เมื่อสถานการณ์ COVID-19 เกิดขึ้น หลายองค์กรก็ต่างพากันปรับตัวเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดย SCB ได้มีการให้พนักงานทำงานแบบ Work from Home ในช่วงที่ COVID-19 เกิดการแพร่ระบาดเมื่อปี 2563 ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาดีเกินคาด หลังจากนั้นบริษัทจึงมีนโยบายให้พนักงานทำงานแบบ “Work from Anywhere” หรือทำงานที่ไหนก็ได้ไปเลย
JobThai ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณพัตราภรณ์ สิโรดม Chief People Officer ของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในประเด็นเรื่องการทำงานแบบ Work from Anywhere ของ SCB วันนี้เราจึงจะมาเล่าถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของวิถีการทำงานใหม่ที่น่าสนใจของ SCB
![](https://blog.jobthai.com/service/image/s3_ckf_images/3493/New%20for%20June/%E0%B8%81/MicrosoftTeams-image%20(7).png)
คุณพัตราภรณ์ สิโรดม
Chief People Officer ของ SCB
หลังจากที่ SCB ให้พนักงานทำงานที่บ้านเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 องค์กรก็ได้ศึกษาผลกระทบของการทำงานแบบใหม่นี้อย่างรอบด้าน และพบข้อดีว่าพนักงานสามารถทำงานได้โดยมีประสิทธิภาพในการทำงาน (Productivity) สูงขึ้น เพราะการทำงานในรูปแบบนี้ทำให้มีการจัดสรรเวลาที่ดีมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาจากการเดินทาง ทุกคนตรงต่อเวลา วางแผนงานได้ชัดเจน ทุกอย่างถูกจัดการอย่างเป็นระบบ ซึ่งพนักงานเองก็ชอบการทำงานในรูปแบบนี้ เพราะพวกเขารู้สึกว่าได้เวลาเพิ่มขึ้น ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการเดินทาง รวมถึงมีเวลาให้ครอบครัว
นอกจากนั้นธนาคารยังได้มีโอกาสกลับมาทบทวนกฎระเบียบต่าง ๆ ด้วย ทุกคนรู้กันดีว่าการทำงานธนาคารนั้นมีกฎระเบียบเคร่งครัด แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ COVID-19 ทำให้เกิดคำถามว่า ถ้าทุกคนทำงานที่บ้านหมด แล้วจะกำกับดูแลกฎระเบียบอย่างไร จะมีวิธีการตรวจสอบอย่างไร ทำให้ได้กลับมาคิดทบทวนว่ากฎระเบียบต่าง ๆ ที่เคยตั้งไว้ มีอะไรบ้างที่จำเป็นหรือไม่จำเป็น เพื่อวางแผนในการปรับเปลี่ยนทิศทางกฎระเบียบต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับการทำงานยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามการ Work from Anywhere ของ SCB ก็ยังไม่สามารถทำได้ทุกแผนก เพราะแต่ละสายงานมีข้อจำกัดของงาน จึงต้องมีการวิเคราะห์พูดคุยกับหัวหน้าทุกแผนก กลุ่มที่ทำได้ก็จะมีการเตรียมพร้อมในเรื่องของอุปกรณ์การทำงานและการสื่อสาร ก่อนที่จะให้พนักงาน Work from Anywhere รวมถึงมีการให้คำแนะนำกับพนักงานด้วยว่าควรทำงานแบบไหน
![](https://blog.jobthai.com/service/image/s3_ckf_images/3493/New%20for%20June/gdgdgdgdg.png)
การทำงานแบบ Remote Working ทำให้ SCB ทลายกรอบการทำงานแบบเดิม ๆ เดิมทีกระบวนการพิจารณา และอนุมัติเอกสารมีหลายขั้นตอน ใช้ระยะเวลานาน ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องความเร็วในการทำงาน แต่เมื่อทำงานแบบ Work from Anywhere ด้วย Remote Working ทำให้วิถีการทำงานเปลี่ยนไป เช่น กระบวนการรับพนักงานใหม่ ต้องมีการอนุมัติเอกสารหลายขั้นตอน การจัดเก็บและแสดงข้อมูลอย่างทั่วถึงทำได้ยาก แต่เมื่อปรับรูปแบบการทำงานเป็นแบบออนไลน์โดยนำเครื่องมือที่ใช้อยู่แล้วมาขยายไปยังทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ก็ทำให้สามารถเชื่อมต่อข้อมูล และจัดการแสดงผลข้อมูลได้ตรงกันทั้งหมด รวมถึงสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ปรับปรุงกระบวนการได้สะดวกยิ่งขึ้น
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการ Work from Anywhere ที่ทาง SCB เจอก็คือพนักงานกล้านำเสนอไอเดียกันมากขึ้นเมื่อมีการประชุมออนไลน์ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลามีการประชุม หลายคนจะแค่นั่งฟังเงียบ ๆ ไม่ค่อยกล้านำเสนอไอเดียความคิดเห็นเวลาอยู่ต่อหน้าหัวหน้าที่มักจะนั่งอยู่หัวโต๊ะ แต่เราใช้ประชุมแบบออนไลน์ที่เป็นการเห็นผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็ทำให้หลายคนรู้สึกเท่าเทียมและประหม่าน้อยลง ทำให้กล้าที่จะพูดเสนอไอเดียมากขึ้น รวมถึงทักษะการฟังก็ดีขึ้นด้วย เพราะในการประชุมเราไม่สามารถพูดพร้อมกันได้ ดังนั้นจึงเกิดการฟังกันมากขึ้นเพื่อที่จะได้โต้ตอบกันได้อย่างเหมาะสม
วัฒนธรรมการทำงานของ SCB มี 4 อย่างคือ 1. ยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) 2. ความรวดเร็ว (Speed) 3. สร้างนวัตกรรม (Innovation) 4. บริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ในแต่ละแผนกสามารถวางแผนงานและบริหารจัดการวิธีการทำงานของตัวเองได้โดยการยึดถือวัฒนธรรมในการทำงานเดียวกัน โดยสิ่งที่สำคัญในการทำงานคือการสื่อสาร แม้การทำงานแบบออนไลน์จะไม่ได้เจอกันเหมือนเดิม แต่การสื่อสารยังสามารถทำได้ดีเช่นเดิม
คนมักเข้าใจผิดว่า Work from Anywhere ที่เจอกันน้อยลงจะทำให้คุยกันน้อยลงไปด้วย แต่ความจริงคือพนักงานเจอหน้ากันน้อยลงก็จริง แต่ไม่ได้สื่อสารกันน้อยลงเลย มีแต่จะมากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะเรามีอุปกรณ์ในการสื่อสารที่พร้อม สามารถทำได้ทั้งแชท โทรแบบไม่เห็นหน้า และโทรแบบวิดีโอ เรียกได้ว่ามีช่องทางในการสื่อสารให้เลือก ซึ่งสะดวกต่อพนักงานมาก
![](https://blog.jobthai.com/service/image/s3_ckf_images/3493/New%20for%20June/sfsfsf.png)
สำหรับการสรรหาบุคลากร ได้มีการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง การสัมภาษณ์ที่เมื่อก่อน SCB จะสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า (Face to Face) เท่านั้น แต่ปัจจุบันได้ปรับให้มีการสัมภาษณ์ออนไลน์ด้วย และเมื่อพนักงานเข้ามาเริ่มงานแล้ว สิ่งที่ท้าทายต่อมาคือการทำให้พนักงานใหม่เข้าใจว่า SCB มีกระบวนการทำงานอย่างไร ซึ่งแต่ละแผนกก็จะแตกต่างกันตามลักษณะของงาน โดยหัวหน้างานจะวางแผนว่าจะให้เขาเรียนรู้งานอย่างไร และทำความรู้จักเพื่อนร่วมงานทั้งในและนอกแผนกด้วยวิธีไหน
ในช่วงแรกจะให้พนักงานใหม่เข้าออฟฟิศก่อน เพราะอยากให้เขาได้ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานให้มาก รวมทั้งจะมีการประชุมรายสัปดาห์กันเป็นประจำอยู่แล้ว ทำให้พนักงานที่เข้ามาใหม่ได้เจอและทำความรู้จักกับคนอื่น ๆ หรืออย่างฝ่าย HR ก็มี Daily Update ที่เป็นการประชุมสั้น ๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านทางออนไลน์ทุกวัน ข้อดีคือทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น เพราะการประชุมทุกวันจะทำให้รู้ว่าใครกำลังทำอะไรอยู่บ้าง
พนักงานของ SCB ไม่ได้ตอกบัตรเข้าออกงานแล้ว เพราะมันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญของการทำงานแบบ Work from Anywhere ปัจจัยสำคัญของการทำงานแบบนี้อยู่ที่เป้าหมายและผลลัพธ์ของงาน ซึ่งหัวหน้าแผนกต่าง ๆ เองก็ต้องมีบทบาทในการกำหนดเป้าหมาย และขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ ดังนั้นการทำงานแบบเดิมที่ต้องเข้าออฟฟิศและลงเวลาจึงไม่ได้เป็นเครื่องการันตีผลงาน
ตั้งแต่เกิดสถานการณ์ COVID-19 และมีนโยบายการทำงานแบบ Work from Anywhere ทำให้ตอนนี้พนักงานแทบทุกคนไม่มีโต๊ะประจำตัว รวมถึงผู้บริหารของ SCB ก็ไม่มีออฟฟิศส่วนตัวแล้วเช่นกัน เพราะเอาห้องเหล่านั้นมาปรับเป็นห้องประชุมที่พนักงานสามารถใช้ได้ รวมถึงห้องอาหารผู้บริหารก็ถูกเปลี่ยนเป็น Co-working Space ให้ทุกคนได้หามุมนั่งทำงานด้วย ยกเว้นบางแผนกที่ต้องเข้ามาทำงานประจำเท่านั้น ซึ่งเรียกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ให้ทุกคนได้ทำงานร่วมกัน หรือพบประพูดคุยกลายเป็นการทำงานรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้น
![](https://blog.jobthai.com/service/image/s3_ckf_images/3493/New%20for%20June/666666.png)
![](https://blog.jobthai.com/service/image/s3_ckf_images/3493/New%20for%20June/777777.png)
![](https://blog.jobthai.com/service/image/s3_ckf_images/3493/New%20for%20June/88888.png)
![](https://blog.jobthai.com/service/image/s3_ckf_images/3493/New%20for%20June/9999.png)
ในเรื่องของเครื่องมือที่ใช้ในการทำงานของพนักงาน SCB ก็มีให้อย่างเต็มที่ โดยจะใช้โปรแกรม Microsoft Office 365 เป็นหลัก มี Microsoft SharePoint สำหรับการเก็บเอกสาร ซึ่ง SCB จะเน้นว่าเอกสารทุกอย่างจำเป็นต้องเข้าถึงจากที่ไหนก็ได้ รวมถึงเรื่องการใช้ Data ที่เมื่อทุกอย่างเป็นออนไลน์มากขึ้น ก็ทำให้มีข้อมูลมากขึ้น จึงมีการใช้ Power BI ในการนำข้อมูลนั้นมาแสดงในรูปแบบ Dashboard ต่าง ๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ นอกจากนี้ธนาคารยังได้แจกซิมการ์ดที่มีแพ็กเกจที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้เยอะ เพราะการทำงานแบบ Work from Anywhere ต้องมีอินเตอร์เน็ตที่ดีให้กับพนักงานอีกด้วย
เมื่อก่อน SCB จะมีห้องพยาบาลอยู่ที่สำนักงานใหญ่ แต่พอพนักงานต้องทำงานอยู่บ้าน ธนาคารจึงมีระบบที่เรียกว่า SCB Telecare สำหรับพนักงานที่เจ็บป่วย สามารถเข้าระบบทำนัดไปพูดคุยกับหมอโดยตรงจากโรงพยาบาลได้เอง และทางโรงพยาบาลจะจัดส่งยาถึงที่บ้านภายในวันนั้นเลย อย่างไรก็ตาม SCB ไม่ได้ดูแลพนักงานแค่เจ็บป่วยทางกายเท่านั้น แต่ยังดูแลเรื่องการเจ็บป่วยทางใจด้วย เหตุเพราะ COVID-19 อาจทำให้พนักงานหลายคนเครียดกันมาก ธนาคารจึงจัดให้มีนักจิตวิทยามืออาชีพที่คอยให้คำปรึกษาแก่พนักงานเป็นการส่วนตัว โดยหากพนักงานที่มีปัญหาไม่สบายใจ ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว สามารถทำนัดไปคุยกับนักจิตวิทยาได้เองผ่านระบบ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเองก็ได้
นอกจากนั้นธนาคารก็ยังเป็นห่วงเรื่องการเงินของพนักงานที่ครอบครัวได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ด้วย จึงมีสินเชื่อพิเศษไม่มีดอกเบี้ยให้กับพนักงานที่ครอบครัวของเขาขาดรายได้จากสถานการณ์การระบาดนี้อีกด้วย
Work from Anywhere เป็นจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยนรูปแบบการทำงานของ SCB ให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น สามารถบริหารจัดการให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม รวมทั้งสามารถรักษาความสัมพันธ์ของพนักงานให้ดีแม้ไม่ได้เจอหน้ากัน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับว่าเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ตอบโจทย์วิถีการทำงานรูปแบบใหม่ได้เป็นอย่างดี
ดูตำแหน่งงานทั้งหมดของ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้ ที่นี่
|
|
|
![](https://splash-asset.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/fb_group_cover.png) |
JobThai Official Group |
Public group · 150,000 members |
|
|
|