้รับความสนใจ ก็จะมีคนในตำแหน่งนี้เยอะ ตำแหน่งงานก็เปิดเยอะ ที่น้อยที่สุดน่าจะเป็น Data Engineer ครับ โดยหลักการ Data Engineer หนึ่งคนสามารถทำงานให้ Data Scientist ได้หลายคน คือทำ Data เสร็จปุ๊บ Data Scientist, Data Analyst ก็มาหยิบข้อมูลไปใช้ ตำแหน่ง Data Engineer อาจจะน้อยหน่อย แต่คนที่อยู่ในตำแหน่งนี้หรือพร้อมที่จะทำงานในตำแหน่งนี้ก็มีไม่ได้เยอะเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็จะมีความแตกต่างกันคือ มีตำแหน่งเยอะคนเยอะ ตำแหน่งน้อยคนก็น้อยเหมือนกัน ทุก ๆ ตำแหน่งก็ยังคงตำแหน่งงานเยอะและเปิดนานอยู่เรื่อย ๆ
Data เป็นทักษะ อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นชื่อตำแหน่งงานก็ได้ ความหมายคือเราสามารถเป็นนักการตลาดที่เก่ง Data ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็น Data Analyst เราสามารถเป็นนักสื่อสาร นักอะไรก็ได้ที่เก่ง Data อย่างแรกให้ลองเช็กตัวเองก่อนว่าเราอยากประกอบอาชีพที่ Data เลย หรือเราแค่อยากมีทักษะด้าน Data อย่างที่สอง ถ้าคอนเฟิร์มแล้วว่าเราอยากประกอบอาชีพด้าน Data จริง ๆ ก็จะต้องเริ่มเลือกแล้วว่าเราอยากจะเป็น Data Analyst, Data Engineer หรือ Data Scientist หรือ Data อื่น ๆ ซึ่งแน่นอนเราอาจจะยังไม่ได้เจอตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นใช้เวลานี้ค้นหาตัวเอง ไปทำโปรเจกต์ ไปออกงาน ไปเจอผู้คน ไปเจอพี่ ๆ ในวงการ เดินเข้าไปถาม ไม่ต้องอายนะครับ พี่ ๆ ทุกคนก็อยากได้น้อง ๆ เข้ามาอยู่ในวงการนี้ เพราะฉะนั้นเขายินดีมาก ๆ
คราวนี้ก็เริ่มฝึกวิชา วิชาที่ต้องฝึกก็จะมีคณิตศาสตร์ สถิติ เขียนโปรแกรม หรือ Business Domain ที่เราสนใจ คณะที่เป็นสาย Data เฉพาะก็มีเหมือนกัน หรือถ้าไม่ใช่คณะสาย Data คณะอื่น ๆ ก็สามารถทำงานสายนี้ได้เหมือนกัน อย่างผมเป็นวิศวกรก็สามารถทำได้ หรือ น้อง ๆ ในWISESIGHT ก็จะมีนิเทศศาสตร์ มีอักษรศาสตร์ ขอแค่มีความสนใจที่จะเติมความรู้เพิ่มเติม อย่าลืมความรู้ระหว่างทาง อย่าลืมค้นหาตัวเองให้เยอะ เพื่อจะได้รู้ว่าเราต้องทำอะไร อย่างที่บอกครับว่าการที่จะเป็น Data ที่เก่งคงไม่ใช่ทำงานชิลล์ ๆ ต้องใส่พลัง ใส่ความพยายาม ซึ่งถ้าเราไม่ชอบเราอาจจะไม่ได้มีความสุข
ส่วนใหญ่ในไทยจะอยู่บน Facebook ค่อนข้างเยอะ เข้า Facebook Group แล้วลองเสิร์ช Data เราก็จะเจอ เช่น ถ้าเป็นกรุ๊ปใหญ่ ๆ หน่อยก็จะมี Data Analyst Accelerated Bootcamp แล้วก็จะมี Thai Data People - Data Scientists x Data Analysts x Data Engineers เป็นกรุ๊ปใหญ่ 2 กรุ๊ปหลักที่เราสามารถเข้าไปได้ จริง ๆ มีอีกเยอะ กรุ๊ป Data Engineer Thailand, กรุ๊ป Data Science BKK หรือเพจอย่าง DataRockie, Data TH - Data Science ชิลชิล หรือ DATAHOLIC ไปตามได้หมดครับ จะมี Community ที่ไหลวนอยู่ในนั้น ถ้าเราเจอหนึ่งที่ เดี๋ยวมันก็จะพาไปที่อื่น ๆ ให้เอง เพราะเขาก็จะแชร์กัน เป็น Community ที่ค่อนข้างเหนียวแน่นครับ
สำหรับคีย์เวิร์ดก็ ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทนะครับว่าตอนนั้นเขามองหาอะไร ถ้ามาสมัคร WISESIGHT คีย์เวิร์ดที่มองหา แน่นอน Social Listening, Social Media เครื่องมือหลักที่เราใช้คือ Microsoft Excel, Power BI ถ้ามีคีย์เวิร์ดเหล่านี้เราก็จะสนใจเรียกเข้ามา ซึ่งไม่ใช่ทุกบริษัทจะต้องการ Power BI ไม่ใช่ทุกบริษัทจะต้องการ Microsoft Excel เพราะฉะนั้นลองดูครับว่าถ้าเรามีเป้าหมายในใจอยู่แล้ว มีบริษัทในใจที่เราอยากจะทำงานด้วย ลองไปหาดูว่าบริษัทนั้นเขาใช้อะไร มี Ecosystem ยังไง แล้วเราก็เขียนมาให้ชัด ไปฝึกตัวเองมาหรือเขียนมาให้ชัดว่าเราทำสิ่งนี้ได้ เพื่อให้เขารู้ว่าเราพร้อมที่จะทำงาน