9 ข้อคิดเป็นคนทำงานสุดสตรอง จากหนัง The Devil Wears Prada ดูครั้งเดียวจำไปใช้ได้ยาว ๆ

08/03/22   |   20.8k   |  

 

 

JobThai Mobile Application หางานที่ใช่เพียงปลายนิ้ว โหลดเลย!

iOS

Android

Huawei AppGallery

 

จะมีหนังสักกี่เรื่องที่ทำให้เราทั้งหัวเราะและอินจนน้ำตาไหลไปกับโลกการทำงานได้อย่างหนังเรื่อง The Devil Wears Prada (ชื่อไทยว่า "นางมารสวมปราด้า") หนังตลกร้ายที่สร้างจากนวนิยายชื่อเรื่องเดียวกันที่มีเนื้อเรื่องน่าติดตาม บวกกับฝีมือการแสดงระดับตัวแม่ของ เมอรีล สตรีป ในบทบาทของ มิแรนดา พรีซลีย์ ที่คว้ารางวัลลูกโลกทองคำครั้งที่ 64 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ในภาพยนตร์ตลก/ภาพยนตร์เพลง มาครอง

 

หนังเล่าเรื่องราวของ “แอนเดรีย” หรือ “แอนดี้” เด็กจบใหม่ที่เข้ามาทำงานเป็นเลขาฯ ให้ “มิแรนดา พรีซลีย์” บรรณาธิการบริหารของนิตยสารชื่อดังระดับโลกอย่าง Runway ผู้มีความสามารถ แต่ขึ้นชื่อด้านการเป็นนางมารจอมใจร้ายแห่งออฟฟิศ ซึ่งคนดูอย่างเรา ๆ ก็จะได้เห็นการปรับตัวเข้าสู่โลกการทำงานของสาวน้อยแอนดี้ที่เริ่มงานอย่างเด็กหัดเดินทำอะไรผิดบ้างถูกบ้างจนเติบโตไปเป็นสาวแกร่งทำงานเก่งที่ตัดสินใจเรื่องยาก ๆ ให้กับตัวเองได้

 

ดังนั้น JobThai จะมาถอดบทเรียนที่เราได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับแอนดี้ โดยข้อคิดดี ๆ เหล่านี้สามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตการทำงานได้จริง ๆ

 

คำเตือน: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญรวมถึงตอนจบของหนัง

 

เราอาจไม่ได้เริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยงานในฝัน

แอนดี้มีความฝันอยากเป็นนักเขียนให้กับนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ แต่สุดท้ายเธอได้มาลงเอยในฐานะ “เลขานุการ” ในธุรกิจนิตยสารแฟชั่น สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าบางครั้งเราเองก็ต้องสะสมประสบการณ์และรอโอกาสจนกว่าเราจะเจอหรือได้ทำงานที่ใช่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกดดันตัวเองว่าจะต้องได้งานในฝันตั้งแต่แรก แค่ได้ทำงานที่เข้าข่าย “งานในฝัน” สัก 60% หรือได้ทำงานที่เราจะได้เรียนรู้และเอาทักษะจากการทำงานนั้นมาปรับใช้ในอนาคตก็ถือว่าโอเคมากแล้ว

 

ก่อนสัมภาษณ์ทำการบ้านมาให้ดีก่อน

วันสัมภาษณ์งานของแอนดี้ เราจะเห็นได้ชัดมากว่าเธอไม่ได้ศึกษาธุรกิจของนิตยสาร Runway มาก่อน ไม่เคยแม้กระทั่งซื้อนิตยสาร Runway มาอ่านและไม่รู้ว่ามิแรนดา พรีซลีย์คือใคร ทั้งที่เธอสมัครเป็นเลขาฯ ให้กับตำแหน่งบรรณาธิการบริหาร แถมลุคของเธอในวันสัมภาษณ์งานยังไม่เข้ากับบริษัทที่ทำงานในวงการแฟชั่นอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากถูกตัดคะแนนในตอนสัมภาษณ์งานก็อย่าลืมศึกษาให้ดีว่าเราสมัครงานแบบไหน ในธุรกิจแบบไหนไป เตรียมทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

สัมภาษณ์งานก็เตรียมตัวได้ ด้วยหลายวิธีง่าย ๆ เหล่านี้

 

การเป็นเจ้านายไม่ได้แปลว่าจะทำตัว Toxic แค่ไหนก็ได้

ในเรื่องแอนดี้ต้องเจอกับเจ้านายอย่างมิแรนดาที่ Toxic มากซะจนถูกเรียกว่านางมาร สมกับชื่อหนังว่า The Devil Wears Prada ไม่ว่าจะเป็นฝีปากที่ใช้ต่อว่าลูกน้องอย่างเจ็บแสบ ความเอาแต่ใจจะเอางานให้ได้โดยไม่สนใจเหตุผล และที่สำคัญคือเธอไม่สนใจ Work-Life Balance ของลูกน้องเลย ถึงในหนังจะทำให้มันดูชัดเจนหรืออาจจะออกเว่อร์จากความเป็นจริงไปบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าเจ้านายนิสัย Toxic ที่ทำให้ลูกน้องต้องทุกข์ระทมกับชีวิตทำงานนั้นมีอยู่จริง

 

เจ้านายเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างบรรยากาศการทำงานในออฟฟิศ มีคนทำงานเก่ง ๆ หลายคนที่ทำงานแบบไร้แรงจูงใจหรืออาจถึงขั้นตัดสินใจลาออกเพราะเจอเจ้านายที่อารมณ์ร้ายและไม่ใส่ใจลูกน้อง  เพราะฉะนั้นถ้าวันนึงเราได้กลายเป็นเจ้านายก็อย่าลืมสังเกตตัวเองว่าเราเป็นเจ้านายแบบไหน เราใส่ใจแต่ความสำเร็จของชิ้นงานจนละเลยความสุขในการทำงานของคนในทีมไหม ลูกน้องของเรามี Work-Life Balance ที่ดีรึเปล่า เวลาที่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นก็อย่ามองหาแต่คนรับผิดชอบเพื่อเอาตัวมาลงโทษ แต่ให้มองลึกลงไปว่าปัญหานี้มันเกิดจากอะไร สามารถแก้ไขได้ยังไงบ้าง และให้คำแนะนำกับคนที่ทำผิดพลาดเพื่อให้เขาได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นคนทำงานที่เก่งขึ้น

 

คุณเป็นหัวหน้าสไตล์ไหน ระหว่างเจ้านาย (Boss) กับ ผู้นำ (Leader)

 

รู้จักปรับตัวให้เข้ากับงาน แต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นตัวเอง

อีกซีนที่เป็นที่จดจำมาก ๆ ก็คือช่วงที่แอนดี้ใส่ชุดสวย ๆ เดินทางไปทำงานในตอนเช้าของแต่ละวัน  เป็นซีนที่สื่อให้คนดูเห็นว่าเธอเริ่มปรับตัวเข้ากับงานที่ทำได้ เธอกลายเป็นคนที่มีความมั่นใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

เราไม่จำเป็นต้องถึงขั้นเปลี่ยนตัวเองไปเลยโดยสิ้นเชิงเพื่อให้ตัวเองเข้ากับงานได้ แต่ถ้าการปรับนู่นนิดนี่หน่อยช่วยให้เราเติบโตและเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ จนสามารถกลายเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้ มันก็เป็นอะไรที่ดีเหมือนกันนะ

 

จัดการความเสียใจที่เกิดขึ้นจากการทำงานให้ได้ ท้อได้แต่ต้องใจเย็น

ถึงจะมีวันที่รู้สึกเฟลและท้อกับงานมากจนอยากเดินไปลาออก แต่เราก็ต้องจัดการความรู้สึกตัวเองให้ได้ เสียใจได้แต่ต้องใจเย็นด้วย เพราะมันก็เป็นอย่างที่ไนเจล (ลูกน้องคนโปรดของมิแรนดา) บอกกับแอนดี้ว่า “ลาออกไปสิ ฉันสามารถหาคนมาทำงานแทนเธอได้ใน 5 นาที” มันอาจจะฟังดูใจร้ายนะ แต่ในโลกความเป็นจริงมีคนที่พร้อมจะเอาตัวกระโจนเข้าไปสมัครงานทันทีที่บริษัทประกาศรับคน โดยเฉพาะถ้าเป็นบริษัทใหญ่ ๆ

 

เพราะฉะนั้นถ้าเจอวันที่รู้สึกเหนื่อยใจกับงานก็พยายามตั้งสติ ทำใจสบาย ๆ การได้คุยกับเพื่อนร่วมงานดี ๆ ก็ช่วยได้ แล้วก็อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองเยอะ ๆ และเตือนตัวเองว่างานนี้มันดีกับเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ​หรือจะใช้คาถาเดียวกันกับเอมิลี่ (เลขาฯ อีกคนของมิแรนดา) ก็ได้นะ ท่องวนไป “I love my job, I love my job, I love my job.”

ลองเรียนรู้และแก้ปัญหาให้ถึงที่สุดดูก่อน ถ้าสุดท้ายเรารู้สึกว่ามันไม่ไหว งานที่ทำอยู่ไม่เหมาะกับเราจริง ๆ และคิดว่าการลาออกคือสิ่งที่ดีสุดกับตัวเอง เราจะได้ลาออกแบบที่ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง เพราะเราทำทุกอย่างแบบเต็มที่แล้ว

 

เพิ่งทำงานได้ไม่นานแต่โดนตำหนิตลอดทำยังไงดี

 

จัดการ Work-Life Balance ให้ดี แบ่งพลังไปให้พาร์ทอื่นของชีวิตด้วย

อย่างที่เราเห็นในหนังว่า Work-Life Balance ที่แย่ส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ของแอนดี้กับคนรอบตัว มันขัดจังหวะวันพักผ่อนของเธอกับพ่อ ทำให้เธอใช้เวลากับแฟนน้อยลงเพราะต้องรอสแตนบายทำงานตลอดเวลา ดังนั้นถ้าต้องตกอยู่ในที่นั่งเดียวกับแอนดี้ จงจัดลำดับความสำคัญให้ดีทั้งในเรื่องงาน เรื่องความสัมพันธ์ กิจกรรมที่ชอบ โฟกัสให้ถูกว่า ณ เวลานั้น ๆ เราควรแบ่งเอาพลังชีวิตของเราไปไว้ตรงพาร์ทไหนมากที่สุด

 

5 วิธี สร้าง Work-Life Balance อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ถ้าเจอใครทำงานหนักอย่างแอนดี้ จงซัพพอร์ตเขา

อย่างที่เราเห็นว่างานของแอนดี้หนักหนาและบั่นทอนจิตใจมาก ซึ่งในชีวิตจริงถึงเราจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบเธอ แต่ไม่แน่ว่าเพื่อน แฟน หรือคนในครอบครัวเราเขาอาจจะเครียดจากงานของเขาเองมากพอ ๆ กับแอนดี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นเราควรซัพพอร์ตพวกเขาให้มาก ๆ และเป็นแหล่งพลังบวกให้กับเขา อย่าโยนความรู้สึกแย่ ๆ ให้กับคนที่เครียดจากงานมามากพอแล้ว อย่างตอนที่เพื่อนของแอนดี้ทำให้เธอรู้สึกผิดที่เธอไปงานวันเกิดของแฟนตัวเองไม่ทันเพราะติดงาน หรือตอนที่แฟนของเธอพูดจนทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ

 

มืออาชีพจะไม่ยอมให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้งานพัง

ซีนที่ดีมาก ๆ ในหนังคือตอนที่มิแรนดาเรียกแอนดี้ให้มาช่วยจัดที่นั่งแขกในงานเลี้ยงใหม่เพราะมิแรนดาหย่ากับสามีแล้ว ทำให้มีที่นั่งว่างอยู่ 1 ที่ เป็นซีนอารมณ์ที่ทำให้เราได้เห็นมุมที่อ่อนแอของคนที่ถูกสังคมจดจำภาพเป็นนางมารตัวร้ายที่บ้างานและมีชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลว ถึงมิแรนดาจะเสียใจเธอก็เก็บเรื่องส่วนตัวของเธอเอาไว้และวกกลับมาพูดเรื่องงานต่ออย่างมืออาชีพ นี่คือซีนที่ทำให้คนดูอย่างเรา ๆ เห็นและเข้าใจว่าถึงเธอจะร้ายยังไงก็ต้องยอมรับว่าเธอคือคนทำงานมืออาชีพ

 

รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรก้าวออกมาจากงานที่ทำอยู่

ในตอนช่วงท้ายของเรื่อง แอนดี้ได้มาถึงจุดที่เธอเห็นภาพว่างานนี้คงไม่ตอบโจทย์เธออีกต่อไป ขืนทำต่อเธอจะกลายเป็นคนที่ตัวเองก็ไม่ชอบแน่ ๆ เธอจึงตัดสินใจลาออกจาก Runway และหางานใหม่ มันก็เหมือนกับในชีวิตจริง ถ้าเรารู้สึกว่างานมันไม่ได้ทำให้เราแฮปปี้ หรือไม่สามารถพาเราไปสู่จุดที่เราต้องการได้อีกต่อไป ก็เป็นไปได้ว่าความคิดของเราอาจจะไม่ตรงกับแนวทางการทำงานที่นี่ซะแล้ว นั่นแหละอาจจะเป็นเวลาที่เราควรเดินออกมาได้แล้ว

 

6 สัญญาณที่บอกว่าคุณควรคิดเรื่องหางานใหม่

 

The Devil Wears Prada คือหนังความยาว 1 ชั่วโมง 49 นาทีที่อัดแน่นไปด้วยข้อคิดคนทำงานและทำให้เราได้เห็นแง่มุมที่หลากหลายของการทำงาน ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเราก็ยังอินกับความสนุกและใจความสำคัญที่หนังต้องการจะสื่อกับเราได้อยู่ นี่จึงเป็นหนังที่ควรค่าแก่การเลือกดูมาก ๆ ซึ่งไม่ว่าเราจะเป็นคนทำงานในวัยไหน ก็อาจจะได้เรียนรู้อะไรดี ๆ จากหนังเรื่องนี้ได้ทั้งนั้น

 

JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน

 

บทความเดิมได้ถูกเผยแพร่ในวันที่ 28 ตุลาคม 2021 และได้รับการอัปเดตโดยทีมงาน JobThai

 

ที่มา:

koolkanya.com

exoplatform.com

tags : คนทำงาน, คนหางาน, lifestyle, เคล็ดลับคนทำงาน, หนัง, หนังเกี่ยวกับคนทำงาน, jobthai, เจ้านาย, work life balance, หัวหน้า, ข้อคิดคนทำงาน



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม