[X Career] เปิดสูตรลับ ก่อนข้ามสายไปเป็น Creative โดยคุณเก่ง เจ้าของงาน "Creative Talk"

26/01/21   |   14.1k   |  

 

 

 

การสร้างสรรค์ผลงานโฆษณา ทั้งในสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด คืองานของอาชีพ “Creative” ซึ่งวันนี้ JobThai จะพามารู้จักกับอาชีพนี้ให้มากขึ้น กับคุณเก่ง สิทธิพงศ์​ ศิริมาศเกษม CEO และผู้ก่อตั้งบริษัท RGB72 จำกัด และ บริษัท ครีเอทีฟทอล์ค จำกัด รวมทั้งเป็นเจ้าของงานทอล์กระดับประเทศที่หลาย ๆ คนรู้จักอย่างงาน “Creative Talk” ที่ได้มาพูดคุยใน Live X Career ข้ามสาย Talk Season 2 คนกำลังสนใจสายงานนี้หรืออยากเปลี่ยนมาทำงานสายนี้ไม่ควรพลาด

 

เส้นทางกว่าจะมาทำงานในวงการ Creative Agency

คุณเก่งจบปริญญาตรีด้าน Visual Communication จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเรียนเกี่ยวกับการสื่อสารด้วยภาพ และการออกแบบ หลังจากที่สั่งสมประสบการณ์การทำงานด้าน Graphic Design ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 3 ปี จึงกลับมาประเทศไทย เป็นดีไซเนอร์และทำฟรีแลนซ์ไปด้วยประมาณ 1 ปี ก่อนจะมาก่อตั้งบริษัท RGB72 จำกัด กับ บริษัท ครีเอทีฟทอล์ค จำกัด และทำงานในวงการ Creative Agency เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

 

Creative แบ่งออกเป็นสาย Strategy และสาย Productions

ภาพรวมของอาชีพ Creative คือคนที่แก้ปัญหาโดยใช้ความสร้างสรรค์และทำผลงานให้มีความแตกต่าง ซึ่ง Creative แบ่งเป็น 2 สายหลัก ๆ คือ สาย Strategy และ สาย Productions

  1. สาย Strategy คือคนที่คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ว่าทำยังไงถึงจะแก้ปัญหา หรือทำให้ขายได้ เช่น จัดแคมเปญ, ทำหนังโฆษณา จะเน้นการใช้ความคิด และต้องมีการวางแผน ต้องรู้เรื่องธุรกิจเพื่อที่จะมาตอบโจทย์สิ่งที่ลูกค้าต้องการได้
  2. สาย Productions คือคนที่เป็นดีไซเนอร์ ในหลาย ๆ แขนง มักทำงานจากบรีฟที่มาจากสาย Strategy อีกที ต้องใช้ความสามารถในการออกแบบ สร้างสรรค์ผลงาน เช่น ทำโปสเตอร์ ถ่ายหนังทำโฆษณา ฯลฯ ซึ่งสายนี้จะเน้นการใช้ทักษะชำนาญการทำงานเฉพาะด้าน (Hard Skills) มากกว่า

 

ในบริษัทคุณเก่ง คนทำ Strategy กับ Creative จะทำงานร่วมกัน ระดมความคิดด้วยกัน อาจจะมีแบ่งเรื่องรายละเอียดงานเล็ก ๆ อย่าง Strategy จะช่วยดูโครงสร้าง การวางแพลนปล่อย Product ต่าง ๆ ให้ทำได้จริง ส่วน Creative จะเน้นความคิดเป็นหลัก

 

คุณเก่งผ่านการเป็นสาย Productions มาก่อนเพื่อรู้กระบวนการออกแบบ ทิศทาง หรือการใช้เวลาในการทำงานว่าเป็นยังไง ซึ่งทำให้มีความรู้มากพอ รวมกับประสบการณ์ต่าง ๆ ถึงจะมาเป็น Creative สาย Strategy ได้ ซึ่งคุณเก่งให้ความสำคัญกับ Strategy มาก เพราะเชื่อว่าคุณค่าของงานคือความคิด การวางแผน มากกว่าโปรดักชัน การเลือกรับงานก็เช่นกัน เพราะงานที่เราภูมิใจคืองานที่ลูกค้ามองเราเป็น “สมอง” มากกว่าเป็น “มือ” นั่นเอง

 

สำหรับงาน Creative นั้น Hard skills และ Soft Skills สำคัญด้วยกันทั้งคู่

ในปัจจุบันทักษะเฉพาะด้าน (Hard skills) อย่างพวกการออกแบบมีเครื่องมือให้ใช้เต็มไปหมด เช่น การ์ตูนกราฟิกไม่ต้องวาดเอง แต่ไปเอามาจากเว็บไซต์ขายภาพ หรือเราเอากราฟิกมาปรับให้สวยงามได้ ส่วนทักษะด้านอารมณ์ การอยู่ร่วมกับผู้อื่น การทำความเข้าใจลูกค้าและการสื่อสาร (Soft Skill) สำคัญมาก สิ่งนึงที่คนขาดเยอะคือการตีโจทย์ให้แตก เราต้องฟังลูกค้าว่าเขามีปัญหาอะไร อะไรที่จะขาย จุดแข็งจุดอ่อนมีอะไรบ้าง คนดูเป็นใคร แล้วเราต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างไรเพื่อให้งานมีความแตกต่าง

 

เวลาที่ลูกค้ามาหาเรา คือเขาคาดหวังว่าเราจะช่วยเขาได้ การที่เราจะช่วยเขาได้แสดงว่าเราต้องสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ดีกว่าที่เขาทำเอง อย่ามองลูกค้าเป็นศัตรูแต่ให้มองว่าเราจะช่วยเขายังไง ดังนั้นคนที่จะมาสาย Creative ต้องรู้จักฟัง รู้จักคิด เข้าใจ แล้วแก้ปัญหาให้ตรงจุด

 

มีหนังสือเล่มนึงบอกว่า Creative ทำงานเหมือนนักวิทยาศาสตร์ คือเริ่มจากการเป็นคนช่างสังเกต ตั้งคำถามกับมัน จากนั้นพยายามค้นหาคำตอบว่าสิ่งนี้ทำไมถึงเป็นแบบนี้ สิ่งนั้นเป็นแบบนั้นเพราะอะไร พอเราค้นหาคำตอบเสร็จเราอาจจะมีการทดลอง การทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จะช่วยฝึกฝนให้เรามีความรู้ แล้วจะทำให้เราเป็น Creative ที่เก่งขึ้น เพราะเรามีวัตถุดิบในหัวอยู่เยอะ หัวใจของ Creativity คือความหลากหลาย (Diversity) เวลาเราชอบอะไรอย่าโฟกัสอยู่แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว เราควรรู้หลายๆ เรื่อง เพราะ Diversity จะทำให้เรามีไอเดียที่หลากหลายเช่นกัน

 

Creative ต้องค้นหาสไตล์ที่ดีที่สุดของตัวเอง หมั่นสังเกต และดูงานเยอะๆ

การมีลายเซ็นหรือมีสไตล์เป็นของตัวเองเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ การค้นหาสไตล์ตัวเองเองคล้ายกับการเล่นดนตรี สมมติว่าเราจะฝึกเล่นกีต้าร์ ช่วงแรกอาจจะไปเอาของศิลปินอื่น ๆ มาเป็นแบบอย่าง แต่พอเราเล่นไปซักพัก เราก็จะเริ่มค้นพบแล้วว่าสไตล์ของเราเป็นแบบไหน ก็คือสุดท้ายเราต้องเป็น The Best Version of Yourself (เป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด) ไม่ใช่พยายามเป็นคนอื่น

 

ในวงการ Creative หลาย ๆ คนบอกไม่มีคำว่า Original เพราะทุกสิ่งที่เราคิดขึ้นวันนี้ มักจะเกิดมาจากหลาย ๆ สิ่งมารวมกันแล้วเราก็ปั่นมันออกมาเป็นไอเดียใหม่ ดังนั้นคนที่จะทำงานสายนี้ ต้องหมั่นสังเกต และดูงานเยอะ ๆ แล้วสุดท้ายด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมามันจะกลั่นเป็นไอเดียของเราที่แตกต่างจากคนอื่น

 

Tools ที่จำเป็นสำหรับงาน Creative

เครื่องมือที่คนอยากทำงานสาย Creative ควรมีพื้นฐานคือโปรแกรมออกแบบทั่วไป เช่น Photoshop, illustrator, After Effect, Premiere Pro ฯลฯ นอกจากนี้ การเรียนรู้การทำงานออกแบบประเภทต่าง ๆ ผ่าน แอปพลิเคชันในมือถือก็สำคัญ เพราะด้วยยุคสมัยนี้ ความเร็วเป็นปัจจัยสำคัญ การทำงานจึงต้องเน้นความคล่องตัว

 

สุดท้ายที่แนะนำคือเครื่องมือในการทำงานร่วมกัน เช่น Trello, Monday, Google Docs, Google Sheets, Google Slides เครื่องมือเหล่านี้จะมาช่วยอธิบายว่างานที่เราออกแบบมีที่มาที่ไปยังไง ทำงานร่วมกับคนอื่นง่าย และทำให้ลูกค้าเห็นภาพมากขึ้น เพราะคนทำงานร่วมกันผ่านทางออนไลน์กันหมดแล้ว

 

3 วิธีที่ต้องทำถ้าลูกค้าบอกว่างานไม่ Creative

คำว่าไม่ครีเอทีฟ ต้องมาทำความเข้าใจกับลูกค้าว่าเป็นเพราะสาเหตุใด

1. ไม่แก้ปัญหา: สิ่งที่คิดและรูปที่เลือก ตอบโจทย์ หรือเหมาะสมมั้ย

2. วิธีการสร้างสรรค์ไม่แปลกใหม่: รูปแบบที่เลือกใช้ หรือความซ้ำของดีไซน์

3. ไม่รู้สึกแตกต่าง: แตกต่างจากของเดิม หรือแตกต่างจากคู่แข่ง

 

คำว่า “ไม่สวย” มันพูดยากตรงที่มันเป็นรสนิยมของแต่ละบุคคล ต้องแยกออกมาให้ได้ว่าเพราะอะไร บางทีลูกค้าจะบอกว่างานมันเหมือนเคยเห็นมาก่อน เราต้องถามเขาว่ามันคล้ายกับงานไหน เส้นแบ่งระหว่างลอกหรือไม่ลอกคนที่ทำนั่นแหละที่จะรู้ ต้องลองคุยกับลูกค้าว่าจุดที่บอกว่าไม่ Creative คือจุดไหน ถ้าสามารถระบุเฉพาะเจาะจงได้จะช่วยให้แก้ปัญหาได้ตรงจุดขึ้น

 

การทำงาน Creative สายเอเจนซีไม่น่าเบื่อ เพราะได้ทำงานไม่ซ้ำ ไม่จำเจ

บางคนคิดว่าการเป็น Creative ในธุรกิจเดิม ๆ อาจจะน่าเบื่อกว่าเป็นสายเอเจนซี แต่สำหรับคุณเก่งการอยู่ในธุรกิจเดิม ๆ ไม่ได้ทำให้รู้สึกเบื่อขนาดนั้น เพราะพฤติกรรมคนเปลี่ยนไปทุกวัน Creative ก็ต้องปรับตัวเรื่อย ๆ งานที่คิดก็จะยิ่งสนุกขึ้น ยิ่ง Creative สายเอเจนซีจะได้ทำงานไม่ซ้ำ ไม่จำเจเลย

 

Portfolio ที่ดีไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องสามารถอธิบายที่มาที่ไปของผลงานชิ้นนั้น ๆ ได้

จะทำงานสาย Creative สิ่งพื้นฐานต้องมีคือ Portfolio สวย ผลงานดูดี แต่สมัยนี้มีเครื่องมือตัวช่วยมากมาย แค่งานสวยอาจจะไม่สามารถใช้เป็นสิ่งตัดสินว่าเราเป็น Creative ที่ดีได้ สิ่งสำคัญคือเรื่องราว ไอเดีย ที่มาที่ไปของงานนั้น ถ้าสามารถอธิบายได้ว่าโปสเตอร์ โฆษณา ต่าง ๆ ที่ทำนั้นตอนแรกมีปัญหาอะไร แล้วมีกระบวนการอย่างไรที่ทำให้ได้มาซึ่งผลงานนี้ ก็จะทำให้ผู้สัมภาษณ์เห็นทักษะจริง ๆ ของเราได้มากขึ้น

 

คุณเก่งเล่าว่าสมัยทำงานที่อเมริกาเคยทำงานกับ Martha Stewart นักธุรกิจชื่อดัง, พิธีกรรายการโทรทัศน์ และผู้ผลิตนิตยสารชาวอเมริกัน ตอนนั้นจำได้ว่าทำงานแบบไว ๆ ส่งไป แล้วโดนคุณ Martha ให้อธิบายงานแล้วเล่าที่มาที่ไปของงานไม่ได้ เพราะจริง ๆ แล้วงานที่เราทำยังคิดมาไม่เยอะพอ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องสามารถเล่าให้ฟัง และแสดงวิธีการแก้ปัญหา ว่าทำไมถึงออกมาเป็นผลงานชิ้นนั้น ๆ ได้นั่นเอง

 

แนะนำ Framework สำหรับคิด Creative Idea ให้ตรงจุด

หลัก ๆ หัวใจของการหาไอเดียเพื่อแก้ปัญหามี 3 อย่าง

  • รู้ Target: รู้จักกลุ่มเป้าหมาย ทั้งอายุ เพศ การศึกษา รายได้ สถานภาพ (Demographic) และพฤติกรรมผู้บริโภค (Behavior)
  • รู้ Position ของเรา: รู้จักตัวเราเอง สิ่งที่เป็นจุดขายของเรา
  • รู้ปัญหา: มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ของเก่าไม่ดียังไง ที่จะแก้คืออะไร

 

ดูสามข้อนี้ประกอบกัน ซึ่งไม่เพียงแต่การคิดงาน Creative เท่านั้น การทำงานทุกอย่างเป็นเรื่องของการแก้ปัญหา สามารถนำไปปรับใช้กับทุก ๆ อาชีพ

 

แหล่งเรียนรู้ที่แนะนำ

  • เสพไอเดีย ดูงานจากแหล่งต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่มากมายในโลกออนไลน์ เช่น Youtube, Pinterest หรือ Dribbble.com 
  • ฟัง Podcast สนุก ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น  99% Podcast ที่พูดถึง Creative idea ที่ซ่อนอยู่ หรือของ Creative Talk เอง ก็มี Podcast ที่ชื่อว่า Design you don't see (เข้าไปติดตามกันได้ที่ Creative Talk Podcast
  • เข้าร่วมสัมมนา อัปเดตเทรนด์ด้านการออกแบบ หรือความรู้อื่น ๆ ที่น่าสนใจเพื่อลับคมไอเดีย

 

สุดท้ายนี้คุณเก่งฝากไว้ว่าความคิดสร้างสรรค์อยู่ในตัวทุกคน ไม่ได้จำกัดว่าเราเรียนอะไร หรือทำอะไรมาก่อน อยู่ที่เราสามารถแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ได้อย่างไร หมั่นเรียนรู้ให้รู้กว้างและหลากหลาย เสพไอเดียเยอะ ๆ ช่างสังเกต ตั้งคำถาม ก็สามารถเป็น Creative ที่ดีได้อย่างแน่นอน

 

นี่คือบางส่วนจากไลฟ์เท่านั้น สำหรับใครที่พลาดไป สามารถเข้าไปชมย้อนหลังได้ ที่นี่

 

หางานสาย Creative ทั้งหมดได้ ที่นี่

 

 
JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน
Public group · 42,947 members
Join Group
 

tags : x career ข้ามสาย talk, jobthai, jobs, งาน, หางาน, สมัครงาน, คนทำงาน, creative, ข้ามสายงาน, หางานข้ามสาย



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม