Maye Musk คือคุณแม่คนเก่งของ Elon Musk นักธุรกิจเจ้าของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Tesla Motors SpaceX หรือ SolarCity แถมยังเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล อยากให้มนุษย์ขึ้นไปอยู่อาศัยบนดาวอังคาร เมื่อลูกของเธอมีความสามารถและไอเดียบรรเจิดขนาดนี้ เห็นทีเราจะต้องย้อนกลับไปดูว่าตัวเธอมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงสามารถเลี้ยงลูกจนประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้
- Maye Musk แม่ของนักธุรกิจชื่อดังอย่าง Elon Musk ต้องเลี้ยงดูลูก 3 คน ด้วยตัวคนเดียว จึงพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ทำให้เธอต้องทำงาน 5 บทบาทไปพร้อม ๆ กัน คือ เป็นที่ปรึกษาด้านโภชนาการ เป็นนางแบบ เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยทำการวิจัยให้มหาวิทยาลัย Toronto สอนหนังสือภาคค่ำที่วิทยาลัย และสอนเดินแบบ
- นอกจากงานของตัวเองแล้ว เมื่อลูก ๆ ของเธอเริ่มก่อตั้งบริษัท เธอก็ยังคอยสนับสนุนและช่วยลูก ๆ ทำงานอยู่เสมอ ตั้งแต่แผนธุรกิจ ดูแลเรื่องสื่อสิ่งพิมพ์ จัดการค่าใช้จ่าย ไปจนกระทั่งเรื่องอาหารและของใช้ต่าง ๆ
- Maye Musk มักจะถ่อมตัวว่าที่ลูกเธอประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่เพราะเธอแต่เป็นเพราะความพยายามของพวกเขาเอง ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอคือคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูก ๆ ทุกคน เพราะเธอคอยช่วยเหลือพวกเขาทุกวิถีทาง และมีส่วนร่วมในทุกย่างก้าวของชีวิตลูก ๆ
|
|
สาวน้อยจากแคนาดามุ่งหน้าสู่แอฟริกาใต้
Maye Musk เกิดในปี 1948 ที่เมือง Regina ใน Saskatchewan ประเทศแคนาดา ไม่นานนัก ในปี 1950 พ่อแม่ของเธอก็ย้ายมาอยู่ที่ เมือง Pretoria ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อโตขึ้นเธอเริ่มต้นอาชีพการเป็นนางแบบ ตั้งแต่อายุ 15 ปี เพราะเพื่อนของแม่เธอที่เป็นเจ้าของเอเจนซี่นางแบบได้จ้างให้เธอเดินแบบงานแฟชั่นโชว์และงานถ่ายโฆษณา หลังจากนั้นก็เธอผ่านเข้ารอบสุดท้ายของเวทีการประกวดนางงาม Miss South Africa ต่อมาเธอจึงยึดอาชีพนางแบบเป็นอาชีพเสริม แต่เธอก็ยังไม่ทิ้งการเรียนโดยเลือกที่จะศึกษาในสาขาวิชาอาหารและโภชนาการตามที่เธอสนใจกับมหาวิทยาลัยท้องถิ่น
พบจุดเปลี่ยนชีวิตหลังแต่งงานไม่ถึง 10 ปี
ปี 1970 เธอได้แต่งงานกับ Errol Musk วิศวกรหนุ่มที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย และปีต่อมาก็ได้ให้กำเนิดลูกชายคนแรก ซึ่งก็คือ Elon Musk ส่วนคนถัดมาก็คือ Kimbal และ Tosca ลูกสาวคนเล็ก หลังแต่งงานเธอเลือกที่จะทำงานที่บ้านเป็นหลัก โดยทำงานตามที่เธอถนัดในการเป็นที่ปรึกษาด้านโภชนาการให้กับลูกค้าที่อยากได้คำแนะนำเรื่องสุขภาพ แต่เธอก็ยังไม่ทิ้งงานในวงการนางแบบเสียทีเดียว
อย่างไรก็ตามชีวิตแต่งงานของเธอก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด Maye ได้หย่ากับ Errol Musk สามีของเธอก่อนที่ Elon Musk จะมีอายุครบ 10 ปี เพราะเธอคิดว่าการแยกกันอยู่ยังดีกว่าการทนใช้ชีวิตคู่ที่ไม่มีความสุข จากวันนั้นเธอก็ต้องรับผิดชอบชีวิตน้อย ๆ ทั้ง 3 ด้วยตัวคนเดียว
เผชิญปัญหาด้วยตัวคนเดียว
แม้เธอจะเป็นนางแบบที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง แต่การต้องเลี้ยงลูก 3 คนพร้อม ๆ กันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียว สิ่งที่เธอคิดหลังจากที่เลิกกับสามีคือ เธอต้องเลี้ยงลูกทั้ง 3 ให้ได้ด้วยตัวคนเดียว เธอมักจะให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าความขัดสนจะบังคับให้คนเราต้องทำงานหนัก เธอเล่าว่าในช่วงที่สถานะทางการเงินไม่สู้ดีนัก เธอเคยร้องไห้เมื่อลูก ๆ ของเธอทำนมหก แม้จะมีสำนวนที่ว่าอย่าร้องไห้ให้กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเรื่องนมหก แต่ที่เธอร้องไห้ก็เพราะเธอไม่มีเงินเหลือพอที่จะซื้อนมใหม่ให้กับลูก ๆ ในสัปดาห์นั้น
เธอต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ด้วยวุฒิปริญญาทางด้านอาหารและโภชนาการ เธอจึงยึดอาชีพที่ปรึกษาด้านโภชนาการเป็นหลัก และงานนางแบบเป็นรองเหมือนแต่ก่อน ต่อมาหลังจากที่ Elon ย้ายไปเรียนที่ Canada เธอก็ได้ตัดสินใจย้ายตามลูกไปด้วย โดยเธอได้หาห้องพักเล็ก ๆ เช่าอยู่กันกับลูก ช่วงแรก ๆ ที่ย้ายเข้าไปอยู่ ห้องที่เธอเช่านั้นไม่มีแม้กระทั่งเก้าอี้สักตัว เธอต้องเจียดเงินเดือนก้อนแรกไปซื้อพรมราคาถูกๆ มาปูพื้นห้องแทน ส่วนของชิ้นที่สองที่เธอซื้อก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับ Elon ลูกชายคนโต
Maye ระลึกถึงช่วงเวลาที่ครอบครัวของเธอไม่มีเงินซื้อเนื้อสัตว์มาทำอาหารเย็นกินกัน ลูกค้าที่เข้ามาขอคำปรึกษากับเธอคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของร้านขายเนื้อมักจะแบ่งเนื้อย่างมาฝากให้เธอและลูก ๆ เดือนละครั้ง โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าเธอไม่มีเงินจะซื้อเนื้อเองจริง ๆ และเธอก็จะแบ่งเนื้อนั้นเป็นสี่ส่วน แล้วแช่แข็งไว้ โดยจะนำเนื้อนั้นออกมาปรุงอาหารเพื่อกินกันสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
หารายได้ด้วยการทำงานหลายอย่างไปพร้อม ๆ กัน
Maye Musk ต้องทำงานถึง 5 บทบาทเพื่อหารายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว นอกจากอาชีพนางแบบ และที่ปรึกษาด้านโภชนาการมืออาชีพแล้ว เธอยังต้องทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยทำการวิจัยให้มหาวิทยาลัย Toronto เพื่อให้ลูก ๆ ของเธอสามารถได้สิทธิเรียนฟรีที่โรงเรียนในสังกัด นอกจากนั้นเธอยังต้องสอนหนังสือภาคค่ำที่วิทยาลัย สัปดาห์ละ 2 ครั้ง และสอนเดินแบบอีกสัปดาห์ละสองครั้งโดยใช้สำนักงานที่ปรึกษาโภชนาการของเธอเป็นสถานที่ฝึกสอน จนเมื่อลูกค้าเริ่มเยอะขึ้นเป็น 25 รายต่อวัน เธอก็มีลูกทีมเพิ่มอีก 3 คน เตรียมไว้เวลาที่เธอต้องไปทำงานเดินแบบ ลูกทีมของเธอจะสามารถรับช่วงต่อในการให้คำปรึกษาลูกค้าได้ทันที
เห็นเธอทำงานเหนื่อย ๆ แบบนี้ เธอบอกว่าโชคดีที่ลูก ๆ ของเธอสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไร และพวกเขาทุกคนก็เป็นเด็กดี ลูก ๆ ของเธอก็ช่วยกันหาเงินเข้าบ้านเช่นเดียวกัน โดยที่ Tosca จะทำงานพิเศษที่ร้านขายของชำ ใกล้ที่พักหลังเลิกเรียน ส่วนลูกชายทั้งสองคนก็ทำงานพิเศษที่ธนาคารที่เพื่อนของเธอทำงานอยู่
เป็นทั้งที่ปรึกษาและตัวช่วยของลูกในทุกย่างก้าว
แม้ลูก ๆ ของเธอจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ แต่เธอก็ยังถ่อมตัวว่าที่ลูกเธอประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่เพราะเธอ เธอบอกว่าตัวเธอไม่ได้มีส่วนทำให้ลูกเก่งเลย เพราะเธอมัวแต่ทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ลูก ๆ ของเธอจึงต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง
ในช่วงปี 1995 ลูกชายทั้งสองของเธอ เพิ่งเริ่มเปิดบริษัท Zip2 บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ที่รวบรวมหมวดหมู่และแผนที่ของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ เพื่อให้บริษัทสื่อและลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่าย ในขณะนั้น Maye กำลังทำงานเป็นนักกำหนดอาหารใน Toronto และเตรียมที่จะตีพิมพ์หนังสือที่เธอเขียนขึ้นเอง นอกจากงานหลาย ๆ อย่างที่เธอทำพร้อมกันแล้ว เธอยอมทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยเพื่อช่วยเหลือลูกทั้งสองของเธอด้วย
ย้อนกลับไปตอนที่ Elon ย้ายไปทำงานที่ Silicon Valley แล้ว เธอก็สนับสนุนให้ Kimbal เริ่มลงมือทำธุรกิจของตัวเองบ้าง เธอเล่าขำ ๆ ว่า หลังจากที่ Elon ย้ายไปใหม่ ๆ Kimbal จะเข้ามาที่ออฟฟิศของเธอทุกคืนเพื่อมาคุยธุรกิจกับพี่ชายของเขา จนเมื่อค่าโทรศัพท์ปลายเดือนออกมาถึง 800 ดอลลาร์ เธอจึงบอกให้เขาไปทำงานกับพี่เสียเลย
ในช่วงที่ Zip2 เพิ่งเริ่มกิจการ เธอจะบินไป Silicon Valley ทุก ๆ 6 สัปดาห์ นอกจากนี้เธอยังช่วยลูก ๆ ของเธอในอีกหลาย ๆ เรื่อง ตั้งแต่แผนธุรกิจของบริษัทในการจัดระบบให้เด็กฝึกงาน ดูแลเรื่องสื่อสิ่งพิมพ์ ไปจนถึงเรื่องค่าใช้จ่ายของบริษัท เธอยังดูแลเรื่องอาหารการกิน เสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ นานาด้วย
ในปี 1996 Maye ให้เงินทั้งหมดที่เธอมีซึ่งคิดเป็นมูลค่า 10,000 ดอลลาร์ เพื่อช่วยค่าใช้จ่ายในการเช่าออฟฟิศ ซึ่งเธอคิดว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นเธอเคยอดหลับอดนอนเพื่อช่วย Kimbal พิมพ์สำเนาเอกสารการนำเสนอของ Zip2 ที่จะต้องแจกให้นักลงทุนที่สนใจ คืนนั้นถือเป็นคืนที่หนักหนาสาหัสเอาการ หลังเสร็จงานเธอพูดทีเล่นทีจริงกับลูก ๆ ของเธอระหว่างมื้ออาหารว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะจ่ายค่าอาหารให้ด้วยบัตรเครดิตของเธอ และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพราะวันรุ่งขึ้นการประชุมนักลงทุนครั้งนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ Elon และ Kimbal ได้รับทุนก้อนใหญ่ในการต่อยอดธุรกิจ จนในปี 1998 บริษัท Zip2 ก็เริ่มประสบความสำเร็จ
ถึงกระนั้น Maye Musk ก็ยังจะต้องแบ่งเวลาจากงานประจำของเธอ และงานเสริมในการเป็นนางแบบ มาเพื่อประชุมกับลูก ๆ ของเธอได้สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เธอเล่าว่าเธอมักจะเช่ารถตอนกลางคืนวันศุกร์ พอถึงวันเสาร์เช้าก็เดินแบบในงานแฟชั่นโชว์ และสุดท้ายจึงขับรถไปที่ออฟฟิศของพวกเขาเพื่อประชุมบริษัทต่อ
บทสรุปของผู้หญิงแกร่งเลี้ยงลูกเก่ง
ปัจจุบันนอกจาก Elon Musk ที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกแล้ว ลูกอีก 2 คนของเธอก็มีอาชีพที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน โดย Kimbal ลูกชายคนเล็กเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารที่มีหลายสาขาทั่วอเมริกา โดยใช้ชื่อว่า The Kitchen และลูกสาว Tosca เป็นโปรดิวเซอร์และผู้กำกับทั้งภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ ส่วนตัวเธอเองก็ยังมีผลงาน อยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานถ่ายแบบโฆษณาของสายการบิน Virgin America ได้เล่น MV ของนักร้องสาวเจ้าแม่ของวงการเพลงแดนซ์อย่าง Beyonce
ในขณะที่ Maye คิดว่าที่ลูกของเธอประสบความสำเร็จได้ ไม่ได้เป็นเพราะเธอ เป็นเพราะพวกเขามีความพยายามในแบบของพวกเขาเอง แต่ในความเป็นจริง เธอคือผู้สนับสนุนเพียงหนึ่งเดียวที่คอยช่วยเหลือพวกเขาในทุกวิถีทางที่เธอทำได้และมีส่วนร่วมในทุกย่างก้าวของชีวิตลูก ๆ ถึงแม้ชีวิตคู่ของเธอจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเธอ ด้วยอุปสรรคมากมายในชีวิตแต่เธอก็ยังสามารถเลี้ยงลูกทั้ง 3 ให้โตขึ้นมาได้เป็นอย่างดี เธอได้ทำหน้าที่แม่อย่างเต็มที่ เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำให้ลูก ๆ ได้
JobThai มี Line แล้วนะคะ
ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่
ที่มา:
people.com
nytimes.com
forbes.com
mayemuskmodel.com
businessinsider.com