“Influencer” หรือผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียลมีเดีย คนที่ทำคอนเทนต์เผยแพร่ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Blog, Instagram, Facebook, YouTube แล้วมีคนสนใจติดตาม ยิ่งมีผู้ติดตามมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีอิทธิพลมากเท่านั้น ซึ่งวันนี้ JobThai จะพามารู้จักกับอาชีพนี้ให้มากขึ้น กับคุณอิก บรรพต พิธีกรด้านการเงินและเจ้าของเพจ ถามอีก กับอิก Tam-Eig ที่มีผู้ติดตามกว่า 140K คน ซึ่งได้มาพูดคุยใน Live X Career ข้ามสาย Talk Season 2 คนกำลังสนใจสายงานนี้หรืออยากเปลี่ยนมาสายนี้ไม่ควรพลาด
คุณอิกจบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจ (BBA) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในสาขาการเงิน สมัยที่เรียนก็ชอบวิชาด้านที่ปรึกษาทางการเงิน (Investment Banking) ซึ่งถือเป็นหนึ่งอาชีพในใจของคนเรียนสายการเงิน เมื่อเรียนจบจึงมาทำงานเป็นวาณิชธนากร (Investment Banker) ที่ธนาคารทิสโก้
หลังจากนั้นจึงเริ่มเข้าสู่วงการสื่อที่ช่อง Money Channel เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว และรู้สึกตรงจริตตัวเอง เพราะได้ใช้ความรู้ทั้งด้านการเงิน การลงทุน และการสื่อสารไปพร้อม ๆ กัน ระหว่างนั้นก็มียุค TV Digital เข้ามา ทำให้เริ่มขยับขยายไปทำออนไลน์ เปิดบริษัททำธุรกิจของตนเอง ปัจจุบันคุณอิกเป็นทั้งนักลงทุน และพิธีกรที่ TNN96 หลากหลายรายการ และเป็น Influencer ด้านการเงิน การลงทุน เศรษฐกิจอย่างที่ทุกคนรู้จัก
คุณอิกฝากไว้ว่าทุกอาชีพต้องมีการโฟกัส จัดลำดับความสำคัญของชีวิตให้ได้ แล้วเชื่อมต่อประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ อย่าเกี่ยงการทำงาน ต้องพร้อมสำหรับโอกาส ในช่วงแรกเราอาจจะทำได้ไม่ดี แต่ถ้าเราเริ่มโฟกัสว่าเราอยากไปทางไหนเมื่อไหร่ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เราทำมันจนมีความเชี่ยวชาญ ผลลัพธ์มันก็จะผลิดอกออกผลมาเอง จำไว้เสมอว่าไม่มีความสำเร็จใดได้มาง่าย ๆ จะต้องมีวันนึงที่เราประสบความสำเร็จ ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นวันไหนเท่านั้นเอง หากคาดหวังผลลัพธ์มากกว่าคนอื่น ก็ต้องทำมากกว่าคนอื่น
สำหรับคนที่อยากเป็น Influencer จุดแรกคืออย่าเพิ่งไปมองเรื่องยอดไลก์หรือยอดผู้ติดตาม อย่างตอนเริ่มต้นคุณอิกก็ไม่ได้อยากได้ยอดไลก์ ยอดแชร์ แต่จุดสำคัญคือเราต้องรู้ว่าเรามีจุดแข็งในเรื่องไหน มีอะไรที่ทำได้ดีกว่าคนอื่น มี Passion อะไรเป็นพิเศษ
Influencer = สิ่งที่เราชอบ + ให้คุณค่ากับคนอื่น + ตรงกับความต้องการของตลาด
ดังนั้นเราจะเป็น Influencer ในด้านไหน ต้องดูก่อนว่าเราชอบอะไร อยากทำอะไร และจุดนั้นจะสร้างคุณค่าให้กับคนอื่นในแบบของเราได้ยังไง เพราะเมื่อลองมาทำจริง ระหว่างทางจะมีจุดที่ทำให้รู้สึกเหนื่อย และอยากยอมแพ้ แต่ตราบใดที่เรามี Passion มีจุดแข็ง เราก็สามารถไปต่อได้ เพราะเราทำในสิ่งที่เรารู้สึกสนุกกับมัน
เป็นเรื่องปกติที่จะมีคำติเตียนในช่วงแรก ๆ ไม่มีทางที่เราจะเก่งไร้ที่ติเลย เมื่อเจอคอมเมนต์ลบ ๆ อย่าดาวน์มากเกินไป ดึงตัวเองไปกลับอยู่ตรงกลาง อย่าติดกับอารมณ์ ให้ยึดเหตุผล คนที่มาคอมเมนต์เราหนัก ๆ แปลว่าเขายิ่งสนใจเรา ลองกลับมาคิดตามที่เค้าบอกว่าจริงไหม ถ้าจริงก็อย่าเสียใจ ก็แค่ปรับปรุงและอยู่กับมันให้ได้
สิ่งสำคัญในการเป็น Influencer คือ ความซื่อสัตย์ ในฐานะที่เป็นคนสาธารณะ มีสิ่งล่อตาล่อใจเข้ามาเสมอ อย่าเผลอไปรับข้อเสนอที่ไม่ดี ถ้าเราเผลอไปแค่ครั้งเดียว เราอาจจะสูญเสียสิ่งที่ทำมาตลอดชีวิตไปเลยก็ได้ ส่วนการจะตัดสินใจว่าเราควรจะทำต่อหรือหยุดแค่นี้ มีเราเองที่ตอบได้ การเป็น Influencer ต้องใช้เวลา ลองหาจุดบกพร่อง พัฒนาด้านนั้นแล้วค่อย ๆ ดูผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไปจากพัฒนาการของเรา บางคนอาจจะคิดว่าถึงจุดที่เหนื่อยเกินไป จะลองหาโอกาสอื่น ๆ ที่ทำแล้วมีความสุขมากกว่าก็ไม่ผิด
ในยุคนี้เหมาะมากสำหรับคนตัวเล็ก ๆ ที่อยากมองหาโอกาส ช่วงแรกอาจจะไม่ได้รายได้ ทำเป็นงานเสริมไปก่อน แต่พอเราค่อย ๆ เริ่มทำจนเห็นกระบวนการทำงาน จากนั้นค่อยกระโดดมาทำเต็มตัวก็ได้
คุณอิกแนะนำ 3 ทักษะสำหรับ Finance Influencer ไว้ดังนี้
- การคิดวิเคราะห์: ต้องมีความรู้เรื่องเศรษฐกิจ การลงทุน รู้จักนำข้อมูลที่ได้มาคิดวิเคราะห์ให้ถูกจุด ตรงประเด็น
- การสื่อสาร: ต้องรู้จักมองคน มีปฏิสัมพันธ์กับคนที่หลากหลาย สิ่งสำคัญคือต้องสามารถสื่อสารและถ่ายทอดได้
- การมองหาโอกาส: ต้องรู้จักแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ให้ตนเอง โดยไม่ต้องรอใครยื่นโอกาสให้
แหล่งเรียนรู้ของคนที่เป็น Influencer ขึ้นอยู่กับสายของ Influencer นั้น ๆ ถ้าทำเรื่องอะไรก็ต้องยึดสิ่งนั้นเป็นแกนหลัก แต่นอกจากเรื่องที่เราจะใช้ Influence คนแล้ว สิ่งที่ควรเรียนรู้คืองาน Digital Marketing เช่น Google Ads, Facebook Ads ไม่ต้องรู้ลึก เอาแค่พอมีพื้นฐานเข้าใจกระบวนการได้ การเป็น Influencer ในชีวิตจริงสุดท้ายเราต้องรู้รอบด้าน ทั้งการทำธุรกิจ การทำการตลาด การเจรจา ใน Google มีแหล่งเรียนรู้ให้เลือกมากมาย มีชุมชนออนไลน์ให้แลกเปลี่ยนเสมอ ต้องหมั่นหาความรู้ด้วยตัวเอง
ลองออกไปทำเยอะ ๆ แล้วค่อยตัดช้อยส์ที่ไม่ใช่ออกไป ทำไปเรื่อย ๆ แล้วเราจะเจอเอกลักษณ์อะไรบางอย่าง ศักยภาพที่เราดึงออกมาเป็นตัวตนของเรา ดังนั้นต้องเริ่มจากการออกไปลุยจนกว่าจะหาตัวเองให้เจอก่อน ถ้าเรารู้ว่าเราเชี่ยวชาญอะไร ก็ทุ่มเวลาฝึกฝน สุดท้ายมันจะกลายเป็นเอกลักษณ์ของเรา
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะหมดไฟ หลายครั้งที่เราเหนื่อยจนหมดไฟแม้กับงานที่ชอบ วิธีหาทางออกคือพักทุกสิ่งที่เหนื่อยไว้ แล้วถอยออกมาก่อน ลองไปใช้ชีวิตเพื่อไปค้นหาตัวเอง ลองไปทำอย่างอื่น แล้วกลับมาดูว่า ยังอยากทำสิ่งที่รักอยู่ไหม ถ้าชอบก็กลับมาทำ
อีกวิธีคือ ให้มองหาเป้าหมายของการทำอะไรบางอย่าง แล้วคิดว่าระหว่างทางคือเครื่องมือที่จะทำให้เราเหนื่อยน้อยลง เพราะรู้ว่าสิ่งที่เราเหนื่อยนั้นมีความหมาย เราอาจจะมีฝันที่ใหญ่มากจนท้อ ลองแบ่งเป้าหมายใหญ่ให้เป็นเป้าหมายย่อย ๆ สุดท้ายเส้นทางการเติบโตของเราที่ค่อย ๆ ทำเป้าหมายเล็ก ๆ ให้สำเร็จ มันจะกลับกลายมาเป็นเป้าหมายใหญ่ที่เราตั้งไว้เอง
ในมุมของน้อง ๆ การหางานอาจเป็นเรื่องยากลำบาก ช่วงแรกเป็นช่วงก่อนการเรียนรู้ มองหา Passion อย่าเพิ่งไปท้อถอยกับมัน อย่ายึดติดกับสาขาที่เรียน หรืออาชีพ มองหาเป้าหมายของตัวเอง เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อย ๆ วันนี้อาจจะไม่ใช่โอกาสของเรา แต่อาจจะเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต ตราบใดที่เราไม่ย่อท้อนั่นเอง
\
นี่คือบางส่วนจากไลฟ์เท่านั้น สำหรับใครที่พลาดไปสามารถเข้าไปชมย้อนหลังได้ ที่นี่
|
|
|
|
JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน |
Public group · 42,947 members |
|
|
|