Career Insight: ข้อผิดพลาดอะไรในเรซูเม่ที่ HR เห็นแล้วจะคัดทิ้ง

06/03/17   |   74.7k   |  

หลายคนคงได้ยินคำแนะนำในการเขียนเรซูเม่กันมาบ่อยแล้วนะคะ แต่ก็ยังมีน้อง ๆ จำนวนมากที่ยังไม่แน่ใจว่า HR เขาใช้อะไรตัดสินว่าเรซูเม่ของเราเข้าตาควรจะเรียกมาสัมภาษณ์ หรือเรซูเม่ของเราควรจะกลับไปปรับปรุง พี่เดือนจะเอาข้อมูลเรื่องนี้มาเล่าให้ทราบกันค่ะ

 

จากงานวิจัยของ TheLadders ที่ศึกษาวิธีการอ่านเรซูเม่ของ HR มืออาชีพที่ทำหน้าที่สรรหาพนักงาน จำนวน 30 คน พบว่า HR ใช้เวลาในการสแกนเรซูเม่หนึ่งใบ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6 วินาทีเท่านั้นเองค่ะ มันเร็วมากเลยนะคะกับการตัดสินใจว่าจะเรียกเจ้าของเรซูเม่มาสัมภาษณ์งานดีไหม ถ้าเรารู้ว่าใน 6 วินาทีนี้ มีจุดไหนในเรซูเม่ที่จะสะดุดตา HR ก่อนบ้าง เราก็จะได้ไม่ทำผิดพลาด และ HR ก็จะไม่โยนเรซูเม่ของเราทิ้งได้ค่ะ

 

รูปถ่าย

...รูปที่ HR เห็นแล้วจะโยนเรซูเม่ใบนั้นทิ้งทันที

คือ รูปที่ไม่เป็นทางการ รูปถ่ายที่เป็นรูปเซลฟี่ แต่งตัวโป๊

 

สิ่งแรกที่ HR เห็นจากเรซูเม่ก็คือ “รูปถ่าย” เพราะว่ารูปถ่ายนั้นเด่นกว่าตัวหนังสือใช่ไหมล่ะคะ รูปที่ HR เห็นแล้วจะโยนเรซูเม่ใบนั้นทิ้งทันที คือรูปที่ไม่เป็นทางการ รูปถ่ายที่เป็นรูปเซลฟี่ แต่งตัวโป๊ ใส่สายเดี่ยว เกาะอก หรือกรีดอายไลน์เนอร์เหมือนจะไปงานปาร์ตี้ พี่บอกเลยว่ารูปสมัครงานต้องเป็นรูปที่แสดงให้เห็นว่าเราเป็นมืออาชีพ เป็นทางการ อาจจะยิ้มมุมปากได้นิดหน่อย พี่คิดว่ารูปที่เป็นทางการไม่จำเป็นต้องหน้าตรงอย่างเดียวก็ได้นะคะ ตราบใดที่รูปนั้นเรียบร้อย เหมือนรูปสมัครแอร์โฮสแตส ถึงจะยืนเบี่ยงตัวบ้าง แต่รูปนั้นเรียบร้อยก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ

 

เรื่องรูปสมัครงานจะมีข้อยกเว้นอยู่บ้างขึ้นอยู่ว่าเราไปสมัครตำแหน่งอะไร เช่น ถ้าเราไปสมัครงานผู้ตรวจสอบบัญชี งานธนาคาร งาน Finance หรือตำแหน่ง Consultant รูปถ่ายก็จะต้องเป็นรูปถ่ายที่เป็นทางการเท่านั้นค่ะ เพราะเขาต้องการความเป็นมืออาชีพ แต่ถ้าไปสมัครงานตำแหน่ง Creative แล้วใช้รูปถ่ายยืนหน้าตรง เรียบร้อยเหมือนติดบัตร เขาก็อาจจะไม่รับ

 

Email Address

ที่ไม่เป็นทางการหรือไม่สุภาพ ทำให้เราดูไม่ดี ไม่น่าเชื่อถือ

 

สิ่งต่อมาที่จะสะดุดสายตาของ HR ก็คือ “Email Address” น้องหลายคนมักใช้ Email Address ที่ไม่เป็นทางการ หรือไม่สุภาพในการสมัครงาน เช่น bigfanoftheadventure หรือ loveyoualway ซึ่งพี่พูดอยู่เสมอเวลาที่ไปทำกิจกรรมกับน้อง ๆ นักศึกษาว่า Email Address ที่ไม่เป็นทางการหรือไม่สุภาพ ทำให้เราดูไม่ดี ไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะคนที่จะไปทำงานในสายงานที่ต้องการความเป็นมืออาชีพมาก ๆ พี่แนะนำว่าควรสร้าง Email Address ไว้ใช้สำหรับสมัครงานโดยเฉพาะ ส่วน Email Address ที่เป็นทางการพี่คิดว่าใช้เป็นชื่อจริงรวมกับนามสกุล หรือพยัญชนะต้นของนามสกุลสัก 1-2 ตัวก็ได้ เท่านี้ก็จะได้ Email Address ที่ สุภาพและเป็นทางการแล้วค่ะ

 

ระดับภาษาและคำผิด

...เรื่องนี้สำคัญมากเพราะบางอย่างถ้าเขียนผิด HR ก็จะไม่สามารถให้อภัยได้เลย

 

อีกสิ่งหนึ่งที่ HR จะเห็นจากเรซูเม่ก็คือ “ระดับภาษาและคำผิด” ซึ่งจะสื่อถึงความรอบคอบ การรู้จักกาลเทศะ และมารยาททางสังคมของผู้สมัครงานได้ค่ะ พี่ขอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่พี่เคยเจอมานะคะ เมื่อไม่นานมานี้พี่ได้รับเรซูเม่สมัครงานภาษาอังกฤษ แต่ในเรซูเม่ใบนั้นมีคำที่สะกดผิด และการเว้นวรรคประโยคผิดจำนวนมาก แม้กระทั่งชื่อบริษัทที่น้องเขาเคยไปฝึกงานก็ยังเขียนไม่ถูกต้อง การเขียนหรือสะกดคำผิดเป็นสิ่งที่พี่เห็นเป็นประจำในเรซูเม่ที่สมัครงานเข้ามา เรื่องนี้สำคัญมากเพราะบางอย่างถ้าเขียนผิด HR ก็จะไม่สามารถให้อภัยได้เลยนะคะ เช่น สมัครงานกับบริษัท A แต่เขียนชื่อบริษัท B ลงไปในเรซูเม่ สถานการณ์แบบนี้เรซูเม่ของน้องก็จะถูกคัดทิ้งอย่างแน่นอนค่ะ

 

นอกจากการเขียนและสะกดคำผิดแล้ว ระดับภาษาที่ใช้ในการเขียนเรซูเม่และ Email ก็สำคัญเช่นกัน เพราะน้องบางคนใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการในการสอบถามข้อมูลจาก HR และในการส่ง Email สมัครงานด้วย การใช้ระดับภาษาที่ไม่เหมาะสมจะทำให้น้องดูไม่เป็นมืออาชีพ ดังนั้นหลังจากทำเรซูเม่หรือเขียน Email ที่จะใช้ในการสมัครงานเสร็จแล้ว พี่เดือนแนะนำให้นำไปให้คุณพ่อ คุณแม่ เพื่อน อาจารย์ หรือให้ผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้วช่วยกันดูว่ามีจุดไหนที่เราพลาดไปหรือเปล่า

 

ข้อมูลในเรซูเม่

...พี่เดือนคิดว่าทุกอย่างในเรซูเม่ควรจะเกี่ยวกับเรื่องงาน

อาจจะไม่ได้ส่งเสริมกันโดยตรง แต่ก็ควรส่งเสริมกันทางอ้อม

 

แม้ว่าเวลาที่ HR ใช้ในการดูเรซูเม่จะเพียงแค่ 6 วินาทีเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า HR จะไม่อ่านข้อมูลในเรซูเม่เลยนะคะ ดังนั้น “ข้อมูลในเรซูเม่” จึงสำคัญเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะในส่วนความสามารถพิเศษหรืองานอดิเรก ซึ่งคนส่วนใหญ่มักใส่สิ่งที่ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งงานที่สมัครลงไป พี่เดือนคิดว่าทุกอย่างในเรซูเม่ควรจะเกี่ยวกับเรื่องงาน อาจจะไม่ได้ส่งเสริมกันโดยตรง แต่ก็ควรส่งเสริมกันทางอ้อม เช่น สมัครงานตำแหน่ง Marketing แต่ใส่ความสามารถพิเศษว่าทำกับข้าวและแต่งหน้าได้ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่ถ้าสมัครงานตำแหน่ง BA เครื่องสำอาง ความสามารถด้านการแต่งหน้าก็จะเป็นสิ่งที่ส่งเสริมกันโดยตรง ดังนั้นควรดูด้วยว่าเราสมัครงานตำแหน่งอะไร และควรจะใส่ข้อมูลอะไรลงไป ข้อมูลตรงนี้จะช่วยทำให้เรซูเม่ของน้องมีความน่าสนใจในสายตา HR มากขึ้นค่ะ

 

รูปแบบเรซูเม่

...สายอาชีพที่ไม่ได้ต้องการคนที่มีความคิดสร้างสรรค์

รูปแบบเรซูเม่ที่มีสีสันมาก ๆ ก็ดูไม่เหมาะเท่าไหร่

 

สุดท้าย “รูปแบบเรซูเม่” ก็มีผลต่อการคัดเลือกเหมือนกันค่ะ เพราะสายอาชีพที่ไม่ได้เน้นความคิดสร้างสรรค์มากนัก รูปแบบเรซูเม่ที่มีสีสันมาก ๆ ก็ดูไม่เหมาะเท่าไหร่นะคะ นอกจากนี้การใส่ความ Creative ลงไปมาก ๆ จะทำให้อ่านข้อมูลในเรซูเม่ยากขึ้น จน HR อาจจะละความพยายามที่จะอ่าน แต่ก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานที่ไปสมัครด้วยค่ะ คนที่จะมาสมัครงานตำแหน่งบัญชีก็จะมีรูปแบบเรซูเม่ที่เรียบร้อยและละเอียด แต่ถ้าเป็นตำแหน่งงาน Creative หรือ Graphic Designer ด้วยอาชีพและหน้าที่ ถ้าใช้เรซูเม่แบบธรรมดา ก็คงดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่ใช่ไหมคะ

 

พี่เดือนเอาความลับของ HR ที่หลายคนไม่ทราบมาบอกกันแบบนี้แล้ว เชื่อว่าถ้าน้องทุกคนระมัดระวังเรื่องเหล่านี้ให้ดี โอกาสที่จะเป็นหนึ่งในคนที่ถูกเรียกสัมภาษณ์งานต้องมีเพิ่มขึ้น สุดท้ายนี้พี่เดือนเป็นกำลังใจให้กับน้อง ๆ ที่กำลังสร้างเรซูเม่ของตัวเองอยู่ มันอาจจะยากในช่วงแรกสำหรับน้อง ๆ ที่ไม่เคยทำ แต่ให้ใจเย็น ๆ ค่ะ ค่อย ๆ ศึกษา ลองเขียนแล้วให้ผู้ใหญ่ช่วยอ่านดู เรซูเม่ที่ออกมาจะต้องดีขึ้นแน่นอนค่ะ

 

JobThai มี Line แล้วนะคะ

ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงานที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่

เพิ่มเพื่อน

tags : career insight, เด็กจบใหม่, งาน, หางาน, freshgrad, resume, เรซูเม่, เทคนิคสำหรับเด็กจบใหม่, เคล็ดลับสำหรับเด็กจบใหม่, ไม่มีประสบการณ์, jobthai, นักศึกษาจบใหม่



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม