- มีความยืดหยุ่นในการสมัครงานมากขึ้น ทั้งการเลือกประเภทงาน รูปแบบการทำงาน ประเภทธุรกิจ และสถานที่ทำงาน
- รักษาความสัมพันธ์และพูดคุยกับคนรอบตัวเกี่ยวกับการหางานของเรา เพื่อให้เขาช่วยส่งข่าวเวลาเห็นตำแหน่งงานที่เหมาะกับเรา
- เรียนต่อหรือลงคอร์สเรียนต่าง ๆ เพื่อพัฒนาทักษะของตัวเองให้เหมาะกับตำแหน่งงานที่อยากทำ
- เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งานเสมอ จะได้ไม่พลาดถ้าเราผ่านด่านมาถึงการสัมภาษณ์แล้ว
|
|
JobThai Mobile Application สมัครงานง่าย ได้งานเร็ว
|
|
แต่ละปีมีนักศึกษาจบใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานหลายแสนคน ซึ่งปกติเด็กจบใหม่ก็รู้สึกว่าตัวเองหางานยากอยู่แล้ว ด้วยข้อจำกัดเรื่องประสบการณ์การทำงาน แต่สถานการณ์ในปีนี้ดูเหมือนจะทำให้เด็กจบใหม่รู้สึกว่าหางานยากมากขึ้น เมื่อมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งการใช้ชีวิตและเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ใช่แค่ในระดับประเทศแต่เป็นระดับโลก หลายบริษัทต้องปิดกิจการ หยุดกิจการชั่วคราว ลดจำนวนพนักงานลง หรือไม่มีนโยบายรับพนักงานใหม่ ทำให้ตำแหน่งงานที่รับเด็กจบใหม่ซึ่งมีไม่เยอะอยู่แล้วลดน้อยลงไปอีก
อย่างไรก็ตามถึงแม้จำนวนจะน้อยลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีพื้นที่ ไม่มีโอกาสสำหรับเด็กจบใหม่ เพราะยังมีบริษัทอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และยังคงเดินหน้าหาคนมาทำงานด้วยอยู่ วันนี้ JobThai เลยมีคำแนะนำสำหรับเด็กจบใหม่ที่กำลังหางานอยู่ในช่วงนี้มาฝาก
มีความยืดหยุ่นในการสมัครงาน
เด็กจบใหม่มักมีงานที่ตัวเองใฝ่ฝันอยากจะทำ งานที่ตรงกับ Passion และสิ่งที่เรียนมาทุกอย่าง หรือบางคนอาจมีภาพ “งานแรก” ในชีวิตอยู่ในหัวมาตั้งแต่ตอนที่กำลังเรียน ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้ การที่จะได้ทำงานตามภาพที่เราคิดไว้อาจยังทำไม่ได้ ทำให้เราต้องมีความยืดหยุ่นในการหางานสมัครงานมากขึ้น
-
ยืดหยุ่นเรื่องการเลือกประเภทงาน
ไม่ได้หมายความว่าให้เราทิ้งเป้าหมายงานในฝันที่เราอยากทำ แต่ให้เราเพิ่มโอกาสในการได้งานให้กับตัวเองมากขึ้นโดยขยายขอบเขตของงาน เอาทักษะความสามารถของเราเป็นหลัก เลือกงานที่คิดว่าเหมาะกับความสามารถและทำได้แบบไม่ฝืนใจด้วย หรือเป็นงานที่คิดว่าเราน่าจะได้ประสบการณ์และทักษะบางอย่างเอาไปต่อยอดปรับใช้กับงานที่เราอยากจะทำได้ ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เราได้จากการทำงาน จะมีประโยชน์ในระยะยาวอย่างแน่นอน
นอกจากนั้นการฝากประวัติไว้กับเว็บไซต์หางาน ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทาง เพราะถ้า HR เข้ามาค้นประวัติและได้เห็นว่าทักษะที่เรากรอกเอาไว้นั้นตรงกับงานที่เขากำลังรับสมัคร ก็อาจทำให้เราได้งานซึ่งอาจจะเป็นงานที่เราไม่เคยคิดว่าทำได้มาก่อน
-
ยืดหยุ่นเรื่องรูปแบบการทำงาน
การได้ทำงานประจำ มั่นคง มีรายได้และสวัสดิการแน่นอนเป็นสิ่งที่เด็กจบใหม่หลายคนมองหา แต่การทำงานแบบเป็นโปรเจกต์หรือสัญญาจ้าง 6 เดือน ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ เราจะได้เรียนรู้ทักษะการทำงานต่าง ๆ รวมทั้งได้ประสบการณ์การทำงานและคอนเน็กชันที่มากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราสามารถเอามาใส่ในเรซูเม่ของเราได้ทั้งนั้น ที่สำคัญถ้าสถานการณ์ของบริษัทพร้อมที่จะจ้างพนักงานประจำในระหว่างที่เราทำงานแบบสัญญาจ้าง บริษัทก็มักจะพิจารณาจากคนในก่อนที่จะเปิดรับสมัครงานจากข้างนอก
-
ยืดหยุ่นเรื่องประเภทธุรกิจ
หลายธุรกิจต้องเผชิญกับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งหากธุรกิจที่เราฝันอยากทำงานนั้นโดนผลกระทบก็คงเป็นไปได้ยากที่เราจะได้งานหากโฟกัสของเราอยู่แค่ธุรกิจประเภทนั้น ลองดูว่าธุรกิจประเภทไหนที่กำลังต้องการคน แล้วพิจารณาและตัดสินใจว่าเราสามารถทำงานตำแหน่งไหน ในธุรกิจอะไรได้บ้าง เช่น ถ้าเรามีความสามารถด้านภาษา อยากจะทำงานในธุรกิจท่องเที่ยวหรือโรงแรม ที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ ก็ลองเบนเข็มหางานที่เราได้ใช้ทักษะภาษาอย่างเช่นงานบริการลูกค้า ในธุรกิจอื่น ๆ ที่ยังมีตำแหน่งงานเปิดรับเด็กจบใหม่ค่อนข้างสูงไปก่อน
-
ยืดหยุ่นเรื่องสถานที่ทำงาน
สถานที่ทำงานเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกงาน บางคนอาจจะอยากทำงานในย่านธุรกิจใจกลางเมือง มีรถไฟฟ้าผ่าน มีคาเฟ่ให้นั่งชิลล์ หรือมีจังหวัดที่อยากไปทำงานอยู่แล้ว แต่ถ้าเราลองเปิดใจมองหางานที่ไม่ได้อยู่ในละแวกที่อยากทำ หรือถ้าเราสามารถไปทำงานต่างจังหวัดได้ ก็อย่าปิดโอกาสตัวเอง เพราะมันอาจจะช่วยให้เราได้งานง่ายขึ้น
คอนเน็กชันคือสิ่งที่ต้องรักษาและมองหาในช่วงนี้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในสมัยนี้การเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี มีเพื่อนเยอะ รู้จักคนหลายวงการสามารถทำให้เราเจอโอกาสอะไรดี ๆ ได้มากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องงาน พยายามติดต่อ พูดคุย และรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน รุ่นพี่ อาจารย์ ญาติพี่น้อง หรือคนในบริษัทที่เราเคยไปฝึกงานด้วย ถ้ามีโอกาสก็พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องงานที่เรากำลังหา อย่าลืมบอกรายละเอียดกับเขาสักนิดว่าเราสนใจงานประมาณไหน มีทักษะอะไรบ้าง ให้เขาช่วยส่งข่าวเวลาเห็นตำแหน่งงานที่เหมาะกับเราเปิดรับสมัครอยู่ บางทีในบริษัทที่เขาหรือเพื่อน ๆ ของเขาทำงานอยู่ อาจจะกำลังมองหาคนมาทำงานอยู่ก็ได้
ใช้เวลาช่วงนี้ในการพัฒนาทักษะ และหาความรู้ใหม่ ๆ
ในระหว่างที่ยังหางานไม่ได้สักที ถ้าเราสามารถเรียนต่อได้ มีครอบครัวซัพพอร์ตโดยไม่จำเป็นต้องรีบหางานทำ หรือกำลังลังเลว่าจะเรียนต่อหรือทำงานก่อนดี ให้ไปเรียนต่อช่วงนี้เลย พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสที่เราจะได้มีเวลาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม แต่ถ้าทำแบบนั้นไม่ได้ ระหว่างที่กำลังหางานอยู่ ก็เพิ่มพูนทักษะของเราด้วยการหาคอร์สเรียนสั้น ๆ หรือคอร์สเรียนออนไลน์ที่บางครั้งก็เปิดให้เรียนกันฟรี ๆ เช่น Coursera, Harvard University และ CHULA MOOC โดยดูว่างานที่เราสนใจนั้นเขาต้องการคนที่มีทักษะอะไรบ้าง แล้วเราก็เรียนในทักษะที่เราขาด หรือคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับการทำงานนั้น
ทักษะที่เราเรียนรู้เพิ่มจะติดตัวเราและทำให้เรซูเม่ของเราน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนั้นบางบริษัทอาจจะถามเราตอนสัมภาษณ์ก็ได้ว่าช่วงที่ว่างเพราะการ Lock Down หรือช่วงที่กำลังหางานอยู่เราทำอะไรบ้าง และการตอบว่าใช้เวลาไปกับการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ก็เป็นทางเลือกที่ดี ที่จะช่วยให้เราเป็นแคนดิเดตที่น่าสนใจมากขึ้น
เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งานเสมอ
นอกจากปรับเปลี่ยนรูปแบบการหางาน และการเพิ่มพูนทักษะแล้ว อีกเรื่องที่ต้องเตรียมให้พร้อมเลยก็คือการสัมภาษณ์งาน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเอกสารที่จำเป็นให้พร้อมหยิบมาใช้เสมอ มีเสื้อผ้าที่สุภาพเหมาะกับการไปสัมภาษณ์ ศึกษาคำถามสัมภาษณ์งาน และฝึกตอบเป็นประจำ ซึ่งนอกจากการไปสัมภาษณ์งานแบบปกติแล้ว ก็อย่าลืมศึกษาเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ออนไลน์ด้วย เพราะบางบริษัทอาจยังมีการนัดสัมภาษณ์งานแบบออนไลน์อยู่ ถ้าเราผ่านด่านมาถึงการสัมภาษณ์แล้ว ก็อย่าให้พลาดโอกาสการได้งานเพราะเรื่องนี้เลย
ติดตาม Career Talk Podcast ได้ที่
|
|
|
|
JobThai Official Group |
Public group · 300,000 members |
|
|
|
ที่มา:
wmich.edu
brookings.edu
themuse.com
topuniversities.com