เทคนิคการเขียน Resume แบบเจาะลึก: ทักษะการทำงาน (Skills)

07/03/25   |   171   |  

 

 

สิ่งที่บริษัทมองหาใน Resume คือคุณสมบัติในการทำงานของผู้สมัครงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการทำงานที่บ่งบอกว่าเราทำงานอะไรได้บ้าง JobThai จะพาไปดูกันว่าต้องเขียนทักษะการทำงานยังไงให้เข้าตา HR หรือหัวหน้างานที่ทำหน้าที่พิจารณาประวัติของเรา

 

JobThai Mobile Application สมัครงานง่าย ได้งานเร็ว

iOS

Android

Huawei AppGallery

 

ความสำคัญของทักษะการทำงานใน Resume

ทักษะการทำงานคือสิ่งที่จะบ่งบอกว่าเรามีความสามารถอะไรบ้าง และมีแนวโน้มที่จะทำงานตามที่ได้รับมอบหมายได้ดีแค่ไหน นอกเหนือจากส่วนประสบการณ์การทำงานที่บอกเล่าว่าเราเคยทำตำแหน่งอะไร ในบริษัทไหนมาบ้างแล้ว การมีส่วนสรุปรวมทักษะที่เป็นจุดเด่นของเราไว้ใน Resume จะทำให้คนที่อ่าน Resume กวาดสายตามมองเห็นได้อย่างรวดเร็วและประเมินได้ว่าทักษะที่เรามีนั้นตรงตามกับที่บริษัทกำลังต้องการอยู่หรือไม่ เมื่อเห็นว่าเรามีทักษะครบถ้วนหรือใกล้เคียงกับที่ต้องการ ก็มีโอกาสสูงที่เราจะได้รับการพิจารณาเรียกสัมภาษณ์

 

เลือกเฉพาะทักษะการทำงานที่โดดเด่น

สำหรับการเลือกทักษะที่จะเขียนลงไปใน Resume ควรประเมินตัวเองว่าเรามีทักษะอะไรบ้าง โดยอาจเริ่มต้นจากตำแหน่งและบทบาทที่เราเคยทำงานมา แล้วเขียนอธิบายว่าเราต้องใช้ทักษะอะไรบ้างในการทำงานเหล่านั้น เช่น เคยได้รับมอบหมายให้จัดทำบัญชี เราก็สามารถระบุได้ว่า เรามีทักษะในการคำนวณ มีทักษะการจัดการบัญชี หรือ เคยทำเว็บไซต์ ทักษะของเราก็คือ การเขียน Code การใช้ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง เมื่อได้ชื่อทักษะการทำงานแล้ว ให้ลองเรียงลำดับความสามารถว่าจากทักษะทั้งหมดนั้น เราทำสิ่งไหนได้ดีที่สุด และจำเป็นต่อการทำงานในตำแหน่งที่เราสมัคร ไปจนถึงพอทำได้แต่ไม่ได้เก่งมาก อาจดูในประกาศงานประกอบว่าเขากำลังมองหาคนที่มีทักษะอะไรบ้าง และถ้าเรามีทักษะนั้น ๆ เวลาเขียนลงใน Resume ก็สามารถใช้คำเหมือนเขาได้เลย โดยแบ่งเป็นทักษะเฉพาะทางในสายอาชีพ (Hard Skills)ทักษะการทำงานทั่วไปที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกตำแหน่ง (Soft Skills) และทักษะอื่น ๆ เช่น ทักษะภาษาต่างประเทศ หากมี

 

สิ่งที่ควรทำในการนำเสนอทักษะการทำงาน

หัวข้อทักษะการทำงานควรช่วยให้บริษัทเห็นภาพรวมทักษะของเราได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงควรเขียนด้วย Bullet Points ที่นำเสนอ Hard Skills และ Soft Skills แยกกันให้ชัดเจน เพราะ Resume ของเราควรอ่านง่ายและเป็นระเบียบ บริษัทไม่ควรต้องเสียเวลากวาดตามองหาทักษะเพียงเพราะเราเขียนทักษะรวมกันและและไม่ได้เรียงลำดับความสำคัญ

 

ตัวอย่าง Hard Skills

ด้านไอที

  • Languages: Python, R, SQL
  • ML Frameworks: TensorFlow, PyTorch, scikit-learn
  • Deep Learning: CNNs, RNNs, Transformers
  • Big Data: Apache Spark, Hadoop
  • Cloud Platforms: AWS SageMaker, Google Cloud AI Platform

ด้านบัญชี

  • QuickBooks, Xero, SAP, Wave, Soho Books

ด้านการบริหารบุคคล

  • HR Information Systems (HRIS), Applicant Tracking Systems (ATS), Payroll Software, Learning Management Systems (LMS)

 

สำหรับทักษะเฉพาะทางของสายอาชีพอื่น ก็มักจะเป็นทักษะการใช้งานเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่จับต้องได้ รวมไปถึงซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์บัญชี ซอฟต์แวร์สำหรับนักออกแบบ หรือ ซอฟต์แวร์สำหรับบริหารบุคลากรหากเป็นสายงาน HR

 

ตัวอย่าง Soft Skills

  • การสื่อสาร (Communication): สามารถรับฟังอย่างตั้งใจและถ่ายทอดข้อมูลได้อย่างชัดเจน  
  • การบริหารเวลา (Time Management): จัดระเบียบและจัดลำดับความสำคัญของงานเพื่อให้ทันกำหนดเวลาและเป้าหมาย
  • การมอบหมายงาน (Delegation): มอบหมายงานและความรับผิดชอบให้กับสมาชิกในทีมอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การแก้ปัญหา (Problem Solving): ระบุ วิเคราะห์ และแก้ไขความท้าทายที่เกิดขึ้น
  • การตัดสินใจ (Decision Making): รู้จักการหาข้อมูลรอบด้านเพื่อนำไปตัดสินใจอย่างทันท่วงที 
  • การแก้ไขความขัดแย้ง (Conflict Resolution): ไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งและรักษาบรรยากาศที่ดีในการทำงานได้
  • ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability): เรียนรู้เร็ว รับมืองานที่ไม่เคยทำมาก่อนได้เป็นอย่างดี

 

การเรียงลำดับ สำหรับอาชีพทั่วไปแล้ว นิยมเรียงลำดับโดยให้ทักษะเฉพาะทาง (Hard Skills) อยู่ด้านบนสุดเสมอ แล้วจึงตามด้วยทักษะการทำงานรวมกับผู้อื่น (Soft Skills) เพื่อให้คนอ่าน Resume เห็นทักษะที่เกี่ยวข้องกับงานของเราตามลำดับความเชี่ยวชาญก่อน อย่างไรก็ตามหากสายอาชีพของเราต้องใช้ Soft Skills เป็นหลัก เช่น อาชีพสายบริการ การสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ ก็สามารถปรับมาไว้ให้คนอ่านเห็นก่อนได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละสายอาชีพ

 

ตำแหน่งการวาง เราสามารถวางทักษะไว้ก่อนส่วนประสบการณ์ทำงานเพื่อเป็น Highlight ได้ หรือ จะอยู่ถัดมาจากประสบการณ์ทำงานก็ได้เช่นกัน

 

คำแนะนำอื่น ๆ

  • เราสามารถปรับชื่อของ Hard Skills ให้คนอ่านเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น เช่น "ทักษะทางเทคนิค" "ทักษะด้าน IT"  "ทักษะการตลาด" หรืออย่างอื่นที่เกี่ยวข้องกับสาขาอาชีพหรือตำแหน่งงานตามประเภทธุรกิจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาขาของอาชีพที่เราทำ นอกจากนี้ควรระบุระดับความเชี่ยวชาญของการใช้ทักษะนั้น ๆ ด้วย เช่น "เชี่ยวชาญ" หรือ "ระดับปานกลาง" หรือถ้ามีคะแนนผลทดสอบก็ควรใส่ลงไปด้วย สิ่งนี้จะทำให้บริษัทประเมินและนึกภาพออกว่าความสามารถของเราอยู่ในระดับไหน และต้องได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมมากน้อยเพียงใด

 

  • กรณีทักษะทางภาษา อาจใส่ระดับความชำนาญได้ จะดีที่สุดถ้าเรามีตัวเลขวัดผลจากสถาบันทางภาษาที่น่าเชื่อถือ เช่น ผลสอบวัดผล IELTS 7.0 แต่ถ้าภาษาของเราไม่ได้ดีพอสำหรับใช้เพื่อการทำงานอาจจะละไว้ไม่ต้องใส่ก็ได้ แล้วไปปรับเนื้อหาการเขียนในส่วนอื่นให้น่าสนใจมากขึ้นแทน

 

  • ใช้คำสำคัญ (Keywords) ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานและสายงานที่เรากำลังสมัคร เพื่อสื่อสารให้คนอ่าน Resume เห็นว่าเรามีความรู้ความเข้าใจในการทำงานตรงตามมาตรฐานที่สายอาชีพนี้ใช้กัน โดยสามารถดูได้จากประกาศรับสมัครงานจากทางบริษัท นอกจากนี้หากบางบริษัทใช้ซอฟต์แวร์ในการคัดแยก Resume อาจช่วยให้ซอฟต์แวร์ค้นหาเจอ Keywords ที่เราใส่ไปตรงกับสิ่งที่บริษัทต้องการด้วย

 

สรุป

การเขียนทักษะการทำงานให้โดดเด่นและน่าสนใจใน Resume ควรเน้นการเขียนอธิบายทักษะของเราที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่เราสมัคร นอกจากนี้ยังควรทำสรุปรวมทักษะเด่น ๆ ของเราในลักษณะ Bullet Points แยกประเภททักษะ Hard Skills และ Soft Skills เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน เพียงเท่านี้โอกาสที่ HR จะสนใจ Resume ของเราก็จะมีเพิ่มมากขึ้นเทียบกับคนที่ไม่ได้เน้นการเขียนส่วนทักษะการทำงาน

 

เทคนิคการเขียน Resume แบบเจาะลึก ในส่วนอื่น ๆ 

หางานใหม่ที่ใช่ ได้เป็นตัวของคุณเอง ที่ JobThai สมัครสมาชิกและฝากประวัติที่นี่เลย

 

ที่มา:

resumegenius.com

indeed.com

tags : jobthai, ทักษะ, ทักษะการทำงาน, skills, hard skills, soft skills, งาน, หางาน, สมัครงาน, เคล็ดลับการทำงาน, resume, เด็กจบใหม่, สัมภาษณ์งาน, คนทำงาน



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม