-
เช้าวันจันทร์กลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต รู้สึกเบื่อการทำงาน และเริ่มมองว่าคุณค่าใน
ตัวเองลดลง
-
รู้สึกว่าไม่มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ทั้งเรื่องตำแหน่ง การมอบหมายให้ทำโปรเจกต์ใหม่ ๆ และการเรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยทำ
-
อยากรีบปลดเกษียณจากงาน ไม่มีความกระหายในงานที่ทำอยู่ ทุกอาทิตย์ทำงานแบบส่ง ๆ เพื่อให้เวลาผ่านไปเพียงเท่านั้น
-
คนในครอบครัวกลายเป็นที่ระบายความเครียดจากเรื่องงาน ทุกเย็นต้องบ่นเรื่องความผิดพลาดของตัวเองและคนอื่นให้สมาชิกในครอบครัวฟัง
-
จากคนที่เคยแข็งแรงทั้งกายและใจ กลับเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ บ่อยขึ้น แถมยังเริ่มติดการดื่มแอลกอฮอร์เพื่อช่วยให้ลืมปัญหาจากงาน
-
มีความคิดที่อยากจะหางานใหม่อยู่ตลอดเวลา และเข้าเว็บไซต์หางานอยู่ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ
|
|
“การลาออก” ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีถ้าเรายังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเพราะอะไรเราถึงไม่มีความสุขกับการทำงาน เราจำเป็นต้องใช้เวลาคิดให้ถี่ถ้วนว่าแท้จริงแล้วปัญหานั้นเกิดจากอะไร แต่การใช้เวลาไตร่ตรองที่นานเกินไปก็อาจจะทำให้เราเสียเวลาในชีวิตอย่างไร้ความหมายได้เช่นกัน วันนี้ JobThai จึงได้ยกเอาสัญญาณเตือนต่าง ๆ ที่จะเป็นตัวช่วยในการสังเกตชีวิตการทำงานของเรา ซึ่งหากพบว่าตรงหลายข้อนั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเราคงจะต้องเริ่มต้นหางานใหม่ได้แล้ว
เบื่อและไม่อยากทำงาน
ภาพที่ทุกคนจำได้ว่าเราคือเบอร์หนึ่งในแผนกหายไป ทุกวันนี้แค่จะเข็นให้งานเสร็จสักชิ้นในแต่ละสัปดาห์ยังยากเลย เพราะเราเริ่มเช็กเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ทุก ๆ สิบนาที การทำงานกลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่คิดถึง หมดความกระตือรือร้นและเบื่อหน่ายอยู่ตลอดเวลา งานที่ได้รับมอบหมายมาถูกปล่อยค้างเอาไว้ ซึ่งนอกจากกระทบต่องานของตัวเองแล้ว สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ยังส่งผลให้เริ่มมีปากเสียงกับเพื่อนร่วมงานเนื่องจากงานของเราช้าเกินกำหนดกระทบต่อระบบการทำงานในแผนก หนักกว่านั้นคือการทะเลาะกับหัวหน้าจนทำให้รู้สึกว่า เราไม่สามารถควบคุมอะไรในการทำงานได้เลย
รู้สึกว่าอยู่ต่อไปยังไงก็ไม่โต
ถ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่มีโอกาสก้าวหน้าในที่ทำงานเลย ก็ไม่แปลกที่จะนึกถึงเรื่องหางานใหม่ เพราะโอกาสในการก้าวหน้าคือเป้าหมายสำคัญในการทำงานของมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ซึ่งโอกาสในการก้าวหน้าที่หมายถึงอาจไม่ใช่แค่การเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่มันอาจจะหมายถึงการได้รับโอกาสใหม่ ๆ เช่น การได้รับมอบหมายให้ทำโปรเจกต์ใหม่ ได้ทำสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน หรือได้เรียนรู้งานจากระดับหัวหน้างาน ยังไงก็ตามก่อนที่คุณจะรีบลาออกจากงานด้วยเหตุผลนี้ ลองเข้าไปคุยเรื่องนี้กับหัวหน้างานก่อนจะดีที่สุด แต่ถ้าคุยแล้วยังดูไม่มีโอกาสล่ะก็ อย่ารอช้าที่จะลาออกมาหาที่ที่ให้โอกาสคุณก้าวหน้ามากกว่านี้
คิดถึงภาพตอนเกษียณ
ถ้าอยู่ ๆ ก็จินตนาการภาพตัวเองปลดเกษียณ หยุดทำงานและนอนพักผ่อนอยู่บ้าน บางคนถึงขั้นนับปี นับเดือน นับวันที่จะเกษียณจากงานที่ทำอยู่ตอนนี้เลย เพราะในแต่ละวันนั้นไม่ได้มีแรงจูงใจให้อยากไปถึงที่ทำงาน ไม่ได้มี Passion ที่อยากจะสร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าออกมา ชีวิตการทำงานหมดไปกับงานที่ทำแบบส่ง ๆ เท่านั้น ก็อาจจะถึงเวลาที่เราต้องเริ่มมองหาทางใหม่ ๆ ได้แล้ว เพราะการนิ่งดูดายต่อเวลาที่ผ่านไปแบบนี้ ไม่สามารถช่วยให้ความหวังที่จะเกษียณเป็นจริงได้แน่นอน
พูดคุยเรื่องงานในแง่ลบให้คนในครอบครัวฟัง
ช่วงเวลาสุขสันต์อย่างเวลาทานข้าวกับครอบครัว จากที่เคยเป็นการพูดคุยเรื่องราวสนุกสนานในที่ทำงานของเรา วีรกรรมน่าสนุกของลูกที่โรงเรียน และวางแผนไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุดยาวที่จะมาถึง ถูกแทนที่ด้วยการถูกตำหนิ และถูกต่อว่าจากที่ทำงานของเราเป็นหัวข้อหลัก แทรกด้วยพฤติกรรมที่ไม่ดีของเพื่อนร่วมงาน วันแล้ววันเล่าที่คนในครอบครัวของเราได้รับฟังแต่เรื่องงานในเชิงลบ หากสถานการณ์นี้ยังเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำและมีแนวโน้มว่าจะบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ เราอาจต้องเริ่มพิจารณาถึงงานของเราอย่างจริงจังมากขึ้นแล้ว
ระบบชีวิตพัง
จากที่เคยเป็นคนนอนหลับง่าย กลายเป็นคนนอนไม่หลับ ตื่นมากลางดึกบ่อย ๆ เพราะต้องเก็บเอาความเครียดจากเรื่องงานไปนอนฝัน นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบชีวิตที่แปรปรวน หนำซ้ำบางคนจากที่เคยสุขภาพแข็งแรงกลับมีอาการป่วยบ่อยขึ้น ซึ่งการป่วยทางกายนี่แหละที่เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งได้เช่นกันว่า สุขภาพจิตของเราอาจจะกำลังแย่ไปด้วย นอกจากนี้หากงานรบกวนความคิดจนทำให้ทุก ๆ เย็น ต้องนัดเพื่อนออกไปสังสรรค์เพื่อให้หายเครียด จนเริ่มมีสโลแกนติดปากในหมู่เพื่อนว่า “ดื่มเพื่อให้ลืมงาน” ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นแล้วว่างานนี้อาจจะไม่เหมาะกับเราอีกต่อไป
เริ่มมองหางานใหม่
ถ้าเว็บที่เราเข้าเริ่มเปลี่ยนเป็นเว็บไซต์หางาน เริ่มพิมพ์คำว่า “หางาน” ลงไปใน Search Engine พร้อมเคาะปุ่มเอ็นเทอร์ นั่นเท่ากับว่าเราผ่านจุดสุดท้ายของความอดทนในงานปัจจุบันไปแล้ว และหากทุกวันมีแต่คำว่า
“ฉันจะหางานใหม่!” แวบเข้ามาในความคิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อาจไม่เป็นการดีที่เราจะใช้ชีวิตด้วยการทนทำงานที่ไม่สร้างความสุขแบบนี้ต่อไป ซึ่งนอกจากจะเป็นผลเสียต่อตัวเองแล้ว ครอบครัว
เพื่อนร่วมงาน รวมถึงบริษัทก็ต่างได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ถึงจะรู้สึกว่ามีหลายสัญญาณที่ตรงกับเราแล้วก็อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจลาออกจากงาน ทางที่ดีกว่าคือการเริ่มตรวจสอบตัวเอง พิจารณาว่าเรากำลังเผชิญกับปัญหาอะไร เราแก้ไขให้มันดีขึ้นได้ไหม เพราะหากปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุจากตัวเราเอง ไม่ว่าจะเปลี่ยนงานอีกกี่แห่งปัญหานี้ก็ไม่หายไป ค่อย ๆ วางแผนและตัดสินใจอย่างรอบคอบ JobThai เชื่อว่าทุกคนสามารถกลับมามีความสุข สร้างสมดุลทั้งชีวิตและการงานในอนาคตได้อย่างแน่นอน
มาฝากประวัติเพื่อหางานใหม่ได้ ที่นี่
|
|
JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน
ที่มา
thebalancecareers.com
indeed.com