“ถามว่าวันนี้เราอยากเป็นอะไรกันแน่ วันนี้เราได้ทำอาชีพนี้เราก็มีความสุขแล้ว”
คำพูดที่ดูตรง ๆ แต่จริงใจของผู้ประกาศข่าวสาวแห่งสถานีโทรทัศน์ True4U คุณกวาง อรการ จิวะเกียรติ ถูกถ่ายทอดออกมาในช่วงท้าย ๆ ในวันที่ทีมงาน JobThai เดินทางไปสัมภาษณ์ถึงสถานีโทรทัศน์ที่เธอรับหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวอยู่
หลายคนอาจจะคิดว่าอาชีพผู้ประกาศข่าว เป็นอาชีพที่ทำงานสบาย ใช้เวลาในการทำงานต่อวันไม่นาน มีรายได้ดีและยังเป็นอาชีพที่จะช่วยเปิดโอกาสให้เราเดินไปสู่อาชีพอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้อีกมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกครั้งที่มีการรับสมัครผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ สถานที่รับสมัครจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่มีความฝันที่จะก้าวเข้าไปอยู่ในวงการนี้ โดยที่หลายคนยังไม่ทราบว่าความเข้าใจเกี่ยวกับอาชีพผู้ประกาศข่าวที่คนทั่วไปรู้นั้นค่อนข้างจะผิดเพี้ยนไปพอสมควร
การพูดคุยกับคุณกวางในวันนี้จึงเป็นการบอกเล่าถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของอาชีพผู้ประกาศข่าว รวมถึงเส้นทางชีวิตการเป็นผู้ประกาศและมุมมองการทำงานของเธอด้วย ซึ่งทีมงาน JobThai บอกได้เลยว่าถึงจะเห็นคุณกวางมีลุคสวยหวานแบบนี้ แต่เพื่ออาชีพที่รัก เธอก็สู้ไม่ถอยเช่นกัน
- อาชีพผู้ประกาศข่าว ไม่จำเป็นต้องเรียนจบในสาขานิเทศศาสตร์หรือวารสารศาสตร์เท่านั้น ผู้ที่เรียนจบจากสาขาอื่น ๆ ก็สามารถเป็นผู้ประกาศข่าวได้
- คุณสมบัติสำคัญของผู้ประกาศข่าว คือ การมีใจรักในอาชีพผู้ประกาศข่าว และความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
- ผู้ประกาศข่าว ไม่ได้ทำหน้าที่การประกาศข่าวอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องเตรียมเนื้อหาข่าวด้วยตัวเอง รวมถึงต้องศึกษาข้อมูลและติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ
- อาชีพผู้ประกาศข่าว ต้องมีความรับผิดชอบของคำพูดของตนเอง เพราะคำพูดที่นำเสนอทางหน้าจอโทรทัศน์สามารถสร้างผลกระทบให้กับผู้อื่นได้
|
|
แนะนำตัวเองให้ทุกคนรู้จักหน่อย
ชื่อกวาง อรการ จิวะเกียรติ นะคะ ปัจจุบันทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ True4U ค่ะ
อยากให้คุณกวางเล่า Background ของตัวเองหน่อยว่าเรียนจบอะไรมา
เรียนจบคณะวิทยาศาสตร์ ภาคเคมีวิศวกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ เดิมทีอยากทำงานในโรงงานค่ะ เรารู้สึกชอบเวลามีเรื่องของกระบวนการผลิต พอจบมาก็ไปสมัครงานบริษัทใหญ่ ๆ แต่เขาไม่รับผู้หญิง เขาบอกว่าไม่ให้ผู้หญิงมาคุมโฟร์แมนหรอก บางที่รับก็ให้ไปเป็นเลขาฯ หรือเป็นเซลล์ ตอนนั้นเครียดมากเลยนะ นึกภาพว่าเรียนจบแล้วไม่มีงานทำ เฮ้ย...มันแย่ มันเหมือนเราไม่มีคุณค่า ทำไมเราไม่มีงานทำ เพื่อนเขาก็มีงานกันหมดแล้ว
จากเด็กจบใหม่ที่ไม่มีงานทำก้าวเข้ามาทำงานผู้ประกาศข่าวได้อย่างไร
ช่วงที่ว่างงาน เพื่อนก็มาชวนไปประกวด K-bank E-girl ปรากฏว่าก็ได้ทั้งคู่ ได้เป็น K bank E-girl 2 ปี ถ้าสังเกตธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาจะมีกสิกรทีวี มีรายการที่ให้ K-bank E-girl มาอ่านข่าวของธนาคาร ในทีม K-bank E-girl จะมี 8 คนก็ผลัดกันไปทำ นี่เป็นจุดเริ่มต้นจริง ๆ ของการเป็นผู้ประกาศข่าว
หลังจากได้ลองสัมผัสงานประกาศข่าวมาบ้างแล้วรู้สึกชอบไหม
ชอบมาก ถ้าใครไม่ว่างมาอ่านข่าวบอกเลยเดี๋ยวไปอ่านแทนให้ ตอนนั้นไม่มีใครอยากมา เพราะมันไกล ทุกคนอยากไปทำอย่างอื่น ก็จะมีแต่เรากับเพื่อนที่ชวนไปสมัครนี่แหละที่อ่านมาเรื่อย ๆ พอจบ K-bank E-girl 2 ปี มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเขากำลังจะทำรายการ Money Biz ทางช่อง Money Chanel เขาเคยเห็นเราทำงานเลยลองเรียกเข้าไป Casting ดู ก็เลยได้เข้าไปทำรายการข่าวเต็มตัว แต่เป็นรายการเล่าข่าวนะคะ
รู้สึกอย่างไรบ้างตอนได้ทำข่าวเต็มตัว
ยากมาก...เพราะเศรษฐกิจเป็นเรื่องตัวเลข ตัวเลข GDP ตัวเลขภาคการส่งออก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แล้วก็มีส่วนที่เป็นความเคลื่อนไหวเศรษฐกิจในแต่ละวันด้วย ช่วงแรกที่ทำรู้สึกว่ายากมาก เพราะเราไม่มี Background ความรู้เรื่องนี้เลย แต่ก็ต้องบอกว่าสนุกดีนะคะ ก็ทำมาเรื่อย ๆ จนถึง 4 ปี ใน 3 ปีแรกเราไม่ใช่ผู้ประกาศหลัก จะมีผู้ประกาศชายอีกท่านหนึ่งที่เป็นผู้ประกาศหลัก ส่วนผู้ประกาศหญิงก็จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป เพราะฉะนั้นเราไม่ได้เป็นตัวหลัก พูดตามตรงว่าตอนนั้นมีให้ทำก็ทำ ก็สนุกดีไม่ได้ซีเรียสกับมัน
แล้วอะไรที่ทำให้ตัดสินใจเด็ดขาดว่าเราจะมุ่งไปในสายนี้แน่นอน
ช่วงที่เป็นจุดเปลี่ยนคือช่วงที่ผู้ประกาศหลักต้องย้ายออกกะทันหัน ตอนนั้นทีมงานมาบอกแค่สองสัปดาห์ล่วงหน้าว่าจะให้เราขึ้นมาอ่านเป็นตัวหลัก นอกจากนี้ยังต้องเทรนน้องใหม่อีก 6 คน ตอนนั้นเรายังเด็กมาก มันก็ดีใจนะก็ท้าทายดี แต่มันก็ตกใจด้วย ก็เลยเริ่มทำการบ้านเยอะขึ้น หาข่าว ดูข่าวเยอะมาก เพื่อมาช่วยเทรนน้อง ๆ ทำจนกลายเป็นคนนอนดึกไปเลย หลังจากขึ้นมาทำเป็นผู้ประกาศหลักได้ประมาณ 6 เดือน ก็ตัดสินใจว่าจะต้องเป็นผู้ประกาศในช่องฟรีทีวีให้ได้ ตอนนั้นบอกทุกคนเลยว่าจะเป็นให้ได้ แต่ก็คิดว่าอีก 3-4 ปีแหละถึงจะมีโอกาสได้เป็น แต่ผ่านไปแค่ 5-6 เดือน ช่อง 9 เขาเปิดรับพอดีก็เลยไปสมัครแล้วก็ได้ อยู่ช่อง 9 อีกเกือบ 7 ปีแล้วก็ย้ายมาช่องนี้
อยากให้คุณกวางเล่าชีวิตหนึ่งวันของผู้ประกาศข่าวหน่อย
เริ่มจากตื่นประมาณตีสี่ เพราะรายการเข้าหกโมง นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องเสียสละเพื่อหน้าที่การงาน การตื่นเช้ามันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ถ้าต้องทำทุกวัน ตื่นมาเราก็จะเปิดทีวีค้างไว้เลยแล้วก็ทำนู่นทำนี่ไปด้วย เราเป็นคนที่จะแต่งหน้ามาระดับหนึ่งก่อน เป็นคนที่จะไม่ยอมเสียเวลากับเรื่องพวกนี้เลย เพราะอยากให้เวลาที่มีไปโฟกัสกับเรื่องข่าวจริง ๆ ไม่ได้อะไรกับตรงนี้มาก พอออกจากบ้านมาที่ทำงานก็จะขึ้นไปที่กองบก. เพื่อดูว่าวันนี้มีข่าวอะไร แต่ละเบรกจะเล่นประเด็นไหนบ้าง แล้วก็แต่งหน้าทำผม แต่งตัว เข้าสตูดิโอ จะอยู่ในสตูดิโอถึงประมาณแปดโมงคือจบรายการพอดี พอกลับบ้านก็จะต้องตามข่าวต่อ เพราะข่าวมีทุกนาที พอจบแปดโมงแล้วก็จะมีเรื่องอื่น ๆ เกิดขึ้นมา ช่วงเที่ยงเราก็ตามแล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง พอช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ ที่จะมีการอัปเดตข่าวมากขึ้น แล้วก็จะมีหัวค่ำที่จะเป็นสรุปข่าว ซึ่งเราต้องตามเพื่อดูว่าทั้งวันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
หน้าที่ของผู้ประกาศข่าว ถ้ามองที่หน้าจอโทรทัศน์จะเห็นเราอ่านข่าวหกโมงถึงแปดโมง เหมือนทำงานสองชั่วโมงแล้วจบ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เลย ระหว่างขับรถกลับบ้าน ก็จะต้องฟังวิทยุที่เป็นช่องข่าว เราก็จะเลือกช่องที่ผู้ประกาศเล่าแล้วเรารู้เรื่อง ในโทรศัพท์มือถือก็ต้องคอยตามทวิตเตอร์ นอกจากนี้ยังต้องตามข่าว ต้องดูทีวี ดูเว็บไซต์ตลอดเพราะอย่างที่บอกมันไม่ใช่เรื่องข่าวอย่างเดียว มันก็ต้องหาข้อมูลอื่น ๆ มาเสริมด้วย
นอกจากจะต้องติดตามข่าวตลอดเวลาแล้ว ยังมีอะไรที่คนที่เป็นผู้ประกาศแบบคุณกวางจะต้องรับผิดชอบอีกบ้าง
ถ้าพูดถึงหน้าที่รับผิดชอบของผู้ประกาศข่าวจริง ๆ แล้วมันต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองมากๆ คำพูดที่เราพูดไปมันอ่อนไหวมาก มันจะมีผลกับใครก็ได้ ไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นก็ได้ อย่างคำศัพท์ที่เราพูดไปแล้วมันไม่ถูกต้อง เช่น โปเกม่อนตอนนี้กำลังระบาดมาก ใช้คำว่าระบาดกับโปเกม่อนมันก็ไม่ถูกต้อง คำว่าระบาดจะดูเป็นแง่ลบ มันก็จะไปกระทบกับคนที่เป็นเจ้าของเกมหรือเปล่า มันเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในรายละเอียด หรือบางครั้งเราต้องสัมภาษณ์แขกรับเชิญ เรื่องบางเรื่องเราอาจจะอยากถามเขา แต่ถ้าถามไปแล้วมันมีผลกระทบหรือมันสร้างความขัดแย้ง มันก็ต้องเลือกว่าแล้วเราควรจะถามหรือเปล่า หรือเราเปลี่ยนคำถามเป็นรูปแบบอื่นได้ไหม
ส่วนไหนที่คุณกวางคิดว่ายากที่สุด
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าน่าจะยากที่สุด การเล่าเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายก็ยากนะ แต่พอเรามีประสบการณ์เยอะ ๆ มันจะพอจับทางได้ว่าเราควรจะเล่ายังไงจึงจะน่าสนใจ
สิ่งที่ชอบในอาชีพนี้ สำหรับคุณกวางคืออะไร
มันเริ่มสนุกตั้งแต่ตอนที่ทำรายการเล่าข่าว พอเราทำการบ้านมาอย่างดี ทำให้มีข้อมูลเยอะ อ่านข่าวแล้วเราก็รู้เรื่อง เราก็เข้าใจ จนถึงจุดหนึ่งที่เราอยากพูดต่อ อยากให้คนอื่นเข้าใจ เวลาทำงานมันจะมีความรู้สึกว่า พอเราอ่านแล้วเราอยากพูดต่ออยากเล่าต่อ ข่าวบางข่าวที่เราเห็นข้อมูลแล้วเราจะคิดว่าถ้าเป็นเราจะไม่ทำแบบนี้ บางทีมีสคริปต์เขาเรียงมาแล้ว แต่สำหรับเราสิ่งสำคัญเวลาเล่าข่าวคือเราต้องพูดให้น่าสนใจก่อน แล้วตอนเล่าก็ค่อยลำดับให้มันรู้เรื่อง ดังนั้นพอเห็นข่าวแล้วก็ต้องนึกแล้วว่า เราจะหยิบตรงไหนมาเล่าก่อน ทำยังไงให้คนเข้าใจได้ง่าย จะเสริมข้อมูลอะไรเข้าไปได้บ้าง เพราะข่าวเดียวกันมีสิบประเด็น แต่ละช่องนำเสนอไม่เหมือนกัน เราสนุกกับการพยายามหาวิธีการนำเสนอให้น่าสนใจ
คนที่จะเป็นผู้ประกาศข่าวได้ คุณกวางคิดว่าต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
ต้องมีใจรักก่อน พอใจรักแล้วมันจะอยากติดตามข่าวทันที นอกจากต้องติดตามข่าว อีกสิ่งที่สำคัญคือการฝึก อย่างของเราตอนที่จะมาช่อง 9 ได้ยินจากหลายคนที่เข้ามาสมัครว่ามาสมัครไปอย่างนั้นเองเพราะเห็นว่าเขาเปิดรับ แต่เราตั้งเป้าว่าจะเป็นผู้ประกาศข่าว ดังนั้นตั้งแต่วันแรกที่เขาให้ทำวีดิโอตัวอย่างส่งมาสมัคร เราลงรายละเอียดทุกอย่าง เลือกวีดิโอที่เราอ่านได้ดีที่สุดแล้วก็ส่งให้เขา ระหว่างที่รอเขาเรียกเราไปแข่ง ก็ตั้งกล้องวีดิโอบันทึกตัวเองตอนซ้อมอ่าน เพื่อที่จะดูว่าเราอ่านออกมาเป็นอย่างไร ท่าทางเราเป็นอย่างไร บางทีเราคิดว่าเราอ่านโอเคแล้ว แต่พอมาดูหน้าจอท่าทางมันอาจจะไม่ได้
นอกจากนี้ต้องเป็นคนที่มีสติ เพราะสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการเป็นผู้ประกาศข่าวคือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น อ่านข่าวแล้วเกิดไฟดับ เรามองไม่เห็นสคริปต์ แต่เสียงเรายังต้องอ่านต่อไปแล้วเราจะทำอย่างไร หรือเราพูดนำเข้าสกู๊ปไปแล้ว แต่เทคนิคขัดข้องตัดเข้าภาพข่าวไม่ได้ เราจะต้องทำยังไง เพราะบางเรื่องมันเป็นข่าวที่มีเนื้อหาอธิบายยากมาก เช่น ต้องสัมภาษณ์รัฐมนตรีทางโทรศัพท์พอเข้ารายการปุ๊บ บก. บอกมาในหูฟังว่ารัฐมนตรีวางสายไปแล้ว เราไม่มีโอกาสแม้แต่จะถามกลับไปที่โปรดิวเซอร์ด้วยซ้ำว่าแล้วจะให้ทำยังไงต่อ เพราะเข้ารายการแล้ว ซึ่งจริง ๆ เราตั้งใจเตรียมข้อมูลจะมาถามท่าน แต่กลับกลายเป็นว่าเราต้องนั่งพูดข้อมูลนั้นอยู่คนเดียว 12 นาที รายการนี้ออกอากาศเจ็ดโมง แต่ความจริงแล้วเราตื่นตีสามเพื่อมาทำการบ้าน คนไม่รู้เลยนะว่าอยู่หน้าจอแป๊บเดียว แต่ก่อนหน้านั้นจริง ๆ แล้วเราต้องทำอะไรบ้าง
อย่างถ้าต้องสัมภาษณ์เรื่องไข่ไก่ เราก็ต้องนั่งค้นหาข้อมูลว่า เอ้กบอร์ดคืออะไร เอ้กบอร์ดคือ คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ แล้วคณะกรรมการที่ดูเรื่องนี้เป็นใคร เขาเคยคุยเรื่องอะไรกันไว้บ้าง รายละเอียดมันเยอะมากและเราต้องรู้ทั้งหมดเพราะเราไม่รู้ว่ารัฐมนตรีจะพูดอะไร หรือโยนคำถามอะไรมาให้เรา นี่คือความโชคดีของการทำการบ้าน
ฟังดูแล้วรู้สึกคุณกวางฝึกหนักพอสมควร
ฝึกเยอะมาก บอกแล้วว่าตั้งใจมาก แม้กระทั่งตอนขับรถอยู่แล้วมีข่าวตึกถล่มรายงานมาในวิทยุ ก็จะคิดว่าถ้าเราเป็นคนที่ต้องไปรายงานตรงนั้นเราจะรายงานว่าอะไร เราจะลำดับเรื่องยังไง เราจะเลือกเล่ายังไง ฝึกตลอดเลยค่ะ เพราะนอกจากเราจะตามข่าว เราก็ยังต้องฝึกไปด้วย การตามข่าวทำให้เรารู้ แต่ถ้าเราไม่ได้ปฏิบัติมันก็จะทำไม่ได้นะ ต้องคอยสมมติเหตุการณ์ เช่น มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น เราจะเริ่มรายงานจากอะไร เราจะบอกให้คนระวังตัวยังไง เรามีข้อมูลอะไรมาสนับสนุนและเราต้องระวังอะไรบ้าง เราต้องสัมภาษณ์แหล่งข่าวคนไหน
อาชีพผู้ประกาศข่าวมีโอกาสเติบโตไปในทางไหนบ้าง
ถ้าเป็นดารา Career Path มันคืออะไร สุดท้ายก็เป็นศิลปินเป็นนักร้อง ผู้ประกาศก็เหมือนกัน เราไม่รู้ว่าจริง ๆ ว่ามันวัดจากอะไร ถ้าพูดถึงในมุมของชื่อเสียงและรายได้ ซึ่งก็เป็นที่พูดถึงเหมือนกันนะ ก็แล้วแต่มุมมอง
การเป็นผู้ประกาศข่าวเป็นการเปิดโอกาสให้ได้ทำอะไรอีกหลาย ๆ อย่างหรือเปล่า
มันแล้วแต่ว่าจะมีคนมองเห็นหรือเปล่า ถ้าเรามองว่าอาชีพผู้ประกาศเปิดโอกาสให้ทำอย่างอื่นได้ก็แสดงว่าเราเห็นอาชีพนี้เป็นแค่ทางผ่าน เป็นแค่ใบเบิกทาง ถ้าถามว่ามันมีประโยชน์ในแง่มุมอื่นรึเปล่ามันมี แต่ถามว่าวันนี้เราอยากเป็นอะไรกันแน่ วันนี้เราได้ทำอาชีพนี้เราก็มีความสุขแล้วมันอยู่ที่ความพอใจของแต่ละคน
ฝากถึงคนที่มีความฝันอยากเป็นผู้ประกาศข่าวแบบคุณกวางหน่อย
ลำดับแรกไม่อยากให้คิดถึงเรื่องความสวยงาม เพราะเราเห็นน้อง ๆ หลายคนที่อยากทำอาชีพนี้ แต่เขาท้อแท้เพราะคิดว่าตัวเองไม่สวยไม่หล่อ ไม่ดูดี อยากให้กำลังใจว่าเรื่องนี้ตัดทิ้งไปก่อน เพราะถ้าจะเอาเรื่องความสวยงามเป็นเกณฑ์เดี๋ยวนี้มีวิธีเยอะแยะไปหมด แต่อยากให้ถามตัวเองจริง ๆ ก่อนว่าอยากเป็นผู้ประกาศจริงหรือเปล่า เพราะอาชีพนี้ก็ต้องเสียสละพอสมควร ไม่อยากให้รู้สึกว่าอยากเข้ามาในอาชีพนี้เพื่อให้มีชื่อเสียงแล้วเป็นใบเบิกทางไปทำอาชีพอื่น ๆ ถ้าทำอะไรแล้วมันได้ดีเพราะเราเก่งจริง ๆ งานหรือโอกาสอื่น ๆ มันจะเข้ามาหาเราเอง
ส่วนเรื่องของการฝึกฝนเป็นสิ่งที่พี่แนะนำว่าอยากให้ดูข่าวบ่อย ๆ จะเห็นว่าผู้ประกาศข่าวแต่ละคนมีสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน ก็ดูว่าสไตล์ไหนที่เหมาะสมกับเรา ก็เอามาปรับใช้ หรือจะลองปริ้นข่าวมาลองอ่าน ลองเล่าในแบบที่เป็นสไตล์ของเรา เพื่อฝึกวิธีการเล่าให้น่าสนใจก็ได้ นอกจากนี้ก็ฝึกในเรื่องของการอ่านให้ชัดเจน ความถูกต้อง ฝึกให้เรื่องแบบนี้มันอยู่ในตัวเรา วันหนึ่งเมื่อโอกาสมาถึงเราจะได้พร้อมสำหรับโอกาสนั้น
การพูดคุยกับคุณกวางในวันนี้ ทำให้เราได้เห็นมุมมองของคนทำงานที่ตั้งใจทำในสิ่งที่รักอย่างแน่วแน่ เพราะความพยายามและความตั้งใจที่คุณกวางมีไม่แพ้ใคร ๆ ในวันนี้เธอจึงสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ประกาศแนวหน้าของเมืองไทยที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี JobThai เชื่อว่าบทความนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจที่ดีให้กับหลาย ๆ คนที่อาจจะถอดใจกับอาชีพในฝันของตัวเองไปแล้ว ให้กลับมาลองพยายามเดินบนเส้นทางของงานนั้นอย่างเต็มที่ดูอีกสักครั้งก็ได้
JobThai มี Line แล้วนะคะ
ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่