ในหมู่คนทำงานที่เป็นมนุษย์เงินเดือนด้วยกัน เรามักได้ยินคำว่า “เหนื่อยเหรอ? .. ลองหาเวลาไปเที่ยวสิ” แล้วการไปเที่ยวพักผ่อนไม่ว่าจะเป็นต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้หายเหนื่อยจริง ๆ เหรอ เพราะหากพูดถึงเรื่องที่ทำให้หายเหนื่อยจากการทำงานแต่ละคนก็มีความคิดที่แตกต่างกันไป หลายคนที่ชอบการท่องเที่ยวอยู่แล้วก็ถือคติว่า “ฉันต้องได้ไปเที่ยวปีละครั้ง” ในขณะคนทำงานอีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้ชอบท่องเที่ยว ก็เลือกที่จะอยู่บ้านเพื่อพักผ่อนในวันหยุด

ซึ่งอะไรจะดีกว่ากันเราไม่สามารถการันตีได้ เพราะนิสัยและความชอบของคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าใครลังเลอยู่ ก็ลองมาดูกันว่าทำไมวัยทำงานถึงต้องเที่ยวบ้างในแต่ละปี และข้อดีของการเที่ยวมีอะไรบ้าง ที่วันนี้ JobThai ได้รวมมาให้

สมองของเราจะได้รับการพักผ่อนที่แท้จริง

เพราะสมองของเรานั้นถูกใช้งานอย่างหนักประมาณวันละ 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์งานใหม่ ๆ คำนวณรายรับรายจ่ายขององค์กร หรือทบทวนเนื้อหาของการประชุม งานตำแหน่งไหน ๆ ต่างก็ต้องใช้พลังสมองอย่างมากทั้งนั้น คนทำงานบางคนถูกสมองเตือนด้วยอาการปวดหัวบ่อยครั้ง หรือเกิดอาการ Brain Fog (ภาวะสมองล้า) ภาวะที่วัยทำงานหลายคนมีความเสี่ยง ซึ่งเกิดจากการที่สมองทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่ได้พักคิดเรื่องอื่น ๆ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองแย่ลง ปวดหัวบ่อยขึ้น สายตาอ่อนเพลีย สมาธิสั้น

ซึ่งการออกไปท่องเที่ยวนั้น จะทำให้สมองของเราได้รับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ได้ทิ้งเรื่องงาน ปล่อยสมองให้โล่งพร้อมรับประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งการปล่อยให้สมองได้พักจะช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

เราจะได้รับแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ

เมื่อวัน ๆ อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม อย่างออฟฟิศ ห้องนอน หรือห้องทำงาน ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่อาจทำให้เริ่มคิดอะไรไม่ออก ซึ่งบางครั้งคนทำงานอย่างเราก็จะแก้ปัญหาด้วยการออกไปเดินเล่นพักสมองสัก 5-10 นาที ออกไปคาเฟ่นั่งจิบกาแฟ หรือนั่งพักสายตาสักหน่อย จากนั้นค่อยกลับมาลุยงานต่อก็จะช่วยให้เราได้ไอเดียใหม่ ๆ ไว้ใช้ในการทำงานต่อได้ แค่การพักสายตา ละสมองจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เพียงไม่กี่นาที ยังสามารถส่งผลดีต่อความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานได้เลย แล้วถ้าได้เดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศล่ะจะดีแค่ไหน

นอกจากได้พักสมองแล้วเราจะได้รับแนวคิดใหม่ ๆ ผ่านวัฒนธรรม ประเพณี และความเป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละท้องที่ที่เราไป สิ่งเหล่านี้จะทำให้มุมมองของเราเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้เราเรียนรู้ ลองทำสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน นอกจากจะทำให้ทัศนคติและมุมของเราเปลี่ยนไป ทำให้เราเข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้อื่นได้มากยิ่งขึ้นแล้ว ยังทำให้เราได้รับประสบการณ์และไอเดียใหม่ ๆ ที่หาไม่ได้ภายในห้องสี่เหลี่ยมแน่นอน 

สร้างไหวพริบและความสามารถในการปรับตัว

การทำงานในชีวิตประจำวัน เรามักจะเจอปัญหาหรือความท้าทายเดิม ๆ ที่เรารู้วิธีแก้ไขและวิธีรับมือกับปัญหานั้นแล้ว ทำให้เราไม่ได้พัฒนาทักษะใหม่ ๆ มากเท่าที่ควร แต่การออกไปท่องเที่ยวแต่ละครั้งนั้นนอกจากจะได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ แล้ว บางครั้งเราก็จะได้เจอ “ปัญหา” ใหม่ ๆ อีกด้วย อย่างการเหตุการณ์ไม่คาดคิดในสถานที่ต่าง ๆ ถูกยกเลิกเส้นทางรถไฟ หรือเครื่องบินดีเลย์ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ที่ทำให้เราต้องออกนอกเส้นทางเดิมที่วางแผนเอาไว้แม้จะเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วก็ตาม เราต้องคิดและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเลยว่าจะเดินทางไปยังเป้าหมายนั้นโดยวิธีใด ถามใครได้บ้าง จะไปอย่างไร ซึ่งตรงนี้เองจะทำให้เราได้ฝึกไหวพริบและฝึกการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตัวเอง

เมื่อเราเดินทางไปยังประเทศอื่น หรือจังหวัดอื่นที่เราไม่คุ้นเคย สิ่งหนึ่งที่สามารถสังเกตได้เลยคือเราจะเห็นว่าตัวเองพยายามที่จะเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม วิถีชีวิต และอาหารการกินของคนในพื้นที่นั้น ๆ อย่างอัตโนมัติ ซึ่งสิ่งนี้เองจะทำให้เราได้ฝึกทักษะในการปรับตัวเพื่อใช้กับการทำงานกับคนหมู่มากได้

สร้างความทรงจำและมิตรภาพที่ดี

จะมีอะไรที่มีค่าไปกว่าความทรงจำดี ๆ ที่นึกถึงทีไรก็สามารถทำให้เรายิ้มได้ นอกจากผลงานที่ได้รับการตอบรับที่ดีหรือผลงานที่ประสบความสำเร็จ ก็บรรยากาศในการท่องเที่ยวนี่แหละที่ทำให้เรามีความสุขเวลาที่ได้นึกถึง ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวกับครอบครัว ท่องเที่ยวกับเพื่อนฝูง กับคนรัก หรือแม้แต่ไปเที่ยวคนเดียวก็ตาม ความทรงจำดี ๆ ความสุข และความรู้สึกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น จะกลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่ต้องกลัวหาย ไม่ต้องกลัวโดนขโมย เพราะความทรงจำนั้นจะอยู่กับเรา ทำให้เรารู้สึกสุขใจ และสร้างพลังด้านบวก ที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ความสุขในช่วงเวลานั้นก็จะอยู่กับเราเสมอ

นอกจากความสุขที่ได้รับแล้ว เราสามารถเจอมิตรภาพใหม่ ๆ ได้ตลอดช่วงการเดินทางการ ได้เจอเพื่อนใหม่ ๆ ได้สร้างมิตรภาพใหม่ ๆ ซึ่งมิตรภาพเหล่านี้อาจกลายเป็นคอนเนคชันหรือทำให้เราได้รับโอกาสใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของเราก็ได้ 

คงไม่มีคอมพิวเตอร์เครื่องไหนที่สามารถทำงานได้โดยไม่มีหยุดพัก สมองของเราก็เช่นกัน แต่ละวันของคนทำงานอาจต้องเจอความเครียด ความท้อ หรืออาการหมดไฟในการทำงาน ซึ่งหลังจากที่ผ่านการทำงานอย่างหนักหน่วงมาอย่างยาวนานการท่องเที่ยวคือการผ่อนคลายอย่างหนึ่งที่เป็นเหมือนการกดปุ่ม Refresh ให้กับร่างกายและจิตใจ และเมื่อกลับมาเจอโลกของการทำงานอีกครั้ง เราจะสัมผัสได้เลยว่าสมองเราจะมีความสดใหม่ และมีไอเดียต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย 

Source:

marketingoops.com

blog.lnw.co.th

learninghubthailand.com

sanook.com