“ถ้าใครคิดไอเดียอะไรได้เพิ่มเติม หรือคิดว่าควรปรับอะไรตรงไหน ก็เดินมาคุยกับพี่ได้ตลอดเลยนะ”

วรกรพูดทิ้งท้ายกับน้อง ๆ ในทีมเอาไว้ก่อนปิดการประชุมเรื่องงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าที่จะจัดขึ้นต้นปีหน้า ถึงแม้การประชุมวันนี้เขาจะสรุปประเด็นและไอเดียหลัก ๆ เกี่ยวกับงานให้กับคนอื่น ๆ ฟังเรียบร้อยแล้ว แต่รายละเอียดต่าง ๆ ก็ยังไม่สมบูรณ์ และเขาก็คิดว่าคงจะดีกว่าหากเขาเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ในทีมได้มีส่วนร่วมในการแชร์ไอเดียอย่างเต็มที่ ซึ่งแนวคิดการทำงานแบบนี้ เป็นแนวคิดที่เขาได้มาจาก Richard Branson นักธุรกิจชั้นแนวหน้าของโลกนั่นเอง

นอกจากเรื่องของการให้โอกาสคนอื่น ๆ ได้แสดงความเห็นแล้ว ริชาร์ด แบรนสันยังมีแนวคิดในการบริหารคนที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง ซึ่งวันนี้ JobThai ก็ได้รวบรวมแนวคิดที่น่าสนใจมาไว้ที่นี่แล้ว

ชายที่กล้าเดินอยู่ริมหน้าผาเพื่อมองสิ่งที่คนอื่นไม่มีวันได้เห็น น่าจะเป็นคำที่บ่งบอกสไตล์การทำธุรกิจของ ริชาร์ด แบรนสัน ได้เป็นอย่างดี เขาเป็นนักธุรกิจที่มีจุดเด่นเรื่องความกล้าคิดต่างและแนวคิดการทำงานที่ไม่เหมือนใคร ทุกวันนี้ริชาร์ดเป็นเจ้าของ เวอร์จิ้นกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจที่มีบริษัทอยู่กว่า 400 บริษัท สร้างรายได้ระดับ 8 พันล้าน ดอลล่าร์สหรัฐ จาก 8 ประเภทธุรกิจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเขาเชื่อว่าปัจจัยสำคัญที่นำพาองค์กรมาสู่ความสำเร็จได้นั้นล้วนมาจากความสามารถของพนักงานทุกคนในองค์กร

และนี่คือ 5 แนวคิดการบริหารคนในแบบฉบับของ ริชาร์ด แบรนสัน ที่อาจสร้างแนวคิด แรงบันดาลใจให้กับ หัวหน้างาน หรือเจ้าของธุรกิจได้

1. อย่าพูดคำว่า ฉันเป็นเจ้านาย!

เขาเชื่อว่าการใช้อำนาจของความเป็นเจ้านายเพื่อสั่งให้พนักงานทุกคนทำตามไม่ใช่สิ่งที่หัวหน้าควรทำ เพราะวิธีนี้นอกจากจะไม่สามารถซื้อใจลูกทีมได้แล้ว บางครั้งอาจเป็นการปลูกฝังแนวคิดทำนองว่า “ฉันคิดต่างจากคุณนะ แต่ไม่เป็นไรฉันจะทำตามสิ่งที่คุณต้องการ เพราะคุณเป็นหัวหน้า” ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ของงานไม่ดีเท่าที่ควรเพราะไม่มีใครกล้าเสนอความคิดต่างเลย เขาเชื่อว่าผู้นำที่ดีไม่ใช่แค่ว่าสั่งการเก่งเท่านั้น แต่ต้องมีความสามารถในการกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานให้กับลูกทีมได้ด้วย

2. กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์

ริชาร์ดมีจุดเด่นที่ชัดเจนมากในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเขาใช้แนวคิดเดียวกันนี้ในการบริหารคนโดยที่เขามักให้อิสระทางความคิดกับลูกทีมและพร้อมที่จะสนับสนุนแนวคิดใหม่อยู่เสมอ ซึ่งตัวเขาเองเคยพูดว่า “ถ้าลูกทีมเข้ามาบอกคุณว่าเขามีไอเดียเจ๋งๆในการทำธุรกิจ แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่สนับสนุน หลายปีที่ผ่านมาความคิดใหม่ ๆ ของพนักงานล้วนมีผลต่อการเริ่มธุรกิจใหม่ของเวอร์จิ้น” เขายังเชื่อว่าองค์กรควรจะเป็นเหมือนสปริงบอร์ดให้กับพนักงานทุกคนที่มีความสามารถ ไม่ใช่โซ่ตรวนที่ดึงเขาไว้ในกรอบของแนวคิดที่ตั้งไว้

3. สนับสนุนการคิดต่าง

เขาพยายามเปิดโอกาสให้ลูกทีมเสนอความคิดที่แตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโต้แย้งกันในที่ประชุมมักจะทำให้เขาได้รับข้อมูลใหม่ หรือได้รับทราบถึงปัญหาที่ไม่เคยคิดมาก่อนด้วย “คนที่คิดต่างจะช่วยให้เราได้มองเห็นปัญหา โอกาส ทั้งยังเป็นกระตุ้นให้คนในทีมเกิดความคิดสร้างสรรค์ด้วย”

4. สร้างบรรยากาศแห่งความสุข

ริชาร์ดเป็นคนที่รักความสนุกสนานและมีอารมณ์ขัน เขาเคยพูดว่า “ไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องไปฝืนทำธุรกิจที่ไม่สนุก”  ซึ่งบุคลิกของเขายังสะท้อนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนในธุรกิจของ เวอร์จิ้น สังเกตได้จากภาพลักษณ์องค์กร หรือวิธีการทำตลาดที่มักจะสร้างสีสันได้ตลอดเวลา ริชาร์ดเชื่อว่าหัวหน้าที่ดีไม่ควรวางตัวให้ดูเคร่งขรึมเกินไปเพราะมันอาจจะทำให้พนักงานอึดอัดและอาจส่งผลต่อการทำงานได้ หัวหน้างานควรสร้างบรรยากาศในการทำงานให้มีความสุขซึ่งอาจทำได้โดยการ พูดคุยเรื่องงานให้เป็นเรื่องสนุก คอยสนับสนุนลูกทีมและให้กำลังใจพวกเขา หรือพูดคุยเรื่องตลกบ้างถ้าเป็นไปได้

5. เลือกคนมีอีคิวสูงเข้าทำงาน

หลายองค์กรเลือกคนจากประสบการณ์ แต่สำหรับเวอร์จิ้น เขาให้ความสำคัญกับคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีมากกว่าคนที่มีประสบการณ์สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่แสดงออกถึงมุมมองแปลกใหม่ และพร้อมที่จะสนุกกับการทำงานซึ่งเป็นวัฒนธรรมองค์กรของเวอร์จิ้น ด้านการเลื่อนตำแหน่งเขามักจะให้โอกาสกับคนในองค์กรก่อน เพราะเป็นคนที่เขารู้จักดีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน ซึ่งทำให้ง่ายต่อการมอบหมายหน้าที่ ทั้งยังเป็นการสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงานในองค์กรด้วย

6. สังสรรค์กับพนักงาน

“ผมสนับสนุนการจัดปาร์ตี้ ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” อาจฟังดูเป็นเรื่องไม่เหมาะสมสำหรับคนอื่นแต่สำหรับริชาร์ดแล้ว แนวคิดนี้เป็นเคล็ดลับที่จะทำให้เขารู้จักพนักงานมากขึ้น ในงานเลี้ยงช่วงเวลาที่ทุกคนสนุกและผ่อนคลาย จะเป็นเวลาที่เขาจะพูดคุยเรื่องทั่วไปกับพนักงาน ซึ่งเขาเชื่อว่าในช่วงเวลานั้นความคิดเห็นของพนักงานจะออกมาจากใจจริงๆ

ที่มา:
entrepreneur.com     
americanexpress.com