เรื่องภาษีอาจเป็นสิ่งที่หลายคนรู้สึกยังไม่ค่อยเข้าใจ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำว่า "ภาษีย้อนหลัง" ซึ่งฟังดูน่ากลัวและอาจนำมาซึ่งภาระค่าปรับที่ไม่คาดคิด วันนี้ JobThai เลยจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า ภาษีย้อนหลังคืออะไร ใครบ้างที่อาจเสี่ยงต้องจ่ายค่าภาษีย้อนหลัง และเราควรเตรียมตัวอย่างไรเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้
ภาษีย้อนหลัง คือ การที่กรมสรรพากรตรวจพบว่าผู้มีเงินได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน หรือไม่ได้ยื่นแบบฯ ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ทำให้จำนวนภาษีที่ชำระไว้ต่ำกว่าความเป็นจริง หรืออาจไม่ได้ชำระเลย กรมสรรพากรจึงมีอำนาจในการประเมินเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม พร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามกฎหมายย้อนหลังไปตามจำนวนปีที่ตรวจพบข้อผิดพลาดนั้น ๆ
บุคคลที่มีโอกาสต้องเผชิญกับปัญหาภาษีย้อนหลังนั้นมีหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำที่อาจมีรายได้อื่นนอกเหนือจากเงินเดือนจากบริษัทแล้วไม่ได้แจ้ง, ผู้ที่ยื่นภาษีผิดพลาดจากการละเลยขั้นตอนการยื่นจ่ายภาษีที่ถูกต้อง คำนวณรายการลดหย่อนไม่ถูกต้อง, กลุ่มฟรีแลนซ์หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระที่อาจแสดงรายได้ไม่ครบถ้วน หรือไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเลย รวมถึงผู้ที่จงใจหลีกเลี่ยงภาษี ดังนั้น การตรวจสอบและจัดการเรื่องภาษีให้ถูกต้องจึงสำคัญกับทุกคนที่มีรายได้

การยื่นภาษีล่าช้ากว่ากำหนด หรือการยื่นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องครบถ้วน อาจนำไปสู่ผลกระทบหลายประการที่ผู้เสียภาษีต้องรับผิดชอบ
ค่าปรับและเบี้ยปรับที่อาจเกิดขึ้น
หากยื่นแบบภาษีไม่ทันตามกำหนดเวลา หรือยื่นข้อมูลภาษีผิดพลาดจนทำให้ชำระภาษีขาดไป สิ่งที่ตามมาคือค่าปรับและเบี้ยปรับตามกฎหมายของกรมสรรพากร ดังนี้
- ค่าปรับอาญากรณีไม่ยื่นแบบภายในกำหนดอาจมีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท
- เบี้ยปรับจะคำนวณจากยอดภาษีที่ต้องชำระเพิ่มในอัตราร้อยละ 20 หรือ 1 - 2 เท่าของภาษีที่ขาดไป รวมถึงเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ โดยเริ่มนับตั้งแต่วันพ้นกำหนด
ถูกตรวจสอบและสอบสวนจากกรมสรรพากร
เมื่อกรมสรรพากรตรวจพบความผิดปกติในการยื่นภาษี หรือสงสัยว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษี เจ้าหน้าที่อาจดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนข้อมูลทางการเงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้เสียภาษีอย่างละเอียด ซึ่งกระบวนการนี้อาจใช้เวลานานและสร้างความกังวลใจได้ หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง นอกจากจะต้องชำระ ภาษีย้อนหลังและค่าปรับแล้ว ยังอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้ในกรณีที่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน
ผลกระทบต่อเครดิตและความน่าเชื่อถือทางการเงิน
ปัญหาภาษีย้อนหลังไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบด้านการเงินจากค่าปรับและเบี้ยปรับ แต่ยังอาจกระทบต่อเครดิตและความน่าเชื่อถือทางการเงินส่วนบุคคลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการถูกดำเนินคดี หรือมีประวัติการชำระภาษีที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลต่อการพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการเงินในอนาคต เช่น การขอสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ หรือสินเชื่อเพื่อธุรกิจ การจัดการภาษีให้ถูกต้องจึงเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือทางการเงินที่ดี
หากได้รับหนังสือแจ้งให้ชำระภาษีย้อนหลัง แต่ประสบปัญหาไม่สามารถชำระเงินก้อนทั้งหมดได้ในคราวเดียว สิ่งแรกที่ควรทำคือติดต่อเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรโดยเร็วที่สุดเพื่อเจรจาหาทางออก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว กรมสรรพากรอาจพิจารณาให้ผ่อนชำระภาษีอากรค้างได้เป็นงวด ๆ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ไม่แนะนำให้เพิกเฉยหรือหลีกเลี่ยงเพราะมีแต่จะทำให้เบี้ยปรับเพิ่มที่สูงขึ้น

เพื่อความสบายใจและป้องกันปัญหาภาษีย้อนหลัง การตรวจสอบสถานะการเสียภาษีของตนเองเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ โดยมีหลายช่องทางดังนี้
การตรวจสอบผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร
ปัจจุบัน กรมสรรพากรมีระบบบริการออนไลน์ e-Filing ที่ผู้เสียภาษีสามารถเข้าไปตรวจสอบประวัติการยื่นแบบและชำระภาษีของตนเองได้ นอกจากนี้ หากมีการแจ้งเตือนหรือหนังสือสำคัญจากกรมสรรพากร ก็มักจะมีการแจ้งข้อมูลผ่านระบบ My Tax Account ซึ่งช่วยให้ติดตามสถานะต่าง ๆ ได้สะดวกและรวดเร็ว การหมั่นเข้าไปตรวจสอบข้อมูลในระบบเหล่านี้จะช่วยให้เราเห็นความเป็นไปและอุ่นใจเมื่อรู้ว่าเราไม่มียอดที่ค้างชำระอยู่
การขอข้อมูลจากฝ่ายบัญชีหรือ HR ของบริษัท
สำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้จากเงินเดือนเป็นหลัก สามารถสอบถามข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่าย และการนำส่งภาษีจากฝ่ายบัญชีหรือฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ของบริษัทได้ เนื่องจากบริษัทมีหน้าที่หักภาษีและนำส่งกรมสรรพากรเป็นประจำทุกเดือน รวมถึงทางบริษัทจะออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) ให้กับพนักงานเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษีประจำปีอีกด้วย
การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี
ถ้ายังไม่มั่นใจในข้อมูลการเสียภาษีของตนเอง หรือถ้ามีโครงสร้างรายได้ที่ซับซ้อน การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เช่น นักบัญชี หรือที่ปรึกษาภาษี ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี โดยผู้เชี่ยวชาญจะสามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้อง ช่วยตรวจสอบความครบถ้วนของการยื่นภาษี และวางแผนภาษีได้อย่างเหมาะสม ซึ่งก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาภาษีย้อนหลังและค่าปรับต่าง ๆ ที่อาจตามมาได้
- กรณีที่ทราบว่าตนเองต้องยื่นภาษีย้อนหลังหรือได้รับแจ้งจากกรมสรรพากร ขั้นตอนโดยทั่วไปดังนี้รวบรวมเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับรายได้และค่าลดหย่อนทั้งหมดของปีภาษีนั้น ๆ
- ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเพิ่มเติมสำหรับปีภาษีดังกล่าว
- ชำระภาษีที่ค้างจ่ายรวมถึงเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามที่กฎหมายกำหนด
โดยสามารถดำเนินการได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา หรือบางกรณีอาจดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ได้ ควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอคำแนะนำที่ถูกต้อง
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาภาษีย้อนหลัง คือ การจัดการเรื่องภาษีให้ถูกต้องและครบถ้วนตั้งแต่แรก เริ่มจากการเก็บรวบรวมเอกสารรายได้และหลักฐานการลดหย่อนต่างๆ ให้เป็นระบบ, ศึกษาและทำความเข้าใจสิทธิประโยชน์ทางภาษีของตนเอง, ยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเสมอ และหากมีรายได้หลายทางหรือมีความซับซ้อน ควรพิจารณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อความถูกต้องแม่นยำ การมีวินัยทางการเงินและภาษีจะช่วยให้คุณปลอดกังวลจากปัญหานี้

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และการลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ที่กฎหมายกำหนด เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยให้การยื่นภาษีถูกต้องและลดภาระภาษีได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาภาษีย้อนหลังได้ การศึกษาข้อมูลเรื่องค่าลดหย่อนส่วนตัว, ค่าลดหย่อนครอบครัว, เบี้ยประกัน, เงินบริจาค หรือการลงทุนในกองทุนต่าง ๆ ที่สามารถนำมาลดหย่อนได้ จะทำให้เราสามารถวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้สิทธิของตัวเองได้อย่างเต็มที่
ภาษีย้อนหลัง เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่มีเงินได้และไม่ได้จัดการเรื่องการยื่นภาษีให้ถูกต้องและครบถ้วน ดังนั้นการทำความเข้าใจความหมาย สาเหตุ ผลกระทบ รวมถึงวิธีตรวจสอบและแนวทางป้องกัน จึงเป็นสิ่งจำเป็น การเตรียมตัวที่ดี ศึกษาข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ และการมีวินัยในการยื่นภาษี จะช่วยให้เราไม่ต้องเจอปัญหาภาษีย้อนหลังและค่าปรับที่ไม่จำเป็น ทำให้เราสามารถบริหารการเงินส่วนบุคคลได้อย่างมั่นคงและสบายใจ
ที่มา:
rd.go.th
krungsri.com
promise.co.th