ในโลกการทำงานนั้นมีเส้นทางมากมายให้เราเลือกเดิน เพียงแต่เราต้องพร้อมที่จะเรียนรู้และพยายามที่จะพัฒนาทักษะต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เรามีโอกาสในการก้าวหน้าในโลกการทำงานได้มากขึ้น หรือเป็นคนที่พร้อมเสมอเมื่อมีโอกาสดี ๆ เข้ามา ซึ่งการได้ไปทำงานและใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ก็เป็นความฝันของใครหลายคน เพราะมองว่ามันจะทำให้พวกเขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่ เติบโตก้าวหน้าในสายงาน และมีอนาคตที่ดีมากขึ้น
โดยแคนาดานับว่าเป็นหนึ่งประเทศที่หลายคนสนใจ เพราะมีความเปิดกว้างในเรื่องของวีซ่า มีโอกาสทั้งในเรื่องการเรียนต่อและการทำงาน และอาจทำให้เราได้กลายเป็นประชาชนชาวแคนาดาไปเลย วันนี้ JobThai และ Hotcourses Thailand ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กับ IDP Thailand จะมาแชร์เกี่ยวกับวีซ่าถาวรของแคนาดาและโอกาสในการจะไปทำงานที่นั่น ว่าต้องมีคุณสมบัติยังไงบ้าง อ่านบทความนี้แล้วได้คำตอบทั้งหมดแน่นอน
Permanent Resident (PR) หรือวีซ่าถาวรของแคนาดา หรือที่บางคนเรียกติดปากว่า กรีนการ์ด แคนาดา ซึ่งวีซ่าประเภทนี้เป็นวีซ่าที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถย้ายไปพักอาศัยอยู่ในประเทศแคนาดาได้แบบถาวร เหมาะกับคนอยากย้ายประเทศเพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ ในด้านการทำงานและการใช้ชีวิต
ผู้ที่ถือ Permanent Resident (PR) จะได้รับสิทธิ์ สวัสดิการ และผลประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย ดังนี้
- สามารถอาศัยอยู่ในประเทศแคนาดาได้
- สามารถยื่นสมัครขอ Canadian Citizenship หรือ ยื่นขอสัญชาติแคนาดา ได้
- ได้รับสวัสดิการต่าง ๆ เหมือนกับพลเมืองชาวแคนาดา
- สามารถหางานและทำงานได้ รวมถึงเรียนหนังสือในประเทศแคนาดาได้
โดยจะมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง เช่น ผู้ถือ PR จะไม่สามารถลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งได้ ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ และนอกจากนี้จะต้องอาศัยอยู่ในประเทศแคนาดาอย่างน้อย 730 วันในทุก 5 ปี หรือเรียกอีกอย่างว่า Residency Obligations
แคนาดาเป็นประเทศที่มีโปรแกรมต่าง ๆ ที่เอื้อให้ชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด สามารถสมัครขอวีซ่า Permanent Resident (PR) หรือ PR Canada ได้ เช่น รูปแบบ Express Entry, รูปแบบ Business Immigration, รูปแบบ Provincial Nominee Program โดยแต่ละรูปแบบจะใช้ระบบการคัดเลือกคนที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น รูปแบบ Express Entry ที่ถูกจัดขึ้นเพื่อหาแรงงานที่มีทักษะขั้นสูงในสาขาที่ขาดแคลน และจะคัดเลือกคนด้วยการนับแต้มให้คะแนนตามเกณฑ์คุณสมบัติ เช่น ถ้าเป็นคนมีทักษะสูง เราก็จะได้แต้มจากจุดนั้น หรือถ้าเราเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศแคนาดา ก็จะได้รับแต้มคุณสมบัติด้วยเช่นกัน
ทางเลือกที่ 1: คนเรียนต่อในแคนาดา หลังเรียนจบมีสิทธิ์ยื่นขอ PR ได้
แคนาดานับเป็นหนึ่งในประเทศอันอับต้น ๆ ที่คนมักนึกถึงเมื่ออยากเรียนต่อต่างประเทศ เพราะนอกจากจะมีมหาวิทยาลัยดี ๆ ติดอันดับโลก เมืองปลอดภัยน่าอยู่ และเปิดกว้างด้านการให้วีซ่าทำงานหรือวีซ่าถาวรแก่ชาวต่างชาติ การเรียนจบจากมหาวิทยาลัยในแคนาดาจะช่วยให้เราได้แต้มคุณสมบัติเพิ่มเป็นพิเศษ ซึ่งก็หมายความว่าเรามีแนวโน้มที่จะได้ Permanent Resident ที่สูงขึ้นนั่นเอง โดยแนะนำให้เลือกเรียนในสาขาที่เป็นที่ต้องการของแคนาดา และเมื่อเรียนจบแล้ว ก็ขอวีซ่าอยู่ทำงานหลังเรียนจบหรือที่เรียกกันว่า Post-graduation Work Permit Program (PGWP) และเมื่อทำงานไปได้อย่างน้อย 1 ปี ก็ยื่นขอ Permanent Resident ผ่านระบบ Express Entry ในประเภท Canadian Experience Class (CEC) หรือ Provincinal Nomiee Program (PNP) ก็ได้
เงื่อนไขสำคัญ:
- เลือกเรียนต่อในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันศึกษาในแคนาดาที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาล (Designated Learning Insitution) ซึ่งสำหรับใครที่สนใจวิธีนี้ แต่ยังงง ๆ ก็สามารถปรึกษากับตัวแทนที่น่าเชื่อถือ อย่างที่ปรึกษาเรียนต่อของ Hotcourses Thailand ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ IDP Thailand บริษัทที่รับปรึกษาเรียนต่อมากว่า 50 ปี ช่วยให้คำปรึกษา ตอบข้อสงสัย ช่วยเลือกคอร์สและมหาวิทยาลัยที่เหมาะกับเรา ไปจนถึงการทำวีซ่า การจองที่พัก และอื่น ๆ
- ควรเลือกเรียนในสาขาที่เป็นที่ต้องการในแคนาดา เช่น สาขา STEM (Sciences, Technology, Engineering, Mathematics), สาขาทางการแพทย์ สุขภาพและการพยาบาล (Healthcare)
- ต้องเป็นคนที่มีความตั้งใจจะย้ายไปพำนักที่ประเทศแคนาดา ซึ่งจะเป็นจังหวัดไหนก็ได้ยกเว้น Quebec
เช็กคอร์สเรียนต่อแคนาดาทั้งหมดได้ ที่นี่
|
|
ทางเลือกที่ 2: คนที่มีทักษะความสามารถและประสบการณ์การทำงาน ในสาขาที่เป็นที่ต้องการ
สำหรับคนที่มีคุณสมบัติที่ตรงกับความต้องการของประเทศแคนาดาในด้านของทักษะความสามารถและประสบการณ์ ก็มีโอกาสยื่นสมัครขอรับการพิจารณาวีซ่าถาวรได้ ทั้งการยื่นผ่านระบบ Express Entry หรือจะเป็นระบบ Provincial Nominee Programs (PNPs)

Express Entry คือระบบการจัดระเบียบและคัดสรรใบสมัครสำหรับชาวต่างชาติที่อยากย้ายถิ่นฐานมาทำงานและอาศัยอยู่ในแคนาดาแบบถาวร ยกเว้นจังหวัด Quebec ที่ไม่มีโปรแกรม Express Entry โดยผู้สมัครจะต้องมีทักษะและความสามารถตามที่รัฐบาลกำหนด ได้คะแนนตามเกณฑ์ พิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัครด้วยการนับแต้ม ยิ่งคุณสมบัติตรงตามกำหนด แต้มก็จะยิ่งสูง และมีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขอื่น ๆ จึงจะมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณา
โดยผู้ที่สนใจ ต้องทำการสมัครระบบ Express Entry ผ่านองค์กร Immigration, Refugees and Citizenship Canada (IRCC) ของแคนาดาเท่านั้น และต้องชำระค่าสมัคร $1,525 CAD* ต่อคน (รวมค่าดำเนินการ $950* และค่าธรรมเนียมสำหรับขอ Right of Permanent Residence $575* แล้ว)
* อัปเดตข้อมูล ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2568
เกณฑ์การให้คะแนนและวิธีคัดเลือก
เมื่อผู้สมัครส่งรายละเอียดและคุณสมบัติของตัวเองลงในฐานระบบแล้ว หน่วยงานของรัฐบาลจะประเมินคุณสมบัติของแต่ละคนแล้วให้คะแนนที่เรียกว่า Comprehensive Ranking System (CRS) จากนั้นจะเป็นการนำคะแนนของแต่ละคนมาเทียบกันแล้วจัดอันดับ ซึ่ง คนที่ได้คะแนนสูงคือมีสิทธิ์ยื่นสมัครขอวีซ่าถาวรหรือ PR ของแคนาดาได้
เกณฑ์การให้คะแนนขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผู้สมัคร โดยวัดจากปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้
- อายุ
- ระดับการศึกษาและวุฒิการศึกษา (ถ้าเรียนจบจากมหาวิทยาลัยในแคนาดาก็จะได้แต้มเพิ่ม)
- ความสามารถทางภาษา (ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาฝรั่งเศส)
- ประสบการณ์การทำงาน (ในแคนาดาหรือในต่างประเทศ)
- ความเกี่ยวข้องกับประเทศแคนาดา เช่น มีพี่น้องอาศัยอยู่ในแคนาดา
โดยรัฐบาลแคนาดาจะทำการคัดเลือกกลุ่มผู้สมัครที่มีคะแนนสูงจากใบสมัครทั้งหมด และออกคำเชิญเพื่อให้ผู้สมัครเหล่านั้นทำการส่งเอกสาร หลักฐานและรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งหมดไปให้ครบ เพื่ออนุมัติวีซ่าถาวรให้
ตัวอย่างมหาวิทยาลัยที่ทางรัฐบาลแคนาดายอมรับ มีโอกาสได้แต้มเพิ่มเมื่อเรียนจบ
Simon Fraser University
- มหาวิทยาลัยชื่อดังในแคนาดา ที่ก่อตั้งมานานกว่า 70 ปี
- คว้าอันดับ 1 จากการจัดอันดับของ Comprehensive University Rankings ในแคนาดา (Maclean 2025)
- มหาวิทยาลัยอยู่ในเมืองแวนคูเวอร์ ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักเรียนเป็นอันดับที่ 19 ของโลก (QS Best Student Cities 2025)
- มีวิทยาเขตหลายแห่ง ซึ่งทุกวิทยาเขตตั้งอยู่ในเขต British Columbia ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในแคนาดา
- เปิดสอนหลักสูตรทั่วไปและหลักสูตร Hotcourses Thailand Co-op Program เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเรียนพร้อมกับทำงานและเงินเดือนไปด้วยได้
- มีวิวทิวทัศน์ที่ดีมาก ให้ความรู้สึกเหมือนได้ท่องเที่ยว
Trent University
- เปิดสอนหลากหลายสาขาวิชา มีหลักสูตรให้เลือกเยอะ
- มีทุนการศึกษาให้กับนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะ
- มีโอกาสได้งานค่อนข้างสูง อ้างอิงจากสถิติที่ผ่านมาคือนักศึกษาที่เรียนจบจากที่นี่กว่า 93% ได้งานทำภายใน 6 เดือนหลังจบการศึกษา
Toronto Metropolitan University
- มหาวิทยาลัยชั้นนำของแคนาดาที่ตั้งอยู่ในเมืองที่ใหญ่และมีความหลากหลายมากที่สุดในประเทศ
- รูปแบบการเรียนการสอนจะเน้นการเรียนจากประสบการณ์ นักศึกษาได้ลงมือทำจริง ให้ความสำคัญกับนักศึกษาเป็นหลักและเน้นเสริมสร้างความพร้อมทางอาชีพให้กับทุกคน เรียกว่าเรียนจบแล้วพร้อมลุยงานได้เลย
- มีการคิดค้นรูปแบบการเรียนที่ไม่เหมือนใคร เช่น “Zone Learning” ซึ่งเน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำเอาความรู้และทักษะที่ได้ไปปรับใช้กับการทำงานจริงในทุกอุตสาหกรรม
- มีการลงทุนพัฒนาอาคารเรียน สิ่งอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์การเรียนอย่างต่อเนื่อง
รู้จักกับ 3 ประเภทของ Express Entry
1. Canadian Experience Class (CEC)
สำหรับนักศึกษาที่เรียนจบและมีประสบการณ์การทำงานในแคนาดา หรือคนทำงานที่มีประสบการณ์การทำงานในแคนาดาในสาขาที่ทางรัฐต้องการ
- เหมาะกับใคร?
- นักเรียนไทยที่มาเรียนต่อแคนาดา และอยู่ทำงานต่ออย่างน้อย 1 ปีด้วย Post-graduation Work Permit Program (PGWP)
- ผู้ที่มีทักษะหรือประสบการณ์การทำงานในสาขาที่ทางรัฐต้องการ
- คุณสมบัติของผู้สมัคร
- มีประสบการณ์การทำงานเต็มเวลา (Full-time) ขั้นต่ำ 12 เดือนหรือทำงานพาร์ตไทม์ในระยะเวลาเทียบเท่า ในประเทศแคนาดามาก่อน
- มีประสบการณ์การทำงานดังกล่าวภายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานับจากวันที่ทำการสมัคร
- มีประสบการณ์การทำงานในสาขาและระดับที่ทางรัฐต้องการ คือต้องมีตำแหน่งงานในลิสต์ NOC และอยู่ในระดับ TEER 0, TEER 1, TEER 2, TEER 3 (อ่านรายละเอียดเรื่อง TEER หรือการจัดระดับทักษะอาชีพต่อได้ในบทความนี้)
- ต้องทำงานอย่างถูกกฎหมายมาโดยตลอด
- ถ้าทำงานระหว่างเรียนต่อไปด้วย ช่วงเวลาทำงานในตอนนั้นจะไม่สามารถนำมานับรวมในนี้ได้
- ต้องมีผลคะแนน IELTS (IELTS General Training) ไม่ต่ำกว่า 6.0 และต้องไม่ต่ำกว่า 6.0 ในทุกพาร์ท ทั้ง Listening, Speaking, Reading และ Writing
- ไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานทางการเงิน
- ไม่ได้ระบุวุฒิการศึกษาขั้นต่ำ แต่ถ้ามีวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายขึ้นไป หรือระดับปริญญาขึ้นไป จะได้รับแต้มสูงขึ้น และถ้าจบจากมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับก็จะได้แต้มเพิ่มด้วย
- มีความตั้งใจจะย้ายมาอยู่แคนาดา จะเป็นจังหวัดไหนก็ได้ยกเว้นจังหวัด Quebec
2. Federal Skilled Worker Program (FWP)
สำหรับชาวต่างชาติที่มีประสบการณ์การทำงานและคุณสมบัติอื่น ๆ รวมถึงวุฒิการศึกษาตามที่กำหนด
- เหมาะกับใคร?
- คนทำงานที่มีประสบการณ์การทำงานในบางสาขา
- ต้องมี Job Offer จากบริษัทในแคนาดาอย่างเป็นทางการ
- ไม่จำเป็นต้องจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันศึกษาในแคนาดาเท่านั้น
- คุณสมบัติของผู้สมัคร
- มีคุณสมบัติขั้นต่ำตามที่รัฐกำหนดทั้ง 3 ด้าน คือ ประสบการณ์การทำงาน ความสามารถทางภาษา และวุฒิการศึกษา
- มีหลักฐานและประวัติการทำงานที่แสดงให้เห็นว่าได้ทำหน้าที่ตามตำแหน่งงานได้อย่างดี
- มีประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งหรืออาชีพที่เกี่ยวข้องมาอย่างน้อย 1 ปี และต้องได้รับตำแหน่งหรืออาชีพนั้นมาภายในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา (ถ้าเก่าเกินกว่านั้นสมัครไม่ได้)
- มีประสบการณ์การทำงานในสาขาและระดับที่ทางรัฐต้องการ คือ ต้องมีตำแหน่งงานในลิสท์ NOC และอยู่ในระดับ TEER 0, TEER 1, TEER 2, TEER 3 (อ่านรายละเอียดเรื่อง TEER หรือการจัดระดับทักษะอาชีพต่อได้ในบทความนี้)
- ต้องมีผลคะแนน IELTS (IELTS General Training) ไม่ต่ำกว่า 6.0 และต้องไม่ต่ำกว่า 6.0 ในทุกพาร์ท ทั้ง Listening, Speaking, Reading และ Writing
- แคนาดามีการเทียบคะแนน IELTS เข้ากับผลในระบบของประเทศเขาเอง นั่นคือ Canadian Language Benchmark (CLB) ยิ่ง IELTS สูง คะแนน CLB ก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งแปลว่ามีสิทธิ์ได้ PR Canada มากขึ้น
- มีหลักฐานทางการเงินแสดงให้เห็นว่ามีเงินทุนสำรองพอจะเลี้ยงตัวเองและครอบครัว (ถ้ามี) ได้ เช่น
- สำหรับผู้สมัคร 1 คน ต้องมีเงินเก็บ $14,690
- สำหรับผู้สมัครและสมาชิกในครอบครัว รวมเป็น 2 คน ต้องมีเงินเก็บ $18,288
- มีความตั้งใจจะย้ายมาอยู่แคนาดา จะเป็นจังหวัดไหนก็ได้ยกเว้นจังหวัด Quebec
- ถ้าจบการศึกษาในสาขาที่เป็นที่ต้องการของแคนาดาและจบจากมหาวิทยาลัยในแคนาดา จะได้คะแนนเพิ่ม
3. Federal Skilled Trades Program
สำหรับคนที่มีทักษะและความสามารถเฉพาะทาง ต้องมีการได้รับเสนอตำแหน่งงานหรือมีวุฒิที่กำหนด เช่น สาขาการก่อสร้าง สาขาคมนาคม
- เหมาะกับใคร?
- คนทำงานที่มีประสบการณ์การทำงานเฉพาะทางในสาขาที่กำหนด
- ต้องมี Job Offer จากบริษัทในแคนาดา
- คุณสมบัติของผู้สมัคร
- มีประสบการณ์การทำงานเฉพาะทางอย่างต่ำ 2 ปี และต้องได้รับตำแหน่งหรือทำอาชีพนั้นมาภายในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา (ถ้าเคยทำ แต่เกิน 5 ปีมาแล้วจะไม่สามารถสมัครได้)
- มีประสบการณ์การทำงานเฉพาะทางตามที่กำหนดเท่านั้น เช่น
- อุตสาหกรรมต่าง ๆ การไฟฟ้า และการก่อสร้าง
- การซ่อมแซม บำรุงรักษาเครื่องปฎิบัติการต่าง ๆ
- งานที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรทางธรรมชาติ การเกษตรหรือการผลิตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- งานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการการผลิต รวมถึงการควบคุมและสั่งงานเครื่องปฎิบัติการ
- เชฟ หรือ พ่อครัว/แม่ครัว
- คนขายเนื้อ นักอบขนม
- มีผลคะแนน IELTS (IELTS General Training) ไม่ต่ำกว่า 5.0 ในพาร์ท Listening กับ Speaking และไม่ต่ำกว่า 4.5 ในพาร์ท Reading และ Writing
- ได้รับการเสนองานหรือทำงานเต็มเวลาอย่างต่ำ 12 เดือน หรือมีวุฒิและใบประกาศนียบัตรที่ออกโดยองค์กรที่เป็นที่ยอมรับในแคนาดาด้วย
- มีความตั้งใจจะย้ายมาอยู่แคนาดา จะเป็นจังหวัดไหนก็ได้ยกเว้นจังหวัด Quebec
- ถ้าจบการศึกษาในสาขาที่เป็นที่ต้องการของแคนาดาและจบจากมหาวิทยาลัยในแคนาดา จะได้คะแนนเพิ่ม
หลังจากส่งใบสมัครแล้ว ทำยังไงต่อ
ผู้สมัครทั้งหมดจะถูกประเมินและนับแต้ม ซึ่งผู้ที่ได้แต้มสูงที่สุดจะได้รับคำเชิญให้มาสมัคร Permanent Resident Visa หรือ PR แคนาดา โดยทางการจะส่งคำเชิญให้เป็นรอบ ๆ แต่ละรอบจะระบุว่าเป็นคำเชิญสำหรับประเภทไหนและจะส่งคำเชิญให้ได้กี่คน
ระยะเวลาการพิจารณาใบสมัคร
ทางการจะใช้เวลาพิจารณาใบสมัครขั้นต่ำอยู่ที่ 6 เดือน รวมระยะเวลานับจากส่งใบสมัครไปจนถึงการอนุมัติออก Permanent Resident Visa หรือ PR แคนาดาให้ โดย Profile หรือรายละเอียดของผู้สมัครจะถูกบันทึกอยู่ในฐานผู้สมัคร (Candidate Pool) เป็นเวลา 12 เดือน
ถ้าหากผู้สมัครได้รับการคัดเลือกและได้รับคำเชิญให้สมัครขอวีซ่าถาวร หรือ Invitation to Apply (ITA) ผู้สมัครจะต้องส่งหลักฐานและใบสมัครแบบละเอียดให้กับรัฐบาลแคนาดาภายใน 60 วัน
กรณีผู้สมัครไม่ได้รับการคัดเลือก ประวัติและรายละเอียดจะยังอยู่ในฐานนั้นจนครบ 12 เดือน
วิธีสมัครขอ PR ผ่านระบบ Express Entry
ผู้ที่ต้องการสมัครขอ Permanent Resident จะต้องทำตาม 3 ขั้นตอน ดังนี้
- ส่งใบสมัคร ซึ่งต้องประกอบไปด้วยเอกสารเพิ่มเติม เช่น ผลการทดสอบความสามารถด้านภาษา (Language Test Results) ใบเทียบวุฒิการศึกษา (Educational Credential Assessment Report) พาสปอร์ต
- หลังจากส่งใบสมัครและเอกสารอื่น ๆ ไปแล้ว ผู้สมัครจะได้รับแจ้งคะแนนของตัวเองหรือที่เรียกกันว่า คะแนน Comprehensive Ranking System (CRS) โดยรัฐบาลแคนาดาจะนำคะแนนของแต่ละคนมาเทียบกับผู้สมัครทั้งหมดในฐานเดียวกัน (Candidate Pool) ยิ่งได้คะแนนสูง ก็ยิ่งมีลุ้นได้วีซ่าถาวรแคนาดาสูงขึ้น จากนั้นผู้สมัครจะสามารถสร้าง Express Entry Profile เพื่อสมัครงานตามเว็บไซต์ได้
- หากได้รับการคัดเลือก ผู้สมัครจะได้รับคำเชิญเข้าสมัครขอวีซ่าถาวรแคนาดา หรือ Canadian Permanent Residence ในขั้นตอนนี้ผู้สมัครต้องส่งเอกสารและหลักฐานอื่น ๆ ตามที่ทางรัฐขอ เช่น จดหมายอ้างอิงจากที่ทำงาน (Reference Letters), ผลการตรวจสอบสุขภาพ เอกสารทั้งหมดต้องส่งภายใน 60 วัน
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เข้าระบบ Express Entry เพื่อขอ PR แคนาดา
- การสมัครขอ Permanent Resident แคนาดาผ่านระบบ Express Entry เหมาะกับผู้ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางหรือมีประสบการณ์การทำงานในสาขาที่ขาดแคลน เช่น พยาบาล งานไอที งานบัญชีและไฟแนนซ์ วิศวกรรมศาสตร์
ผู้สมัครควรมีวุฒิที่เหมาะสมกับหน้าที่การงานที่จะสมัคร เช่น วุฒิปริญญา (แล้วแต่ตำแหน่งและสาขางาน) จากสถาบันศึกษาที่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลแคนาดา

รูปแบบนี้เหมาะสำหรับนักเรียนหรือคนทำงานที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเข้าตากรรมการของแต่ละจังหวัด เพราะเป็นโครงการที่แต่ละจังหวัดในแคนาดาจะทำการเสนอชื่อชาวต่างชาติที่อยากย้ายมาทำงานหรือตั้งถิ่นฐานในจังหวัดนั้น ๆ ขึ้นมาให้รับ Permanent Resident ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องมีทักษะ คุณสมบัติ มีความรู้ความสามารถที่โดดเด่น และตรงกับความต้องการของรัฐบาลแคนาดา โดยแต่ละจังหวัดจะมีเกณฑ์การคัดเลือกตัวแทนที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งรัฐบาลของแต่จังหวัดเป็นผู้พิจารณาผู้สมัครเอง ทั้งนี้จังหวัด Quebec และจังหวัด Nunavut เป็นเพียง 2 จังหวัดที่ไม่ได้มีโปรแกรมนี้
วิธีสมัครขอวีซ่าถาวรแคนาดาผ่านระบบ Provincial Nominee Program
- ผู้สมัครจะต้องอ่านรายละเอียดและหาข้อมูลเกี่ยวกับ PNP ในจังหวัดที่ตัวเองสนใจ ถ้ามีคุณสมบัติครบ ก็สามารถยื่นใบสมัครกับจังหวัดนั้น ๆ ได้โดยตรง
- หากได้รับการคัดเลือก ทางจังหวัดจะเสนอชื่อของเราเพื่อเริ่มต้นการขอวีซ่าถาวรให้
- เมื่อผ่านแล้วเราจะต้องส่งใบสมัครและเอกสารทั้งหมดไปที่รัฐบาลกลาง จากนั้นก็รอรับ Permanent Resident ได้เลย
- ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลา 6 - 18 เดือน ขึ้นอยู่กับวิธีการส่งใบสมัคร (การส่งใบสมัครแบบออนไลน์จะดำเนินการเร็วกว่าแบบฟอร์มกระดาษ)
ก่อนที่จะเริ่มหางานในแคนาดา เราต้องทำความรู้จักกับโค้ดสำหรับแต่ละอาชีพ (National Occupational Classification หรือ NOC) และระดับอาชีพ (Skill Type) ในแคนาดากันก่อน เนื่องจากประเทศแคนาดามีปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานเฉพาะทาง ทางรัฐบาลของเขาก็ไม่นิ่งนอนใจและมีโครงการเปิดรับแรงงานที่อยู่ในลิสต์อาชีพที่ขาดแคลน (Shortage Occupation List) โดยมีการแบ่งกลุ่มทักษะและอาชีพหลัก ๆ ไว้ดังนี้
Skill Type หรือ ระดับอาชีพ ในแคนาดา
ระดับอาชีพในแคนาดา จะแบ่งออกมาเป็นทั้งหมด 6 ระดับ ดังนี้
TEER 0: Management occupations
ระดับอาชีพนี้คืออาชีพด้านการจัดการ (Management) เช่น ผู้จัดการด้านการตลาดหรือการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์, ผู้จัดการด้านไฟแนนซ์
TEER 1: Occupations that usually require a university degree
ระดับอาชีพนี้คืองานที่ผู้สมัครต้องมีวุฒิปริญญาและเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัย เช่น ผู้เชี่ยวชาญและให้คำปรึกษาด้านการเงิน, วิศวกรซอฟต์แวร์ หรือ Software Engineer
TEER 2: Occupations that usually require a college diploma, apprenticeship training of 2+ years or supervisory occupations
ระดับอาชีพนี้คือ งานด้านเทคนิคเฉพาะทาง และงานที่ใช้วุฒิ College Diploma หรือผ่านการอบรม 2 ปีขึ้นไปมาก่อน เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ก นักพัฒนาเว็บไซต์ นักเทคนิคการแพทย์
TEER 3: Occupations that usually require a college diploma, apprenticeship training of less than 2 years or more than 6 months of on-the-job training
ระดับอาชีพนี้คืองานที่ใช้วุฒิ College Diploma หรือผ่านการอบรมในหลักสูตรน้อยกว่า 2 ปี หรือฝึกงานเฉพาะทางมานานกว่า 6 เดือน เช่น เชฟอบขนม ผู้ช่วยทันตแพทย์ ผู้ช่วยในแล็บด้านทันตแพทย์
TEER 4: Occupations that require a high school diploma or several weeks of on-the-job training
ระดับอาชีพนี้คือ งานที่ใช้วุฒิระดับมัธยมปลายขึ้นไป หรือฝึกงานในหลักสูตรระยะสั้น เช่น ผู้ช่วยดูแลเด็ก พนักงานขายสินค้าในห้างสรรพสินค้าหรือร้านต่าง ๆ
TEER 5: Occupations that usually need short-term work demonstration and no formal education
ระดับอาชีพนี้คือ งานที่ต้องผ่านการอบรมมาก่อน โดยไม่จำกัดวุฒิ เช่น พนักงานขับรถส่งของ ผู้รับจ้างงานแรงงานประเภทต่าง ๆ
NOC Code List คืออะไร?
NOC ย่อมาจาก National Occupation Classification ซึ่ง NOC Code List คือลิสต์ที่จัดทำขึ้นโดยรัฐบาลแคนาดา โดยรวมอาชีพต่าง ๆ ในตลาดแรงงานแคนาดาเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีการกำหนดโค้ดเอาไว้สำหรับทุกอาชีพ โค้ดนี้จะเอาไว้ใช้หางานและสมัครงาน นอกจากนั้นลิสต์นี้ยังมีการระบุอาชีพที่เป็นที่ต้องการอย่างมากหรืออาชีพที่ตลาดแรงงานขาดแคลนไว้ด้วย
ถ้าผู้สมัครชาวต่างชาติต้องการย้ายถิ่นฐานและขอ Permanent Residence เพื่อมาอยู่แคนาดา ผู้สมัครจะต้องมีประสบการณ์การทำงานในอาชีพที่อยู่ใน NOC TEER Categories: TEER 1 - 3 เท่านั้น ซึ่งก่อนจะยื่นเรื่องขอวีซ่าถาวรแคนาดา เราจำเป็นต้องรู้โค้ด NOC ของเราก่อน โดยเราสามารถค้นหาอาชีพ ตำแหน่งและระดับหน้าที่การงานของเราได้จากเว็บไซต์ NOC matrix
Permanent Resident (PR) หรือวีซ่าถาวรของแคนาดา คือโอกาสที่ชาวต่างชาติที่อยากเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในต่างแดนจะสามารถย้ายไปทำงานและใช้ชีวิตที่นั่นได้แบบถาวร มีสิทธิ์เกือบเทียบเท่าประชาชนของแคนาดา โดยใครที่สนใจก็สามารถสมัครได้หลายวิธี เช่น สมัครผ่านระบบ Express Entry, Provincial Nominee Program หรือเรียนต่อในแคนาดาแล้วขอ PR ภายหลัง ทั้งนี้ต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ เช่น ทักษะเฉพาะทาง, ความสามารถทางภาษา, และประสบการณ์ทำงานในสายที่แคนาดาต้องการ
หมายเหตุ: บทความนี้เขียนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 กฎหมายแรงงานและกฎวีซ่านักเรียนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แนะนำให้อัปเดตกับสถานทูตแคนาดา หรือ IDP Hotcourses Thailand อย่างสม่ำเสมอ
ที่มา:
iasservices.org.
idp.com
canadim.com
th.y-axis.com
canada.ca