ครีเอทีฟรายการโทรทัศน์เป็นอีกอาชีพในฝันของหลาย ๆ คน แต่แม้จะมีคนจำนวนมากฝันอยากทำอาชีพนี้ ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้จักเนื้องานของอาชีพนี้จริง ๆ JobThai จึงจะพาไปรู้จักอาชีพนี้ให้มากขึ้น
- การทำรายการหนึ่งรายการ ครีเอทีฟต้องหาข้อมูลจนรู้จริง แล้วนำข้อมูลที่ได้มาลงมือทำ และพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
- คุณสมบัติสำคัญของครีเอทีฟ คือ ต้องพูดความจริง ห้ามท้อ ห้ามหมดไฟ
- ครีเอทีฟต้องเรียนรู้และพัฒนาตลอดเวลา แม้จะประสบความสำเร็จแล้ว ก็ห้ามหยุดพัฒนา เพราะการหยุดนิ่ง
คือการถอยหลัง
- การแก้ปัญหาเวลาคิดงานไม่ออก ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของครีเอทีฟ ก็คือ ให้เลือกนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด
และสิ่งที่เรารู้มากที่สุด
|
|
โดยคนที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวการทำงานของครีเอทีฟรายการโทรทัศน์ก็คือ คุณน้อง ชวิศฐานิต ชัยชาติ Group Head Producer ของ บริษัท เวิร์คพ๊อยเอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่มีประสบการณ์การทำงานเบื้องหลังในวงการบันเทิงมากว่า 12 ปี และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรายการที่ประสบความสำเร็จอีกมากมาย เช่น ชิงช้าสวรรค์ คุณพระช่วย และ Thailand's Got Talent เป็นต้น
เข้าสู่วงการการผลิตรายการโทรทัศน์ได้อย่างไร
เรียนจบจากคณะวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เอกวิทยุโทรทัศน์โดยตรง และมีความอยากรู้อยากทำงานเบื้องหลัง โดยช่วงแรก ๆ ได้ไปฝึกงานละครที่กันตนา พอได้ไปสัมผัสงานละคร ก็รู้สึกว่ามีความสุข ก็ชอบ แต่ด้วยวิถีชีวิตที่ไม่ได้ทำเป็นงานประจำ แล้วเราก็ต้องทำงาน ก็ไปสมัครงานไว้ระหว่างฝึกงานที่กันตนา ได้มีโอกาสไปทำงานครีเอทีฟบริษัทแรก ที่บริษัท เนฟเวอร์แลนด์ ครีเอชั่น ไปทำที่นั่นได้ 3 เดือน แต่เรามีแนวทางที่อยากทำรายการรูปแบบอื่น ก็เลยลาออก มาสมัครงานหนึ่งในนั้นคือ บริษัท เวิร์คพ๊อย ซึ่งตอนนั้นรายการ แฟนพันธุ์แท้ เวทีทอง ชิงร้อยชิงล้านกำลังดังมาก
ช่วยเล่าถึงช่วงแรก ๆ ที่ทำงานให้ฟังหน่อย
พี่เริ่มจับงานครีเอทีฟจริง ๆ ที่บริษัท เวิร์คพ๊อยเอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ได้ทำงานครีเอทีฟที่รู้สึกว่ามันต้องคิด ต้องทำ ต้องหา ต้องสร้างมันขึ้นมา เนื่องจากวัฒนธรรมองค์กรของที่นี่ทำงานงานหนัก การปรับตัวของพี่ จากเด็กที่เรียนดีเฉย ๆ ตัวไหนที่ไม่ชอบก็เรียนเพื่อให้ผ่าน ถ้าอยากได้คะแนน หรือใกล้สอบค่อยอ่านหนังสือ แต่การทำงานในชีวิตจริงเราต้องนำเสนอเนื้อหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ทันออกอากาศ ซึ่งเราไม่สามารถทำงานชุ่ย ๆ เหมือนส่งอาจารย์ และอาจารย์ตีกลับมาแก้ได้ ที่สำคัญคือเวลาเราเป็นสื่อ เรามีโอกาสที่จะนำเสนอเรื่องราวได้เยอะแยะมากมาย อยู่ที่ว่าเราจะนำเสนอเรื่องอะไรขึ้นมาเพื่อให้คนดูได้รับประโยชน์มากที่สุด แต่ตอนเราเป็นนักเรียนเราทำเพื่อตัวเอง เรียนเพื่อให้ผ่าน เรียนเพื่อให้ได้คะแนน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่
หน้าที่และความรับผิดชอบจริง ๆ ของครีเอทีฟมีอะไรบ้าง
ครีเอทีฟ ต้องเป็นคนที่รู้จริง รู้ลึก หาข้อมูล คัดกรอง และพิสูจน์ข้อมูลได้อย่างชัดเจนว่ามันคือความจริง และนำข้อมูลมาพัฒนาต่อยอดว่าเราจะนำเสนอออกมาอย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด หรือนำเสนอข้อมูลบางสิ่งที่คนมองข้ามแต่เป็นประโยชน์มาก สมมติจะทำรายการประกวดร้องเพลงสักรายการหนึ่ง เราต้องรู้ก่อนว่าองค์ประกอบของรายการประกวดร้องเพลงมันมีอะไรบ้าง แล้วลองทำเดโม เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราเข้าใจ มันถูกต้องหรือเปล่า ถ้ามันดีเราก็ค่อยนำเสนอผู้ใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าคนเราความชอบมันไม่เหมือนกัน มันต้องมีทั้งคนชอบคนไม่ชอบ แต่เราต้องทำเพื่อคนส่วนใหญ่
หากทุกอย่างที่เตรียมไว้ผิดพลาด ในฐานะครีเอทีฟ ควรจะทำอย่างไร
ก็จะหาทางออก แล้วก็ไปนำเสนอกับหัวหน้า แล้วคนที่จะช่วยเราได้มากที่สุดคือคนที่มีประสบการณ์มากที่สุด แต่ไม่ใช่การเดินเข้าไปบอกว่ามันเป็นอย่างนี้ เอายังไงดี อันนี้คือไม่ได้ทำหน้าที่ครีเอทีฟ เป็นแค่คนที่เอาสารไปส่ง ไม่ได้คิดอะไรเลย
คุณสมบัติที่ขาดไม่ได้สำหรับคนที่จะทำอาชีพนี้
พี่ว่าทักษะสามารถฝึกฝนกันได้ ในเรื่องของโปรดักชั่น มันคือการฝึกฝน แต่ถ้าเรื่องนิสัยใจคอ หนึ่งคือเรื่องของการพูดความจริง เพราะถ้าคุณไม่พูดความจริง คุณจะต่อยอดไปในทางที่ผิดเพี้ยนไปหมดเลย กับสองคือคนที่เป็นครีเอทีฟ ห้ามท้อ ถ้าเราท้อ เราก็จะหมดไฟ แล้วก็จะไม่มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้น พี่ว่าครีเอทีฟเหมือนกับนักวิทยาศาสตร์ คือต้องลองคิด ลองพิสูจน์ ลองทำ จนเจอสิ่งที่ใช่
อาชีพนี้มีโอกาสเติบโตในสายงานอย่างไรบ้าง
ทุกคนสามารถเติบโตเป็นครีเอทีฟ ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ โปรดิวเซอร์ Group Head หรือตั้งบริษัทของตัวเองก็ยังทำได้ อยู่ที่ตัวของบุคคลนั้นว่าเขาจะคิด จะพัฒนาและวางเป้าหมายชีวิตตัวเองยังไง
สิ่งที่ชอบในอาชีพนี้คืออะไร
การเรียนรู้ไม่จบ พี่รู้สึกว่าการหยุดนิ่งคือการถอยหลัง งานครีเอทีฟคืองานที่ต้องคิด ต้องทำ ต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่ว่ารายการดังมากแล้ว แต่ถ้ารายการยังทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ วันหนึ่งมันก็จะหายไป เหมือนข้าวไข่เจียวให้อร่อยขนาดไหน เราก็ไม่สามารถกินทุกวันทุกมื้อได้
ความยากของการประกอบอาชีพนี้คืออะไร
การมองให้ขาด การทำรายการทีวีสุดท้ายมันคือธุรกิจบันเทิง มันอยู่ที่ว่าเราจะตอบโจทย์คนดูในเรื่องของการเป็นลีดเดอร์ สร้างความชอบให้เกิด หรือสองคือตามกระแสให้ทัน หรือแม้กระทั่งการมองว่ากระแสอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าเรามองไม่ขาด มองไม่ถูกเป้า มองไม่ชัดเจน สิ่งที่เราทำก็จะเหนื่อยเปล่า อีกอันหนึ่งที่หลายคนคิดว่าเป็นปัญหาสำหรับครีเอทีฟ คือการคิดไม่ออก ถ้าเกิดคิดไม่ออก ก็เลือกในสิ่งที่ดีที่สุด เพราะการทำงานครีเอทีมันต้องทำแข่งกับเวลา ดังนั้นเวลาที่พี่คิดไม่ออกพี่จะนำเสนอสิ่งที่รู้มากที่สุด
ฝากถึงคนที่อยากทำงานนี้หน่อย ว่าเขาควรจะเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง
สำหรับเด็กที่จบใหม่ ถามตัวเองก่อนว่าอยากได้อะไร คุณอยากปล่อยของ อยากปล่อยพลัง หรือคุณอยากไปเรียนรู้ เพราะว่าการที่คุณจบใหม่ และไปทำงาน มันก็ไม่ต่างจากการที่ข้ามจากอนุบาลเข้าป.1 อนุบาลคือการเตรียมความพร้อมที่จะเรียนหนังสือ การจบมหาวิทยาลัยคือการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าสู่โลกของความเป็นจริงในโลกของการทำงาน การทำงานครีเอทีฟมีสองอย่างที่ต้องทำ คือ สิ่งที่คุณอยากทำ และสิ่งที่คุณต้องทำ ไม่มีใครที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำตลอดชีวิต
ความภาคภูมิใจที่สุดในการทำอาชีพนี้คืออะไร
Entertainment คือความบันเทิง การทำให้คนดูมีความสุขนั่นแหละที่ทำให้เราภูมิใจที่สุดแล้ว
การที่จะเป็นครีเอทีฟรายการโทรทัศน์ที่ดี ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะจะต้องเจอกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ มากมายที่เข้ามาให้แก้ไขอยู่เสมอ รวมทั้งหลายครั้งก็ต้องทำงานไม่เป็นเวลา และเสียเวลาส่วนตัวไป แต่หากคุณมีความตั้งใจจริง ไม่ว่าจะเรียนมาตรงสายหรือไม่ ก็สามารถเป็นครีเอทีฟที่มีคุณภาพและสร้างผลงานดี ๆ ขึ้นมาได้ทั้งสิ้น
JobThai มี Line แล้วนะคะ
ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงานที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิด