สรุปเนื้อหางาน CTC 2025 อัปเดตเทรนด์ความรู้ที่คนทำงานไม่ควรพลาด

11/07/25   |   131   |  

 

 

 

กลับมาอีกครั้งกับงาน CTC2025 หรือ SUPALAI Presents CREATIVE TALK CONFERENCE 2025 งานมหกรรมความรู้ที่จะพาคนทำงานไปอัปเดตเทรนด์ มุมมอง เทคนิค และเจาะลึกเรื่องราวเบื้องหลังธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหาร และกูรูในสายงานต่าง ๆ มากมาย โดยปีนี้มาในธีม “The Future Is Worth A Thousand Words” จัดขึ้น 2 วันเต็ม ณ ไบเทค บางนา เมื่อวันที่ 4 - 5 กรกฎาคม 2025 ที่ผ่านมา ภายในงานจะมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจบ้าง JobThai สรุปมาให้แล้ว!

 

สรุปประเด็นและเทรนด์ที่น่าสนใจจากงาน CTC2024

 

Half Year Trends

ยุคนี้เป็นยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง หรือเทคโนโลยี เมื่ออนาคตไม่สามารถคาดการณ์หรืออธิบายได้ด้วยคำไม่กี่คำ จึงเกิดเป็นธีม “The Future Is Worth A Thousand Words” ขึ้นมา และได้มีการเพิ่มเซสชันใหม่ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความไวของโลก ตอบโจทย์คนทำงานในทุกอุตสาหกรรมมากขึ้น

 

อย่างในเซสชัน Half Year Trends อัปเดตเทรนด์ความรู้ 5 ด้าน ได้แก่ Creativity, Marketing, Innovation, Business and Economy และ People ที่เป็นไฮไลต์เด่นของงาน CTC ก็ได้เพิ่มอีก 2 ประเด็นใหม่อย่างเทรนด์ด้าน Mindfulness และ Global Issues เข้ามาด้วยในปีนี้ เรียกได้ว่าเต็มอิ่มจุใจสุด ๆ แต่ละเทรนด์จะมีอะไรที่น่าสนใจ JobThai สรุปมาฝาก!

 

Creativity

Speakers: คุณสุนาถ ธนสารอักษร Managing Director จาก Accenture Song (Thailand) และคุณดิศรา อุดมเดช CEO & Founder จาก Yell Worldwide

  • การทำธุรกิจและการทำงานสายครีเอทีฟในประเทศจีนและอเมริกามีมุมมองที่แตกต่างกัน

    • จีน: มีการคัดกรองเนื้อหาคอนเทนต์ (Censorship) ที่เข้มงวด จะทำอะไรต้องกลั่นกรองให้ละเอียด การทำงานโฟกัสไปที่ผลตอบแทนหรือ ROI (Return of Investment) เป็นหลัก ทุกอย่างต้องวัดได้ว่าคุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่

    • อเมริกา: เน้นวิธีคิดและการใช้ Framework ที่แข็งแรง ยึดเป้าหมายของแบรนด์เป็นหลักว่าทำธุรกิจเพื่อใครและเพื่ออะไร จากนั้นค่อยต่อยอดไปยังการวางแผนในการทำงานในด้านอื่น ๆ เช่น วิธีการทำแคมเปญ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

  • ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทอย่างมากในโลกของการทำงาน ไม่เว้นกระทั่งสายงานครีเอทีฟ สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราอยู่รอดได้คือการมี AI Literacy หรือความฉลาดรู้ในการใช้งาน AI และมีการตัดสินใจที่ดีว่าไอเดียที่ได้จาก AI อันไหนสามารถนำไปใช้ต่อยอดได้ อันไหนไม่ควรนำไปใช้ต่อ

  • อนาคต AI จะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกัน ดังนั้นในฐานะครีเอทีฟ ใครสามารถใช้งาน AI ได้เก่งกว่าก็ยืนได้นานกว่า สุดท้ายทุกอย่างก็วนกลับมาที่ทักษะและการตัดสินใจของมนุษย์ (Human Skills and Judgement)

 

CTC 2025 อัปเดตเทรนด์ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)

 

Marketing

Speakers: คุณโศรดา ศรประสิทธิ์ CEO จากบริษัทปับลิซิส กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และคุณภัทรา ภัทรสุวรรณ Associate Marketing Director จาก KFC

  • การเก็บข้อมูลผู้บริโภคเพื่อทำ Personalization ยังจำเป็นกับการทำการตลาดในปัจจุบัน แต่แบรนด์ต้องให้ Privacy หรือความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวกับลูกค้าด้วย อย่าใช้ประโยชน์จากข้อมูลของลูกค้าจนเกินพอดี ต้อง “รู้ใจแต่ไม่รุกล้ำ” ไม่สร้างความรำคาญให้ผู้บริโภค ไม่อย่างนั้นเขาอาจรู้สึกแย่และไม่อยากให้ข้อมูลกับเราอีกต่อไป

  • ความสนใจ (Attention Span) ของคนในยุคนี้สั้นลงเนื่องจากมีสื่อให้เลือกเสพหลากหลาย การทำคอนเทนต์เน้นช่วงชิงความสนใจจากผู้ชมให้ได้ไวที่สุด ทุกอย่างแข่งกันเร็ว คนเลยต้องเร็วตาม หากสื่อไม่สามารถดึงความสนใจได้ตั้งแต่ช่วงแรกก็จะโดนข้ามไปทันที ยุคนี้เลยเป็นยุคของ Short-form Content แต่เมื่อทุกสื่อหันมาทำคอนเทนต์สั้นเหมือนกันหมด การจะเข้าไปอยู่ในใจ ทำให้คนอยากดูต่อ แบรนด์ต้องทำให้เขา “รู้สึก” และพยายามชวนให้เขามา Interact กับเรา เมื่อเกิด Engagement ระหว่างกัน เขาจะจดจำเราได้

  • เศรษฐกิจในยุคนี้ไม่ดี ผู้บริโภคพยายามลดค่าใช้จ่าย พิจารณาเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น ตัดการบริโภคสิ่งไม่จำเป็นและราคาสูงออก แบรนด์จึงหันมาทำสงครามราคากันเพื่อดึงลูกค้า แต่เมื่อทุกแบรนด์ลดราคาสินค้าเหมือนกันหมด ก็ต้องวัดกันที่ Value ว่าใครมอบสิ่งที่ “คุ้มค่า” ให้ลูกค้าได้มากกว่ากัน หากสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าการอุดหนุนเราเป็นสิ่งที่คุ้มค่าสำหรับเขา เราก็จะกลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือก

 

CTC 2025 อัปเดตเทรนด์การตลาด (Marketing)

 

Innovation

Speakers: คุณอมเรศ ชุมสาย ณ อยุธยา Managing Partner of Digital Business จากบริษัทมิลเลนเนียน กรุ๊ป คอร์เปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) และคุณอรรถพล ทะแนงพันธุ์ Founder & CEO เจ้าของเพจ iMoD และ YouTube iMoD Official

  • รถยนต์

    • คนยังต้องการซื้อรถอยู่ แต่ด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจ จึงหันมาซื้อรถมือสองและเช่ารถมากขึ้น

    • ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเติบโต มีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในส่วนของโมเดลรถและซอฟต์แวร์ ทำให้คนพิจารณาซอฟต์แวร์ของรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นว่ามีการอัปเดตบ่อยมั้ย ฟีเจอร์บางอย่างใช้ระบบ Subscription มั้ย ต้องจ่ายเพิ่มมั้ย นอกจากนี้บางแบรนด์ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่สามารถนำมาเชื่อมต่อเป็นส่วนเสริมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ สร้างเป็น Ecosystem คล้ายกับแบรนด์ Apple เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า และกระตุ้นให้เกิด Brand Loyalty

  • สมาร์ตโฟน

    • แบรนด์ต่าง ๆ พยายามพัฒนาระบบ AI ให้กลายเป็น Agent ที่สามารถพูดคุยกับผู้ใช้ได้เหมือนมนุษย์ ช่วยคิด ประมวลผล ตอบคำถามและสรุปแทน เช่น Samsung มี Galaxy AI, iPhone มี Apple Intelligence, Google Pixel มี Gemini

    • ความท้าทายคือ AI ใช้พลังงานเยอะ ทำให้ผู้ผลิตต้องพยายามอัปเกรดฮาร์ดแวร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อรองรับการใช้งาน AI ผลที่ตามมาคือเมื่อผู้บริโภคจะซื้อสมาร์ตโฟน เขาจะพิจารณาฮาร์ดแวร์ด้วยว่าทนทานต่อการใช้งานระบบ AI มากน้อยแค่ไหน

  • หุ่นยนต์

    • เทคโนโลยี Robotics พัฒนาขึ้น มีหุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI หลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหุ่นยนต์ที่ใช้ทำงานในโรงงาน ยังไม่มีส่วนที่รองรับการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก เช่น หุ่นยนต์ซักผ้า

 

CTC 2025 อัปเดตเทรนด์นวัตกรรม (Innovation)

 

Business and Economy

Speakers: คุณยอด ชินสุภัคกุล CEO จาก LINE MAN Wongnai และคุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จากบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด

  • ธุรกิจร้านอาหารตกอยู่ในช่วงลำบาก ยอดขายตก ต้นทุนและค่าแรงเพิ่มขึ้น แต่ลูกค้าและนักท่องเที่ยวที่มาอุดหนุนลดลง ทำให้ร้านต่าง ๆ ปิดตัวไปเยอะ โดย 50% ของร้านอาหารใหม่ปิดตัวใน 1 ปี

  • ทางออกที่แนะนำสำหรับคนทำธุรกิจร้านอาหารคือ

    • เพิ่มช่องทางที่หลากหลาย เช่น ช่องทางออนไลน์/เดลิเวอรี่

    • ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดต้นทุนและค่าแรง เช่น ระบบ Digital Ordering สั่งอาหารผ่านไลน์หรือ QR Code

    • เพิ่มช่องทางการชำระเงินเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้า เพราะบางครั้งการรับแต่เงินสดก็ทำให้ลูกค้าเลือกที่จะไปอุดหนุนร้านอื่นแทน

    • ปรับรูปแบบการขายและให้บริการ เช่น เพิ่มไลน์อาหารแบบบุปเฟ่ต์ เปลี่ยนรูปแบบจาก Full Service มาเป็น Quick Service แทน

  • ในยุคนี้ ความสามารถในการเรียนรู้เทคโนโลยีเป็นเรื่องสำคัญ คนทำงานต้องเติมทักษะด้านนี้ รวมถึงองค์กรต่าง ๆ เองก็ต้องเปลี่ยนเป็น AI-driven Organization และนำ AI เข้ามาใช้งานอย่างจริงจัง เข้าโหมดชะลอตัว ลดกำลังคนลง อาจจะไม่ต้องปลดพนักงานออก แต่ลดการรับคนใหม่เข้ามาและเปลี่ยนไปใช้ AI ช่วยทำงานแทนเพื่อลดต้นทุน

  • แม้ต้องรีบปรับตัวและพัฒนาให้ไวเท่ากับความเร็วของโลก แต่สิ่งที่สำคัญกว่าความเร็วคือทิศทาง องค์กรต้องย้ำเตือนกับตัวเองว่า “อย่าหลุดทิศ” อย่าประหยัดงบในการ Upskill และ Reskill ให้คนในองค์กรมีทักษะทางเทคโนโลยี เพราะถึงอย่างไร คนก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องมีเพื่อควบคุมการใช้ AI และขับเคลื่อนองค์กร

 

CTC 2025 อัปเดตเทรนด์ธุรกิจและเศรษฐกิจ (Business and Economy)

 

People

Speakers: คุณจิตสุภา วัชรพล CO-CEO จาก ไทยรัฐทีวีและไทยรัฐออนไลน์ และคุณจักรพงษ์ เมษพันธุ์ โค้ชการเงินจาก Money Coach

  • องค์กร

    • การทำงานในปัจจุบันมีความเคร่งเครียดมากขึ้นจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ ผู้บริหารและหัวหน้าต้องดูแลลูกทีม รู้จักรับฟังและเข้าอกเข้าใจ พยายามสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้องเพื่อให้เขาสบายใจที่จะทำงานกับเราไม่รู้สึกกดดันและเคร่งเครียด

  • คนทำงาน

    • ในยุคที่หลายบริษัทมีนโยบายปลดคนออก คนทำงานหลายคนมองว่าต้องกอดงานไว้ให้แน่น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องทำตัวให้ ‘น่ากอด’ ในสายตาขององค์กรด้วย ได้แก่

      • ต้องหมั่นเพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง พัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ ให้องค์กรรู้สึกว่าเราคือคนที่องค์กรเสียไปไม่ได้

      • เป็นคนที่พร้อมจะเปลี่ยน เปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ปรับตัวกับการทำงานในยุคปัจจุบันอย่างยืดหยุ่น ไม่ยึดติดกับความรู้และทักษะเดิม ๆ

      • สร้างบรรยากาศที่ดีในองค์กร เข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ ไม่ก่อให้เกิดปัญหา และช่วยกระตุ้นให้เกิด Teamwork ภายในทีม

      • รู้จักมีส่วนร่วมและอุทิศให้กับองค์กรบ้าง อย่าคิดแต่จะรับอย่างเดียว ต้องรู้จักให้ด้วย เพราะไม่ใช่แค่คนทำงานที่กำลังเผชิญความยากลำบาก แต่องค์กรเองก็ตกอยู่ในวิกฤตช่วงเศรษฐกิจถดถอยเช่นกัน ดังนั้นก็ต้องเห็นใจกันทั้งสองฝ่าย ช่วยกันฝ่าฟันไปในยุคนี้

 

CTC 2025 อัปเดตเทรนด์บริหารคน (People)

 

Mindfulness

Speakers: คุณดุจดาว วัฒนปกรณ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท EMPATHY SAUCE และคุณถิรพุทธิ์ ปิติฉัตร ผู้ช่วยอธิการบดี ด้านพัฒนาองค์กร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

  • Mindfulness หรือการฝึกสติให้จดจ่ออยู่กับปัจจุบัน เป็นเทรนด์ที่คนหันมาให้ความสนใจมากขึ้นในช่วงปี 2020 หรือช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด เนื่องจากเกิดความเครียดสะสม มีภาวะกังวลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่มั่นใจกับความผันผวนของโลก จึงต้องการมองหาวิธีผ่อนคลายและสงบใจจากปัญหา ซึ่งการทำ Mindfulness Practice นั้นช่วยลดความเครียดและคลายความกังวลได้ทันที เนื่องจากเป็นการฝึกจิตให้โฟกัสอยู่กับปัจจุบันขณะ มองทุกอย่างตามความเป็นจริง จึงได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ

  • นอกจากช่วยผ่อนคลายแล้ว หลักการของ Mindfulness ยังนำมาปรับใช้กับการทำงานได้ด้วย โดย Mindfulness ถือเป็นต้นทุนทางใจ (Psychological Capital) ที่สำคัญ เมื่อเราอยู่กับปัจจุบัน ไม่วอกแวก ไม่ฟุ้งซ่านหาอดีตหรืออนาคต เราจะมีพื้นที่ในใจเพิ่มขึ้น ช่วยให้เราโฟกัสกับงานได้ดียิ่งขึ้น

  • หากอยากนำ Mindfulness ไปปรับใช้กับองค์กร สร้างให้เกิดเป็นวัฒนธรรม ผู้นำหรือหัวหน้าต้องเป็นตัวแทนริเริ่ม เช่น ก่อนประชุมทุกประชุม ขอเวลา 10 นาทีให้ทุกคนหยุดพักหายใจ ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทำสมาธิก่อน หรือถามทุกคนว่า Agenda ในการประชุมนี้คืออะไร เพื่อดึงให้ทุกคนกลับมาจดจ่อกับสิ่งตรงหน้า

 

CTC 2025 อัปเดตเทรนด์ฝึกสติ (Mindfulness)

 

Global Issues

Speakers: คุณชินาวุธ ชินะประยูร Executive Vice President จาก Digital Economy Promotion Agency (depa) คุณนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคุณธนวิชญ์ ต้นกันยา นายกสมาคม Thai Startup และCEO & Co-Founder of Horganice

  • ปัจจุบันโลกมีความผันผวนมาก ทำให้การพัฒนาประเทศเพื่อแข่งขันบนเวทีโลกทำได้ยากขึ้น หากไม่รู้ว่าควรพัฒนาประเทศไปในทิศทางไหน ให้ยึด 3 แกนนี้เป็นหลักสำคัญ ได้แก่

    1. คน (People) ต้องพัฒนาคนให้มีทักษะในการคิดวิเคราะห์ มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ ล้มแล้วลุกได้ไว 

    2. พลังงาน (Energy) พลังงานต้องเป็นพลังงานที่ทุกคนเข้าถึงได้ ปลอดภัยและยั่งยืน

    3. เทคโนโลยี (Technology) เทคโนโลยีต้องน่าเชื่อถือ รองรับการใช้งานของทุกคน และสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้อีกในอนาคต

  • การท่องเที่ยวถือเป็นอีกจุดขายที่ประเทศไทยใช้เพื่อสร้างเศรษฐกิจ แต่จากสถิติภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมีจำนวนลดลง แต่ประเทศอื่น ๆ ข้างเคียง เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์ กลับมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เราจึงต้องหาทางปรับตัวด้วยวิธีต่าง ๆ  ได้แก่

    • เชื่อมโยงสินค้าและบริการกับอัตลักษณ์ความเป็นไทย

    • ใช้ Soft Power เป็นจุดขาย เช่น อาหารไทย มวยไทย แฟชั่น วงดนตรี ซีรีส์

    • อิงกระแส Pop Culture ระดับโลกที่โยงกับไทย เช่น ภาพยนตร์ที่ใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ในการถ่ายทำ

    • เปลี่ยนจุดขายของธุรกิจเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดี เช่น การนวด ธุรกิจด้านสุขภาพ

    • โปรโมตและสื่อสารอย่างสร้างสรรค์และเป็นสากล

  • ปัจจุบันตลาด E-Commerce ถูกผูกขาดโดยต่างชาติอย่างสมบูรณ์ แต่คนไทยซื้อสินค้าผ่าน E-Commerce มากกว่า 8 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่ง 80% เป็นสินค้าจากต่างประเทศ ทำให้แต่ละปี เงินกว่า 6.4 แสนล้านบาทไหลออกจากประเทศ ประเทศไทยจึงต้องเน้นสร้างกองทัพนวัตกรรมเพื่อรับมือกับต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศทั้งเชิงรุกและเชิงรับ

    • ยุทธศาสตร์เชิงรับ: สร้างสนามแข่งขันที่เราได้เปรียบ ต้องหาจุดเด่นของประเทศไทยแล้วผลักดันจุดนั้นให้ได้ อาจจะยังไม่ต้องได้เปรียบก็ได้ แต่ต้องไม่เสียเปรียบเขา

    • ยุทธศาสตร์เชิงรุก: บุกเบิกเศรษฐกิจใหม่โดยอาศัย 3 องค์ประกอบ ได้แก่

      • คน (Man) พัฒนาคนที่มีความรู้ด้านนวัตกรรม

      • เงิน (Money) มีเงินทุนที่ช่วยผลักดันให้เกิดนวัตกรรมของไทย

      • ตลาด (Market) ตลาดไทยต้องเปิดรับและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ไทย กลับมาเป็นยุคไทยทำ ไทยใช้ อุดหนุนสินค้า Made in Thailand และพยายามส่งออกไปยังตลาดโลก

 

CTC 2025 อัปเดตประเด็นโลก (Global Issues)

 

เซสชันอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

นอกจากเซสชันอัปเดตเทรนด์ประจำปีแล้ว ภายในงาน CTC 2025 ยังมีเซสชันบรรยายและเสวนาพูดคุยจาก Speakers ชั้นนำอีกหลายเซสชัน JobThai สรุปมาให้ส่วนหนึ่ง ไปดูกันเลย!

 

Money Freedom 101 ปลดล็อกการเงินฉบับคนธรรมดา

Speakers: คุณจักรพงษ์ เมษพันธุ์ โค้ชการเงินจาก Money Coach และคุณตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด

  • ในช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอนแบบนี้ ไม่ใช่แค่ “เก็บเงิน” แต่เราต้องรู้จัก “จัดการเงิน” ด้วย เน้นเก็บเงินสำรองฉุกเฉินให้เพียงพอ แล้วนำเงินส่วนที่เหลือไปลงทุน บริหารเงินให้เพิ่มขึ้น อย่ากลัวเรื่องความเสี่ยงในการลงทุนเกินไป ใจต้องกล้า ไม่งั้นเงินจะไม่งอกเงย

  • แต่ละคนควรมี Playbook เป็นของตัวเอง ชีวิตแต่ละคนแตกต่างกัน จะใช้สูตรการบริหารเงินแบบเดียวกันไม่ได้ บางคนมีความมั่นคงระดับนึงแล้ว เป็นโสด ไม่มีภาระ ทำทั้งงานประจำและงานเสริม ก็อาจจะเก็บเงินสำรองฉุกเฉินแค่ 6 เดือนพอ แต่บางคนมีความเสี่ยงในชีวิตค่อนข้างมาก รับหน้าที่เป็นเสาหลักของบ้าน มีภาระที่ต้องแบกรับ เช่น หนี้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ มีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู ทั้งพ่อแม่และลูก ก็อาจต้องเก็บเงินสำรองฉุกเฉินเผื่อไว้หลายเดือนหน่อย

  • สำหรับคนที่เก็บเงินสำรองฉุกเฉินจนเพียงพอแล้ว ให้เริ่มนำไปลงทุน โดย 3 สิ่งที่สำคัญสำหรับการลงทุน ได้แก่

    1. หาความรู้เรื่องการลงทุนเป็นอันดับแรก ต้องลงทุนกับตัวเองให้มีความรู้เรื่องการลงทุนก่อน หากไม่มีความรู้แล้วไปลงทุนเลย เงินอาจหายหมดตัวเพราะลงทุนไม่เป็น

    2. เลือกลงทุนในแบบที่ตัวเองพอใจและรับความเสี่ยงได้ บางคนอาจไม่มีเวลามาตามเช็กดู หรือบางคนไม่ได้รู้ลึกเรื่องการลงทุนขนาดนั้น ก็อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมแทนหุ้น เพราะมีคนช่วยบริหารจัดการให้

    3. ลงทุนให้ไวและถือสินทรัพย์ให้นานพอ ยิ่งลงทุนไวยิ่งได้เปรียบจากเงินทบต้น และรับความเสี่ยงน้อยกว่าคนที่ลงทุนตอนอายุมาก นอกจากนี้การลงทุนต้องอาศัยความอดทน ดังนั้นควรถือสินทรัพย์ที่ลงทุนไว้ให้นานพอ อย่าใจร้อน

  • สำหรับคนที่มีปัญหาด้านการเงิน มีหนี้สินต้องใช้ สิ่งแรกที่ควรทำคือเลิกดราม่าฟูมฟาย โอดครวญว่าทำไมต้องรับภาระ ทำไมต้นทุนตัวเองน้อย ทำไมชีวิตตัวเองไม่ดีเหมือนคนอื่น เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้หนี้น้อยลง ให้หยิบข้อเท็จจริงมาพูดคุยว่าจะทำยังไงให้มีเงินมาใช้หนี้คืน สามารถลดค่าใช้จ่ายตรงไหนได้บ้างมั้ย เพิ่มรายได้ยังไงได้บ้าง ลองพูดคุยปรึกษากับเจ้าหนี้อย่างตรงไปตรงมาเพื่อหาทางออกร่วมกัน

  • ส่วนคนที่กังวลกับเงินเฟ้อก็ใช้หลักการเดียวกัน อย่าไปกลัว ให้มองตามความเป็นจริงว่ายังไงก็หนีไม่พ้น เพราะเงินก็เฟ้อขึ้นทุกปีเป็นปกติ ให้โฟกัสวิธีการหาเงินเพิ่มให้เพียงพอดีกว่า

 

CTC 2025: Money Freedom 101 ปลดล็อกการเงินฉบับคนธรรมดา

 

How Marketing Intelligence Will Change Your Marketing Strategy in 2026

Speakers: คุณสิทธินันท์ พลวิสุทธิ์ศักดิ์ CEO of Content Shifu

  • การตลาดปัจจุบันใช้แค่ความคิดสร้างสรรค์และสัญชาตญาณ (Gut Feelings) อย่างเดียวไม่พอแล้ว ต้องมีเทคโนโลยีและข้อมูลที่ซัปพอร์ตด้วย

  • ทำไมการทำการตลาดปัจจุบันถึงควรใช้ Marketing Intelligence?

    • การทำ Marketing แบบเหมารวมไม่ใช่แนวทางที่เวิร์ก หากเราต้องการทำการตลาดกับทุกคน เราจะไม่ได้ทำการตลาดกับใครเลย เราต้องโฟกัส Target Group ที่ใช่

    • ทุกวันนี้มี AI-generated Contents หรือคอนเทนต์ที่สร้างโดย AI เยอะมาก โดยภายในปี 2030 คอนเทนต์เกิน 70% จะเป็น AI-generated Contents

    • เทคโนโลยีในปัจจุบันพัฒนาไวมาก มี  MarTech หรือเครื่องมือทำการตลาดให้เลือกใช้มากขึ้นทุกวันและประสิทธิภาพก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ

  • Marketing Intelligence คือ การเห็น—รู้—เข้าใจ—และเลือกทำการตลาดอย่างชาญฉลาด โดยมีองค์ประกอบ 3 อย่าง ได้แก่ คน ข้อมูล และเทคโนโลยี 

    • เห็น (See) ลองเข้าไปหาข้อมูล หาเทรนด์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมของตัวเองเพิ่มเติมดูว่า ณ ปัจจุบันมีเทรนด์อะไรเกิดขึ้นบ้าง จะได้เห็นภาพรวมมากขึ้น

    • รู้ (Know) ศึกษาข้อมูลของลูกค้าและคู่แข่ง ปัจจุบันมี MarTech หลายอย่างมากที่ช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ว่าตอนนี้ลูกค้ากำลังสนใจอะไร คู่แข่งกำลังทำอะไรอยู่ นักการตลาดสามารถเก็บข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์และทำความเข้าใจต่อได้

    • เข้าใจ (Understand) นอกจากเครื่องมือที่ช่วยรวบรวมข้อมูลแล้ว เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลก็มีมากมายเช่นกัน เราต้องรู้จักใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มาช่วยเราเจาะลึกข้อมูล หา Insights ที่มีประโยชน์กับการทำการตลาดให้ได้

    • เลือกทำการตลาดอย่างชาญฉลาด (Act) เมื่อเราเข้าใจลูกค้า เราก็สามารถออกแบบแคมเปญและวิธีการทำการตลาดต่าง ๆ ที่เหมาะสมได้ เช่น ทำ Content Personalization จากข้อมูลที่เราได้มา

 

CTC 2025: How Marketing Intelligence Will Change Your Marketing Strategy in 2026

 

สรุปเนื้อหาที่น่าสนใจจากงาน People Performance Conference 2025

 

ใครที่สนใจอยากฟังบรรยายและรับชมเซสชันที่เหลือ สามารถเข้าไปซื้อบัตรเพื่อรับชมคลิปทั้งหมดย้อนหลังในรูปแบบออนไลน์ได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/CTC2025 โดยมีระยะเวลารับชม 6 เดือน ตั้งแต่วันนี้ – 5 มกราคม 2026

tags : ctc2025, creative talk conference 2025, คนทำงาน, ctc, อัปเดตเทรนด์, เทรนด์การทำงาน, what’s new



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม