คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการทำงานแบบ Professional ตอนที่ 1

31/08/21   |   56.7k   |  

 

 

ในโลกการทำงานทุกวันนี้ “ภาษาอังกฤษ” เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นต่อคนในแทบทุกสาขาอาชีพ เพราะมีประโยชน์ในการทำงานอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่ทำให้สามารถค้นคว้าหาความรู้ หรือลงคอร์สเรียนที่เป็นภาษาอังกฤษได้  หรือทำให้มีโอกาสได้พบปะหรือทำความรู้จักกับคนได้กว้างขวางมากขึ้น นอกจากนั้นองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่งก็ยังมีการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเป็นหลักอีกด้วย ซึ่งถ้าคุณสามารถใช้ภาษาได้ดีก็อาจจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทชั้นนำต่าง ๆ

 

ยังไงก็ตามขึ้นชื่อว่าภาษาไม่ว่าภาษาไหน ๆ ก็มักจะมีคำหลาย ๆ คำที่มีความหมายคล้ายคลึงหรือใช้แทนกันได้ เพียงแต่ต้องเลือกใช้ให้ถูกบริบทและกาลเทศะ ซึ่งภาษาอังกฤษก็เช่นกัน คำบางคำที่เราใช้จนชินปาก จริง ๆ แล้วอาจจะมีคำอื่นที่มีความหมายคล้ายกัน แต่เหมาะสมกว่าในบางสถานการณ์ก็ได้ ซึ่งบทความนี้ JobThai ก็มีคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการทำงานที่จะทำให้คุณดู Professional มากขึ้นมาฝาก 

 

ดาวน์โหลด JADOH Learning Application ได้ที่นี่

iOS

Android

 

 

Problem & Issue

เราคุ้นเคยกับการใช้คำว่า Problem เวลาพูดถึงปัญหา แต่ในบางสถานการณ์การใช้คำว่า Problem อาจจะทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดี เครียดและกังวลเกินความจำเป็นไป ดังนั้นเราอาจลองเอาคำว่า Issue ที่แปลว่าประเด็นมาใช้แทน เพื่อให้ดูน่าฟังกว่า

 

ตัวอย่าง

เปลี่ยนจาก “I think our team has a communication problem.” ที่แปลว่า “ฉันคิดว่าทีมของเรากำลังมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร” ไปเป็น “I think our team has a communication issue.” ที่พูดถึงประเด็นเรื่องการสื่อสารแทน โดยไม่ย้ำว่ามันคือปัญหา ก็จะทำให้คนฟังไม่รู้สึกเครียด บรรยากาศในการทำงานก็ไม่เสียด้วย

 

Talk & Discuss

คำว่า Talk เป็นเหมือนคำกันพลาดเวลาที่เราอยากจะสื่อสารออกไปว่าเราอยากพูดคุยอะไรบางอย่าง ซึ่งคำนี้ก็ใช้ได้ในกรณีทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าในการทำงานเราอยากจะพูดคุยให้เป็นทางการมากขึ้น จริงจัง และมีการขอความเห็นหรือถกปัญหากันระหว่างเพื่อนรวมงาน แนะนำว่าให้หยิบเอาคำว่า Discuss มาใช้จะดีกว่า

 

ตัวอย่าง

“We haven’t talked about the salary.” “เรายังไม่ได้คุยเรื่องเงินเดือนกันเลย” เปลี่ยนเป็น “We haven’t discussed the salary.” “เรายังไม่ได้ปรึกษาหารือเรื่องเงินเดือนกันเลย” การใช้ Discuss เข้ามาแทนตรงนี้จะฟังดูเป็นทางการมากกว่า ฝ่ายตรงข้ามฟังแล้วรู้ว่าต้องเตรียมตัวมาให้ดี เราจะถกเรื่องนี้แบบจริงจัง ไม่ได้มาแบบขำ ๆ

 

Need & Require

Need เป็นคำที่หลายคนใช้เวลาจะบอกว่าเราจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่าง ซึ่งในบางครั้งเวลาพูดออกไปอาจทำให้คนฟังรู้สึกไม่ค่อยดี เหมือนเราเอาแต่บอกแต่สิ่งที่เราต้องการ แต่ถ้าอยากพูดให้คนรอบข้างฟังแล้วเห็นใจ เราอาจเปลี่ยนมาใช้คำว่า Require แทน เพื่อโน้มโน้มให้เขาคิดว่า นี่ตัวเราไม่ได้อยากเองนะแต่เป็นเพราะสถานการณ์รอบข้าง เช่น เจ้านายหรือลูกค้าสั่งมา

 

ตัวอย่าง

ถ้าเราต้องเป็นคนบอกเพื่อนร่วมงานให้เร่งการทำงาน แทนที่จะบอกว่า"We need to speed up our timeline." "เราต้องเร่งแผนการดำเนินงาน" ซึ่งฟังเหมือนเราอยากให้เร่ง ทำให้คนฟังอาจจะไม่ค่อยพอใจ เป็น "Our boss requires us to speed up our timeline.” “บอสบอกว่าเราต้องเร่งตารางแผนการดำเนินงานแล้ว” แทน ก็อาจจะทำให้คนฟังอยากให้ความร่วมมือขึ้น

 

หางานที่ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษอยู่? คลิกที่นี่

 

Buy & Purchase

Purchase มีความหมายว่าซื้อเหมือนกับคำว่า Buy แต่เป็นคำศัพท์เวอร์ชันอัปเกรดขึ้นมา โดยคำว่า Buy เป็นคำที่ใช้กันทั่วไป เป็นปกติในชีวิตประจำวัน จะซื้อของกินของใช้อะไรก็ใช้คำว่า Buy ได้ แต่ถ้าเราจะซื้อของชิ้นใหญ่ ๆ หรือซื้อของที่จริงจังก็ใช้ Purchase 

 

ตัวอย่าง

“I see your department has bought a new printer.” "ฉันเห็นแผนกเธอได้ซื้อเครื่องพิมพ์ใหม่" ประโยคนี้จะเป็นว่าเราใช้ Bought ที่เป็นกริยาช่องที่ 2 ของคำว่า Buy แต่การจะพูดถึงการซื้อของชิ้นใหญ่ มีราคา หรือของบริษัทที่ต้องทำงบเบิกจริงจัง การใช้คำว่า Purchase ในประโยค “I see your department has purchased a new printer.” จะเหมาะสมกว่า 

 

รวมวิธีพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับคนทำงาน

 

Give & Provide

คำง่าย ๆ อย่าง Give ที่แปลว่าให้ มีอีกคำที่เราเอามาใช้แทนได้ เพื่อให้ฟังดูสวย เป็นทางการ และให้เกียรติมากขึ้น นั่นก็คือคำว่า “Provide” ส่วนคำว่า Give ก็นำไปใช้กับเพื่อน คนที่เด็กกว่า คนที่สนิท หรือกรณีการพูดคุยที่สบาย ๆ แทน

 

ตัวอย่าง

"Why has McDonald’s suddenly given a discount on all of their hamburgers?" "ทำไมแมคโดนัลด์ถึงตัดสินใจให้ส่วนลด 30% สำหรับแฮมเบอร์เกอร์ทุกเมนู” ถ้าเปลี่ยนมาใช้ Provide ในประโยคนี้แทน ก็จะฟังแล้วดูทางการให้เกียรติลูกค้ามากขึ้น " Why has McDonald’s suddenly provided a discount on all of their hamburgers?" "ทำไมแมคโดนัลด์ถึงตัดสินใจมอบส่วนลด 30% สำหรับแฮมเบอร์เกอร์ทุกเมนู”

โดยรูปแบบในการใช้มี 2 แบบ ซึ่งให้ความหมายเหมือนกัน คือ

  1. Provide someone with something เช่น Provide you with a 30% discount.
  2. Provide something to someone เช่น Provide a 30% discount to you.

Join & Attend

เวลาชวนเพื่อนมามีส่วนร่วมในการทำอะไรสักอย่างด้วยกัน ก็ใช้คำว่า Join ได้อยู่หรอก แต่ถ้าในการทำงานหรือจะชวนคนอื่นมาทำอะไรบางอย่างที่เป็นเรื่องที่ต้องจริงจัง หรือใช้ในภาษาเขียน การเปลี่ยนมาใช้คำว่า Attend จะน่าฟังและดูเป็น Business English มากกว่า

 

ตัวอย่าง

“You didn’t join the meeting this morning.” “คุณไม่ได้เข้าร่วมประชุมเมื่อเช้านี้” จากประโยคตัวอย่าง การใช้คำว่า Join ในกรณีนี้ก็ไม่ได้ผิด แต่จะดีกว่าถ้าเราใช้คำว่า Attend แทนเข้าไป “You didn’t attend the meeting this morning.” เพราะฟังแล้วจริงจังเป็นทางการ โดยเฉพาะถ้าเป็นการบังคับไปนั่งฟัง หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการประชุม

 

Advantages & Core Competencies

Core Competencies เป็นคำศัพท์ที่เมื่อก่อนจะเจอมากในทฤษฎีธุรกิจต่าง ๆ แต่ทุกวันนี้ถูกเอามาใช้ในออฟฟิศกันจนติดปากมากขึ้น โดยเป็นคำศัพท์เวอร์ชัน Business English ของคำว่า Advantage ที่มีความหมายว่าข้อได้เปรียบ คำว่า Core คือ แกนหลัก Competencies คือความสามารถ Core Competencies คือความสามารถหลัก ๆ ของบริษัทหรือบุคคล ที่เป็นจุดแข็งและมีข้อได้เปรียบ ซึ่งบางครั้งยังถูกนำมาใช้แทนคำว่า Capabilities ในการสัมภาษณ์งานด้วย

 

ตัวอย่าง

“I think we should find our company’s advantages first.” “ฉันคิดว่าเราควรจะหาจุดที่เป็นข้อได้เปรียบของบริษัทเราก่อน” การใช้คำว่า Advantage ที่แปลว่าข้อได้เปรียบในประโยคนี้ก็ถือว่าถูก เพียงแต่ฟังแล้วอาจไม่รู้ว่าเป็นข้อได้เปรียบระยะสั้น ๆ รึเปล่า แต่ถ้าจะให้ดูเป็นเชิงกลยุทธ์ เป็นข้อได้เปรียบในระยะยาวที่ยั่งยืน ก็ควรเปลี่ยนจาก Advantages เป็น Core Competencies “I think we should find our core competencies first.”

 

Vacation & Downtime

ทำงานเหนื่อยเราก็ต้องการอยากจะหยุดพักบ้างเป็นธรรมดา โดยคำที่เราเห็นกันประจำเวลาพูดถึงการหยุดงานเพื่อผ่อนก็คือคำว่า Vacation ซึ่งคำนี้จะมีความหมายถึงการลาพักร้อน ลาไปเที่ยวหลายวัน แต่ถ้าใครอยากจะหยุดพักสั้น ๆ เพื่อชาร์จแบต ก็ลองใช้คำว่า Downtime แทนดู โดยคำว่า Downtime นั้นเป็นศัพท์ที่เมื่อก่อนส่วนมากใช้ตอนพูดถึงเวลาเครื่องจักรไม่ทำงาน ซึ่งอาจฟังดู Negative แต่ถ้าแปลให้เป็นบวกก็คือ การพักเครื่องอย่างเป็นระบบ พักเพื่อไม่ให้เครื่องจักรเสีย ซึ่งนี่คือความหมายที่ถูกนำมาใช้ในออฟฟิศ 

 

ตัวอย่าง

A: If you keep working as hard as this, I forecast you will get sick.

B: Really? I need a change.

A: Yes, taking a vacation is a good choice.

บทสนทนาข้างบนจะเป็นการบอกให้เพื่อนลาพัก ก่อนที่จะป่วยเพราะทำงานหนักมากเกินไป ซึ่งเราสามารถเอาคำว่า Downtime มาแทน Vacation ได้ “A: Yes, having some downtime is a good choice.” เพื่อบอกว่าให้พักชาร์จแบต เช่น พักเล็ก ๆ ระหว่างวัน แว่บไปกินขนมให้หัวแล่น หรือ ลาพักวันสองวัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแทนที่จะเป็นการลาไปเที่ยว

 

Agree & Consensus

เรามักจะใช้คำว่า Agree ในการบอกว่าเห็นด้วยกับเรื่องต่าง ๆ ซึ่งหากเป็นการเห็นด้วยแบบเป็นเอกฉันท์ หรือเห็นพ้องต้องกันทั้งหมด เราสามารถยกระดับภาษาได้ด้วยการใช้คำว่า Consensus แทน

 

ตัวอย่าง

A: And they will follow your idea regarding social media promotion.

B: Great! Why do they think that my idea would work?

A: Because we all agree that you are the most expert at social media in our department.

ตัวอย่างบทสนทนาข้างบน  เมื่อ B ถามว่าทำไมถึงคิดว่าไอเดียเรื่อง Social Media ของเขาน่าจะได้ผลดี A ก็ตอบกลับมาว่า เพราะว่าทุกคนเห็นด้วยว่าเขามีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ซึ่งก็เป็นการใช้คำว่า Agree ที่ไม่ผิด แต่เราสามารถพูดได้อีกแบบโดยใช้คำว่า Consensus “Because we all came to a consensus that you are the most expert at social media in our department.” 

เรื่องที่ต้องระวังก็คือ ถ้าจะใช้คำว่า Consensus ในกรณีแบบนี้ ต้องใช้เป็นวลี “to reach a consensus” หรือ “come to a consensus” เพราะ Consensus เป็นคำนาม และถ้ากรณีไม่เห็นด้วย ให้ใช้ประโยคตามนี้เลย

  • “No consensus has been reached.”
  • “We couldn’t come to a consensus.”

 

คำศัพท์บางคำที่เราไม่เคยเห็น ไม่เคยใช้ อาจจะทำให้รู้สึกว่ายาก แต่มันไม่มีอะไรยากเกินไปถ้าเราพยายามเรียนรู้ ฝึกฝน ถ้าเราพยายามใช้มันบ่อย ๆ วันนึงคำพวกนี้ก็จะกลายเป็นคำที่เราคุ้นเคยไปเอง

 

คำศัพท์ที่เกี่ยวกับการทำงานที่จะทำให้คุณดูเป็นมืออาชีพมากขึ้นยังมีอีกเพียบ

ไปดูกันต่อได้ที่บทความ คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการทำงานแบบ Professional ตอนที่ 2

 

หางาน สมัครงานง่าย ๆ ด้วย JobThai Mobile Application

iOS

Android

Huawei AppGallery

 

 
JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน
Public group · 200,000 members
Join Group
 

tags : career & tips, งาน, คนทำงาน, ภาษาอังกฤษสำหรับคนทำงาน, ศัพท์ภาษาอังกฤษ, business english, การทำงาน, jobthai, fresh graduate, จบใหม่ต้องรู้, เรซูเม่ภาษาอังกฤษ, คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการทำงาน



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม