- อาการเสพติดน้ำตาลคือการที่รู้สึกโหยหาน้ำตาล ถ้าไม่ได้กินอะไรหวาน ๆ จะซึม หดหู่ และอาจมีอารมณ์แปรปรวน สมาธิสั้นได้
- โรคที่เกิดจากการเสพติดน้ำตาล คือ โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด
- วิธีป้องกันการเสพติดน้ำตาล คือ ไม่ปรุงอาหารรสหวาน เลี่ยงขนมและเครื่องดื่มรสหวาน
|
|
ในช่วงหน้าร้อนเราก็อยากจะดื่มอะไรหวาน ๆ เย็น ๆ ให้ร่างกายสดชื่น ยิ่งในสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ทำให้เราต้องกักตัวอยู่บ้านออกไปข้างนอกเท่าที่จำเป็น หลาย ๆ คนเลยซื้อเครื่องดื่มไม่ว่าจะเป็น น้ำอัดลม น้ำชา น้ำสมุนไพร น้ำผลไม้พร้อมดื่ม มาติดบ้านไว้จำนวนมาก รวมไปถึงไอศกรีม ขนมหวาน อาหารรสหวาน แต่การดื่มหรือทานอาหารเหล่านั้นเป็นประจำทุกวันอาจทำให้เสพติดน้ำตาล และส่งผลต่อสุขภาพตามมาได้
อาการเสพติดน้ำตาลเป็นยังไง?
การเสพติดน้ำตาลที่เรียกว่า “Sugar Blues” ทำให้ร่างกายรู้สึกโหยหานํ้าตาลทั้งวัน โดยเฉพาะช่วงเวลาประมาณสิบโมงเช้า และบ่ายสามโมง ถ้าไม่ได้กินน้ำตาลจะทำให้หดหู่หรือซึมเศร้าผิดปกติ นั่นก็เพราะเกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ถ้าปล่อยให้ร่างกายเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จะยิ่งส่งผลเสียกับร่างกาย ทำให้อารมณ์แปรปรวน โมโหง่าย สมาธิสั้น เป็นภูมิแพ้ ความดันโลหิตต่ำ และเกิดโรคอื่น ๆ ตามมา
โรคที่เกิดขึ้นจากการเสพติดน้ำตาล
1. โรคเบาหวาน
การได้รับปริมาณน้ำตาลเกินความจำเป็น ทำให้ร่างกายเผาผลาญหรือใช้ไม่หมด กลายเป็นไขมันสะสม ซึ่งเป็นสาเหตุให้ร่างกายหลั่งอินซูลินมากเกินความจำเป็น ในระยะยาวอาจเกิดการต้านอินซูลิน และทำให้เป็นโรคเบาหวานได้
2. โรคอ้วน
การบริโภคน้ำตาลปริมาณสูงเป็นประจำ จะกลายเป็นพลังงานส่วนเกินที่ร่างกายเก็บสะสมไว้ในรูปของไขมัน ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และอ้วนในที่สุด
3. โรคหัวใจและหลอดเลือด
เมื่อร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ระบบสูบฉีดเลือดมีการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป ที่เห็นได้ชัดคือการเพิ่มคอเลสเตอรอลเลว (LDL) เพิ่มไตรกลีเซอไรด์ รวมถึงทำให้อินซูลินมีการหลั่งมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจโดยตรง
4. ฟันผุ
การดื่มหรือทานอาหารที่มีน้ำตาลนั้นเป็นอีกสาเหตุของฟันผุ เพราะน้ำตาลที่ตกค้างจะกลายเป็นอาหารของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ภายในช่องปากที่เป็นตัวการทำให้ฟันผุ นอกจากฟันผุแล้วยังทำให้เกิดการจับตัวของแบคทีเรียกับน้ำตาลกลายเป็นคราบหินปูนอีกด้วย
วิธีเริ่มลดการกินหวาน
1. เมื่อต้องทำอาหารเอง หรือกินอาหารที่มีเครื่องปรุงมาให้ พยายามอย่าเติมน้ำตาลหรือปรุงรสหวานในอาหาร
2. หลีกเลี่ยงการกินขนมหวาน หากอยากได้ของกินเล่น ลองหันมาเลือกผลไม้ที่มีรสหวานน้อย ๆ เช่น มะละกอ ส้มโอ สับปะรด แทน
3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวานต่าง ๆ เช่น น้ำอัดลม หรือน้ำหวาน
ที่สำคัญคือเราควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินน้ำตาลให้พอดีกับร่างกายต้องการ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และดูสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่ตลอด
JobThai เปิด Official Group แล้ว
ถ้ากำลังหางาน หาคน หรืออยากพูดคุยทุกเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน มา Join กับเราเลย
ที่มา :
honestdocs.co
sukumvithospital.com
bangkokhospital.com
thaihealth.or.th