เชื่อว่าคนทำงานคงคุ้นเคยกับการเล่นเกมมาบ้างไม่มากก็น้อย หลายคนอาจมองการเล่นเป็นกิจกรรมเพื่อความสนุกสนานเพียงอย่างเดียว แต่รู้ไหมว่าจริง ๆ แล้วการเล่นเกมนั้นอาจมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิดและบางครั้งยังช่วยพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานได้อีกด้วย ไม่ว่าคุณจะชอบเล่นเกมบนแพลตฟอร์มไหน จะเล่นบนคอมพิวเตอร์แบบ PC เครื่องเล่นเกม Console หรือเกมมือถือ JobThai จะพาไปดูว่านอกจากความบันเทิงแล้วการเล่นเกมมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ยังไงบ้าง และเราจะใช้ทักษะที่ได้มาปรับใช้กับการทำงานได้ยังไง 

ประโยชน์ของเกมที่มีมากกว่าความสนุก

วิดีโอเกมเป็นสื่อได้รับความนิยมเพราะทำให้เราอินไปกับกลไกการเล่นและการเล่าเรื่องในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในสื่อรูปแบบอื่น ตัวอย่างของเกมที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างดีเยี่ยมคือเกมที่มีชื่อว่า The Last of Us ซึ่งพูดถึงการต่อสู้เอาชีวิตรอดของมนุษย์ในยุคที่โลกล่มสลาย เรื่องราวทำนองนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ในรูปแบบภาพยนตร์หรือหนังสือนิยาย แต่ข้อได้เปรียบของเกมคือมันทำให้เราเข้าถึงเนื้อหาได้มากกว่าการดูวิดีโอทั่ว ๆ ไป เพราะเราตอบโต้กับตัวละครและเลือกทำสิ่งต่าง ๆ ในโลกของเกมได้ตามที่ผู้พัฒนาเกมสร้างเอาไว้ เรื่องราวที่ลุ้นระทึกและน่าประทับใจของตัวละครใน The Last of Us จึงได้ถูกนำไปสร้างเป็นซีรีส์ฉบับคนแสดงทางช่อง HBO และได้รับความนิยมเช่นเดียวกับตัวเกม 

นอกจากความบันเทิงแล้วเกมยังให้สาระกับคนเล่นได้อีกด้วย อย่างเกมที่มีชื่อว่า Assassin's Creed ก็จะย้อนเวลาพาเราไปพบกับวิถีชีวิตของผู้คนและสถาปัตยกรรมของหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอิตาลี สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส อียิปต์ และกรีซ  สำหรับคนที่ชอบเรื่องราวของประวัติศาสตร์ของอารยธรรมในยุคต่าง ๆ  ตัวเกมในภาคใหม่ ๆ ก็มีโหมดพิเศษที่เรียกว่า Discovery Tour ซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถสำรวจและเรียนรู้วัฒนธรรมของ อิยิปต์ กรีซ และชาวไวกิ้ง ได้แบบเจาะลึกเหมือนเดินดูพิพิธภัณฑ์แบบเสมือนจริงเลยทีเดียว  

ในด้านการศึกษาเกมได้รับการยอมรับให้เป็นสื่อที่ช่วยเรื่องการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีและไม่ได้จำกัดเพียงเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็กเท่านั้น นอกเหนือจากเกมในท้องตลาดที่เราเล่นกันทั่วไปแล้ว ยังมีเกมอีกประเภทหนี่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อการสอนงานคนในสาขาอาชีพต่าง ๆ เช่น การจำลองโปรแกรมการบินของนักบินฝึกหัด หรือ ในวงการแพทย์ก็มีเกมจำลองการผ่าตัดที่ให้นักศึกษาแพทย์เรียนรู้ก่อนรักษาคนไข้จริงได้ โดยรวมแล้วเกมประเภทนี้เรียกว่า Serious Games ซึ่งเป็นเกมที่ถูกออกแบบมาเพื่อจำลองสถานการณ์ สร้างประสบการณ์และความสมจริงเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และการออกแบบว่าอยากทำให้คนทำงานในสายงานนั้น ๆ ได้ฝึกฝนทักษะอะไร    

การเล่นเกมได้ถูกหยิบยกมาเป็นหัวข้อในการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์อยู่บ่อยครั้ง เช่น การศึกษาชิ้นหนึ่งที่รับรองโดยสถาบัน National Institute on Drug Abuse (NIDA) ของสหรัฐอเมริกา ได้ทำการเก็บข้อมูลกับเด็กจำนวน 2,000 คน พบว่ากลุ่มเด็กที่เล่นเกมวันละ 3 ชั่วโมงขึ้นไปต่อวัน มีผลทดสอบด้านความจำ และทักษะทางปัญญา (Cognitive Skills) ซึ่งเป็นความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าท้ายได้ดีกว่าเด็กกลุ่มที่ไม่ได้เล่นเกม ในขณะที่งานวิจัยอีกชิ้นนึงของ Geogia State University ที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร NeuroImage ก็ได้รายงานในทำนองเดียวกันว่าคนที่เล่นเกมเป็นประจำจะมีแนวโน้มที่ตัดสินใจได้ไวและแม่นยำกว่าคนที่ไม่ได้เป็นเกมเมอร์ ซึ่งเป็นผลวิเคราะห์จากการตรวจการทำงานของสมองในขณะที่ผู้เข้าร่วมการทดลองต้องกดปุ่มทิศทางเพื่อตอบสนองให้ทันกับการเคลื่อนไหวของจุดบนหน้าจอ

ข้ามมายังประเทศอังกฤษ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย York ตั้งข้อสันนิษฐานว่าประเภทของเกมนั้นน่าจะส่งผลต่อความจำและสมาธิของคนเราต่างกันออกไป จึงได้ทำการทดลองกับกลุ่มคนวัยรุ่นไปจนถึงผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 18-30 ปี จำนวน 209 คน ในขณะเดียวกันก็มีการทดลองกับกลุ่มผู้สูงอายุจำนวน 181 คน ที่มีอายุ 60 ไปจนถึง 80 ปี โดยมีการเก็บข้อมูลด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวเกม แพลตฟอร์ม ความถี่และระยะเวลาที่เล่น และข้อมูลที่จำเป็นต่อการประเมินผล ผู้วิจัยได้ข้อสรุปที่น่าสนใจว่ากลุ่มผู้ใหญ่กลุ่มแรกที่เล่นเกมแนววางแผนกลยุทธ์ (Strategy Games) นั้นมีผลทดสอบด้านความทรงจำและการทนต่อสิ่งรบกวนรอบข้างได้ดี ในขณะที่ผู้สูงอายุในกลุ่มที่สองนั้นมีความจำที่ดีและมีสมาธิมากขึ้นจากการเล่นเกมประเภทไขปริศนา (Puzzle Games) มากกว่าเกมประเภทอื่น ๆ แม้การเล่นเกมจะไม่ได้หมายถึงการทำงานเก่งเสมอไป แต่ตัวอย่างการศึกษาที่พูดถึงไปแล้วน่าจะทำให้เราเห็นว่าการเล่นเกมนั้นทำให้เราได้ฝึกฝนกระบวนการคิด การตัดสินใจ รวมไปถึงการตอบสนองที่ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำงานในแต่ละวันเช่นกัน 

เมื่อได้เห็นแง่มุมของการเล่นเกมที่นอกเหนือจากความสนุกเพียงอย่างเดียวกันแล้ว ต่อไปเราจะพาไปเจาะลึกว่าเล่นเกมประเภทไหนแล้วจะได้ทักษะอะไรกันบ้าง    

เกมแนวต่อสู้ ยิงปืน และเกมขับรถแข่ง ฝึกการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเกมต่อสู้อย่าง Street Fighter เกมยิงปืนชื่อติดหูอย่าง Call of Duty เกมขับรถแข่งสนุก ๆ อย่าง Mario Kart หรือเกมจำลองการขับรถแบบจริงจังอย่าง Gran Turismo เกมเหล่านี้เป็นเกมที่เน้นการแข่งกันเพื่อให้ได้เป็นที่หนึ่งเหนือคู่ต่อสู้ซึ่งน่าตื่นเต้นสำหรับผู้เล่นทั่วไป แต่สำหรับคนที่มีนิสัยชอบเอาชนะหรือเกมเมอร์ที่เอาจริงเอาจัง พวกเขาจะมองว่าเกมนี้เปรียบเสมือนสนามรบเลยทีเดียว เพราะทุกการตัดสินใจนั้นอาจส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ท้ายเกมได้  

ก่อนเริ่มเกมและระหว่างการเล่นผู้เล่นเกมพวกนี้ต้องขบคิดและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอยู่ตลอดเวลา เช่น เกมแนวต่อสู้ก็ต้องมีการเลือกตัวละคร ต้องประเมินทักษะของคู่ต่อสู้และหาวิธีป้องกันและสวนกลับเมื่อมีโอกาส เกมแนวยิงปืนก็ต้องมีการเลือกประเภทอาวุธที่ถนัด ถ้าเป็นโหมดชิงธงยึดพื้นจากทีมฝั่งตรงข้ามก็ต้องมีการวางแผนและสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมหรือสั่งการ AI ให้คอยสนับสนุน ยิ่งเกมแนวขับรถแข่งยิ่งต้องเลือกรุ่นรถและปรับแต่งรถให้ดี วิเคราะห์สนามและมีสมาธิกับการหักเลี้ยวตามไลน์ของสนาม เพราะการเลี้ยวพลาดเพียงแค่โค้งเดียวก็อาจทำให้แพ้ได้

คนเล่นเกมแนวนี้จึงคุ้นเคยกับการประเมินสถานการณ์ก่อนเริ่มเกม ตลอดจนรู้จักการตัดสินใจและลงมือทำอย่างรวดเร็วตามจังหวะของเกม เมื่อเจอปัญหาก็ต้องแก้ไขทันที ถึงจะสามารถทำตามเป้าหมาย หรือพลิกสถานการณ์จากฝ่ายที่เสียเปรียบอยู่กลับมาได้เปรียบได้ ในโลกการทำงานจริงคนที่สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจที่สำคัญและลงมือทำได้ภายใต้เงื่อนไขเวลาที่มีจำกัด แถมยังใจเย็นพอที่จะทำงานได้อย่างรัดกุมในสถานการณ์ที่บีบคั้น จะสามารถเป็นที่หนึ่งได้ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันกันสูง

เกมแนววางแผนการรบ ฝึกการคิดเชิงกลยุทธ์

แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าคุณต้องวางแผนให้เป็นถึงชนะเกมแนวนี้ เกมวางแผนการรบจะมีทั้งการเล่นจังหวะที่รวดเร็วหรือที่เรียกว่า Real Time Strategy อย่างเกม Command & Conquer: Red Alert, Warhammer, StarCraft แต่บางเกมยังมีระบบ Turn Based ที่มีจังหวะการเล่นที่เนิบช้าผลัดกันโจมตีคนละรอบและกินเวลาหลายชั่วโมงอย่างเกม Civilization ที่จะให้เราเริ่มต้นสร้างเมืองได้ตั้งแต่ยุคอารยธรรมโบราณไปจนถึงยุคสมัยใหม่ เกมแนววางแผนการรบจะช่วยให้เราฝึกทักษะการคิดแบบเป็นระบบ ตัวเกมจะมีข้อมูลที่จำเป็นให้เราได้เรียนรู้ก่อนการทำสงครามจริง เช่น การสร้างฐานทัพที่เต็มไปด้วยอาคารสถานที่รูปแบบต่าง ๆ การเก็บเกี่ยวทรัพยากร การฝึกฝนเหล่าทหารและพัฒนาเทคโนโลยีของอาวุธชนิดต่าง ๆ เพื่อป้องกันหรือโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม เกมแนวนี้จึงเหมือนกับการเล่นหมากรุกที่จะต้องวางแผนกลยุทธ์ให้รอบคอบ บริหารจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ให้ดี และฝึกการทำตามเป้าหมายเล็ก ๆ เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ความสำเร็จของเป้าหมายใหญ่ต่อไป

เกมแนวสวมบทบาท ฝึกการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ  

Role-playing Game หรือเรียกย่อ ๆ ว่าเกม RPG นับเป็นแนวเกมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงเพราะทำให้เราได้เติมเต็มจินตนาการในการรับบทเป็นตัวละครในการผจญภัยแบบกลุ่มซึ่งโดยส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยอาชีพที่หลากหลาย เช่น นักรบที่ใช้ดาบในการต่อสู้ระยะประชิด แม่มดที่ใช้พลังเวทย์ นักธนูที่ถนัดการโจมตีจากระยะไกล หรืออาชีพอื่นตามแต่ละเกมจะจินตนาการ เกมแนวนี้ที่ประสบความสำเร็จจนมีภาคต่อหลายภาคก็ได้แก่ Final Fantasy, Diablo และ World of Warcraft 

ความน่าสนใจของเกม RPG ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะการทำงานคือ หลายเกมสร้างมาเป็นเกมออนไลน์ตั้งแต่ต้น หรือมีโหมดออนไลน์ที่ทำให้เราได้เล่นร่วมกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ได้เสริมเข้ามา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือการถือกำเนิดเกมแนว Multiplayer Online Battle Arena (MOBA) อย่าง Defense of the Ancients (DotA) เรื่อยมาจนถึง League of Legends และ Realm of Valor หรือ ROV ที่เกมเมอร์ชาวไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี การเลือกเล่นเป็นอาชีพที่มีทักษะการทำงานที่ต่างกันในทีมมีความสำคัญกับชัยชนะของทีม การเล่นแบบออนไลน์จึงบังคับให้ผู้เล่นแต่ละคนต้องสื่อสารผ่านไมค์และแบ่งหน้าที่กันให้ลงตัวในการต่อสู้แต่ละรอบ ใครฉายเดี่ยว เล่นแบบเอาแต่ใจจนแจกแต้มให้ทีมฝั่งตรงข้ามก็อาจจะโดนคนในทีมบ่นได้ เรียกได้ว่าต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ถ้าเราเป็นสายบู๊ก็จัดการศัตรูให้อยู่หมัด สาย Support ก็ต้องสร้างโล่หรือฮีลเลือดให้กับเพื่อนร่วมทีม ในแต่ละตาเราจะต้องหัดเป็นผู้เล่นหลายตำแหน่งที่ต่างกันออกไป รู้จักเป็นผู้นำในบางสถานการณ์ และเป็นผู้ตามบ้าง 

การเล่นเกมแบบออนไลน์ทำให้เราต้องพยายามทำให้เกิด Team Work กับคนที่เราไม่เคยรู้จัก เราจะได้เจอผู้เล่นหลากหลายประเภททั้งจากทีมเดียวกันและทีมฝั่งตรงข้าม ซึ่งไม่ต่างกับการทำงานในชีวิตจริงสักเท่าไหร่ ที่ต้องประสานงาน สื่อสารกับคนทั้งในแผนกและต่างแผนก เพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมายขององค์กร ในขณะเดียวกันเราก็ไม่รู้ว่าแต่ละวันจะต้องเจอความท้าทายในการทำงานอะไรบ้าง การได้สวมบทบาทเป็นตัวละครอื่น จะช่วยทำให้เราเห็นมุมมองที่แตกต่าง ซึ่งอาจจะทำให้เราเรียนรู้ที่จะเข้าอกเข้าใจคนอื่นมากขึ้น การเล่นเกมแนวนี้แบบออนไลน์จึงเหมือนกับการเรียนรู้การเข้าสังคมไปในตัว

เกมแนวบริหารร้าน ฝึกการบริหารเวลา

เกมบริหารร้านอาหารอย่าง Diner Dash และ My Hotpot Story หรือเกมทำอาหารอย่าง Overcookedมักจะมีระบบการเล่นที่มีเงื่อนไขทั้งเวลาและมีหน้าที่หลายอย่างให้เราได้ทำไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งเกมเหล่านี้ถ่ายทอดความจริงของชีวิตคนทำงานร้านอาหารออกมาได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เตรียมวัตถุดิบ ปรุงอาหาร นำอาหารที่เสร็จแล้วไปเสิร์ฟให้ลูกค้า และการทำความสะอาดภาชนะที่ใช้แล้ว     

อย่างไรก็ตามคนที่ไม่ได้ทำอาชีพสายนี้หรือคนที่ตั้งใจจะเล่นเกมแนวนี้เพื่อความสนุกเฉย ๆ ก็ยังได้เรียนรู้ที่จะบริหารจัดการเวลาควบคู่กับการรับมือกับงานหลายหน้าที่ (Multitasking) ไปพร้อม ๆ กัน ด้วยเวลาที่มีให้จำกัดผู้เล่นต้องเลือกให้ดีว่าจะทำอะไรก่อน-หลัง เช่น ถ้าเราให้ความสำคัญกับขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ ทำเตรียมไว้เยอะ ๆ ก็ต้องคิดเผื่อขั้นตอนต่อไปด้วยว่าการปรุงอาหารจะล่าช้าไปไหม ถ้าเรามัวปรุงอาหารจนลืมล้างจาน พอปรุงอาหารเสร็จก็จะไม่มีภาชนะเสิร์ฟให้ลูกค้า แน่นอนว่าการทำหลายอย่างพร้อมกันอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการทำงาน แต่ในความเป็นจริง งานอาจจะเข้ามาหาเราพร้อมกันทุกทาง ทำให้เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำหลายอย่างในเวลาไล่เลี่ยกัน การเล่นเกมบริหารเวลาจึงเป็นการฝึกการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง การให้น้ำหนักกับงานย่อยแต่ละชิ้นตามความเหมาะสม และอาจเป็นการซ้อมรับมือกับความเครียดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย   

เกมแนวไขปริศนา ฝึกความคิดสร้างสรรค์และความเป็นเหตุเป็นผล

เช่นเดียวกับการเล่นคิวบิก หรือการต่อจิ๊กซอว์ เกมแนวไขปริศนา (Puzzle) ไม่ว่าจะเป็นเกมต่อบล็อกสุดคลาสสิกอย่าง Tetris เกมจับผิดภาพอย่าง Photo Hunt เกมทดสอบสายตาหาของที่ซ่อนอยู่ในรูปอย่างHidden Objects หรือ เกมอย่าง Candy Crush หรือเกมหาทางออกจากห้องที่เราต้องแก้โจทย์ต่าง ๆ เพื่อหากุญแจหรือรหัสออกจากพื้นที่ก็ช่วยฝึกทักษะหลาย ๆ อย่าง ทั้งการแก้ปัญหา การคิดอย่างสร้างสรรค์ ความช่างสังเกต และช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำระยะสั้นได้เป็นอย่างดี เกมประเภทนี้จะทำให้เราเจอกับสถานการณ์ที่เหมือนไม่มีทางออก แต่ถ้าเราเล่นบ่อย ๆ และลองมองนอกกรอบ ใช้ความคิดสร้างสรรค์เข้ามาช่วย เราจะพบว่าเกมที่ยากขึ้นในแต่ละด่านอาจมีกฎเกณฑ์หรือแบบแผนบางอย่างในการไขปัญหาซ่อนอยู่ ทุกวันนี้เกมประเภทนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะเล่นกันได้ทุกวัยตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุ แถมสมัยนี้ยังหาเล่นได้ง่าย ๆ บนมือถือ ใครอยากฝึกการทำงานของสมองและสายตา หรือใครที่ชอบบ่นว่าช่วงนี้หลง ๆ ลืม ๆ ความจำไม่ค่อยจะดี คิดงานไม่ค่อยออกก็ลองไปหามาเล่นกันได้

เกมแนว Souls-Like ตายเริ่มใหม่ ฝึกความอดทน

ความยากของเกมบางครั้งก็สามารถกลายเป็นจุดขายได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลายเกมมีการเพิ่มโหมดแบบเหมือนโลกจริงคือ ถ้าตายแล้วตายเลยต้องเริ่มต้นเกมใหม่ตั้งแต่ต้น สำหรับคนที่ชอบความท้าทายสุด ๆ ในวงการเกมก็มีเกมประเภทที่เรียกว่า Souls-Like ที่มีชื่อมาจากเกม Demon’s Souls และ Dark Souls ที่ผู้เล่นจะต้องรับบทอัศวินปราบมารโดยเราจะต้องเจอกับศัตรูที่โหดหินตั้งแต่ศัตรูลิ่วล้อไปจนถึงบอสใหญ่ที่โจมตีแต่ละครั้งเลือดก็ลดแค่นิดเดียว หัวใจสำคัญของเกมประเภทนี้คือการจัดการกับค่า Stamina หรือ พลังในการเคลื่อนไหวของเราซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดให้เหมาะสมกับการโจมตีหรือหลบหลีกศัตรู

คนเล่นเกมแนวนี้นอกจากจะต้องเรียนรู้เรื่องการต่อสู้ให้ชำนาญแล้ว ยังต้องมีความช่างสังเกต ลองผิดลองถูกในการศึกษารูปแบบการโจมตีของศัตรูและปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของเราให้เข้ากับจังหวะของศัตรู และหากพลาดพลั้งจนตายไอเทมที่เราเก็บสะสมมาก็จะหายไปพร้อมกับการเริ่มต้นเกมใหม่ทั้งหมด บางคนตายเป็นร้อยรอบก็เอาชนะศัตรูไม่ได้ การปาจอยเกมทิ้งเพราะความโมโหจึงกลายเป็นมุกตลกที่เกมเมอร์สายนี้เข้าใจกันดี เกมแนวนี้จึงเหมาะกับการฝึกสภาพจิตใจและความอดทนเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับการทำงานที่บางครั้งไม่สามารถทำให้เสร็จภายในวันเดียวได้ หรือไม่สามารถควบคุมปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ได้ สิ่งที่เราทำได้คือการรู้จักความคุมตัวเอง ค่อย ๆ ประคับประคอง และพัฒนาต่อยอดไปเรื่อย ๆ จนถึงวันที่งานนั้นเสร็จสมบูรณ์ ใครอยากฝึกความอดทนของตัวเองก็ไปหาเกมที่มีชื่อว่า Sekiro, Nioh, Bloodborne หรือ Elden Ring มาลองดูได้ แล้วคุณจะเข้าใจว่าความยากที่แท้จริงคืออะไร 

การเล่นเกมก็เหมือนกับการดูหนัง ได้ฝึกทักษะด้านภาษาต่างประเทศไปในตัว  

โดยทั่วไปแล้วเกมที่ได้รับความนิยมมักจะใช้ภาษาแม่ของประเทศที่ผลิตเกมนั้น ๆ ออกมา แต่บางครั้งก็มีการเพิ่มทางเลือกทั้งซับไตเติลหรือเสียงพากย์ภาษาของประเทศที่มีฐานคนเล่นจำนวนมากเพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้า ทำให้เกมในท้องตลาดที่เราได้เล่นกันก็หนีไม่พ้นภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาสากลของโลก แต่บางเกมที่ผลิตมาเพื่อคนในประเทศ อย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ก็อาจจะมีเฉพาะภาษาดั้งเดิมเท่านั้น ดังนั้นเพื่อที่จะเข้าใจเนื้อเรื่องของการเล่นเกมบางเกม อย่างน้อย ๆ เราก็ต้องได้ภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐาน 

สำหรับคนที่ชอบเกมที่เนื้อหา ความจริงการดูบทสนทนาของตัวละครในเกมก็ไม่ต่างอะไรจากกการฝึกภาษาด้วยการดูหนัง เราต้องคอยสังเกตและฟังบทสนทนาอย่างตั้งใจเพื่อเข้าใจว่าเกมสั่งให้เราทำอะไรและจะเดินหน้าไปฉากถัดไปได้ยังไง โดยเฉพาะ เกม RPG หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่าเกมภาษา เพราะต้องมีความรู้ทางภาษาดีระดับหนึ่งในการเล่นนั่นเอง สำหรับคนที่เก่งทักษะด้านภาษาอยู่แล้วก็คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่คนที่เพิ่งเริ่มเรียนรู้ภาษา ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ฝึกทักษะทั้งการอ่านคำบรรยายและการฟังบทสนทนาของตัวละครไปพร้อม ๆ กัน

ตัวอย่างที่น่าจะทำให้เห็นได้ชัดมากขึ้นคือเกมแนวผจญภัยที่เราต้องไปหาตัวละคร NPC (Non-playable Character) เพื่อรับภารกิจหาของสำคัญเพื่อช่วยเหลือตัวละครนั้น อาจจะเสียงพูดหรือมีตัวหนังสือขึ้นบนหน้าจอให้เราอ่าน บอกตำแหน่งบนแผนที่ และวิธีการต่าง ๆ ในการปลดล็อกไอเทม เช่น การเอาชนะศัตรูที่ครอบครองของสำคัญอยู่ หรืออาจจะเป็นภารกิจที่ต้องรีบทำให้ทันภายในระยะเวลาอันจำกัด คนไหนที่เล่นเกมประเภทนี้บ่อย ๆ สิ่งที่จะได้แน่ ๆ คือคลังคำศัพท์ที่เพิ่มขึ้น เพราะเกมแนวนี้มักจะใช้คำศัพท์เฉพาะทางมากกว่าคำศัพท์พื้นฐานทั่วไป นอกจากนี้บางเกมยังมีการใส่ลูกเล่น ให้เราอ่านคำถามภายในเวลาที่กำหนด ถ้าตอบไม่ทันหรือตอบผิดก็จะส่งผลต่อเนื้อเรื่องและฉากจบได้เลยทีเดียว เกมประเภทนี้จึงทำให้เราสนุกไปกับการเรียนรู้ทั้งภาษาและการตอบโต้บทสนทนาเหมือนกับเราได้คุยกับคนจริง ๆ แล้วคุณจะแปลกใจว่าคุณเก่งภาษามากขึ้นหลังจากที่เล่นเกมแนวนี้ไปแล้วหลายเกม

ประโยชน์ของเกมที่เอามาเล่าในในบทความนี้คงทำให้คนที่ไม่ค่อยเล่นเกมอยากจะลองเล่นเกมกันมากขึ้น ส่วนใครที่ชอบเล่นเกมอยู่แล้วก็อย่าลืมแบ่งเวลาและพักผ่อนให้เพียงพอกันด้วย หวังว่าจะทำให้คุณได้ไอเดียในการประยุกต์ใช้ทักษะที่เกิดจากการเล่นเกมให้เป็นประโยชน์กับการทำงานของคุณ จะว่าไปแล้วชีวิตการทำงานก็เหมือนการเล่นเกมที่เราต้องทำภารกิจ เก็บเลเวลและพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะประสบความสำเร็จนั่นเอง

ที่มา:

atlassian.com, clockify.me, dev.to, grendelgames.com, ign.com, insightsoftware.com, progresslifeline.org.uk, scitechdaily.com, sciencedirect.com, thecoverage.info, thegamer.com, verizon.com, verywellmind.com, videogames.org.au