JobThai Mobile Application หางานง่าย ได้งานที่ใช่ โหลดเลย!
|
|
ประวัติส่วนตัวแบบย่อหรือเรซูเม่ (Resume) เป็นหนึ่งในเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในการสมัครงาน ซึ่ง JobThai ก็มีแบบฟอร์มเรซูเม่ให้คุณได้กรอกประวัติของตัวเองเอาไว้ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการสมัครงาน ไม่ว่าจะเป็นใช้สมัครผ่าน Apply Now ดาวน์โหลดไฟล์ประวัติออกมาเพื่อสมัครงานโดยการส่งอีเมลหรืออัปโหลดไฟล์ รวมทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ HR เข้ามาเห็นประวัติได้อีกด้วย แต่ประเด็นก็คือ คนหางานหลายคนยังไม่สามารถใช้งานประวัติ JobThai ได้ เพราะ “ประวัติไม่ผ่านการตรวจสอบ” ซึ่งสาเหตุเป็นเพราะอะไร วันนี้ JobThai จะมาไขข้อสงสัยให้คนหางานที่กรอกประวัติกี่ครั้งก็ไม่ผ่านซักที ได้เอาไปแก้ไขกัน
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าประวัติ JobThai นั้นโดยปกติแล้วจะใช้เวลาในการตรวจสอบ 1-2 วันทำการ เพราะอย่างที่หลายคนรู้ ว่าถ้าคุณสามารถทำเรซูเม่ให้ละเอียดและใส่ข้อมูลที่มีประโยชน์ไปได้เยอะเท่าไหร่ โอกาสในการถูกเรียกไปสัมภาษณ์ก็มีมากขึ้น เราเลยมีการตรวจสอบประวัติขึ้นมาเพราะอยากให้ทุกคนได้เป็น “คนที่ใช่” ในสายตา HR มากขึ้น
ในประวัติ JobThai จะมีช่องให้ใส่ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ - นามสกุล หรือที่อยู่ปัจจุบัน ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล เป็นข้อมูลที่จะทำให้ HR ได้ทำความรู้จักคุณเบื้องต้น ว่าเป็นใครมาจากไหน อายุเท่าไหร่ เพื่อใช้ในการประกอบการพิจารณาหรือเช็กประวัติของเรา ซึ่งบางครั้ง HR อาจจะใช้ที่อยู่มาเป็นปัจจัยในการพิจารณาด้วย หากไกลจากบริษัทมากเกินไป HR ก็อาจต้องถามผู้สมัครว่าเดินทางไหวรึเปล่าหรือมีแผนในการย้ายที่อยู่มั้ย ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนี้เป็นอีกส่วนที่สำคัญและขาดไม่ได้สำหรับการฝากประวัติเลย
ดังนั้นการที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ครบเลยกลายเป็นส่วนที่ทำให้ประวัติของหลาย ๆ คนไม่ผ่านการตรวจสอบ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ก็คือ
-
ชื่อจริงหรือนามสกุลไม่ครบ
-
ที่อยู่ที่คุณกรอกไม่มีอยู่จริง
-
ลืมใส่ “บ้านเลขที่” หรือ “เลขที่ห้อง”
Tips: ถ้าทำได้ก็ควรกรอกทุกช่องให้ครบและละเอียดเหมือนเวลาสั่งของออนไลน์เลย เพราะจะทำให้ประวัติของคุณสมบูรณ์ขึ้น
งานที่ระบุไว้ใน “ตำแหน่งต้องการ” จะทำให้ HR สามารถรับรู้ได้มากขึ้นว่าคุณกำลังมองหางานแบบไหนอยู่ สอดคล้องกับตำแหน่งงานที่คุณสมัครมาไหม ถ้าทักษะที่คุณมียังไม่เหมาะกับตำแหน่งที่สมัครแล้วบริษัทมีตำแหน่งงานอื่นที่ตรงกับที่คุณระบุไว้เปิดรับอยู่รึเปล่า หรือมีตำแหน่งงานไหนไหมที่อาจจะเหมาะกับคุณ ซึ่งถ้ามี HR ก็อาจยื่นข้อเสนอตำแหน่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและคุณสามารถข้ามสายได้มาให้เลือก โดยตรงนี้คุณอาจนำทักษะ ความสามารถ หรือประสบการณ์ที่คุณมี มาเพื่อใช้ในการเลือกตำแหน่งงานที่คุณสนใจ เช่น
นอกจากนี้เวลาที่ HR เข้ามาค้นประวัติ เขามักจะค้นหาตามประเภทงานต่าง ๆ ที่บริษัทต้องการ การที่คุณเลือกประเภทงานที่คุณสนใจในช่อง “ระบุหมวดเพื่อการค้นหา” ไว้จะทำให้ HR ที่กำลังหาคนเจอประวัติของคุณได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคุณควรใส่ประเภทงานที่ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ควรใส่งานที่ทักษะและการทำงานต่างกันโดยสิ้นเชิงเช่น การตลาด วิศวกร บัญชี
สำหรับข้อผิดพลาดสำคัญในส่วนนี้ที่เป็นสาเหตุทำให้ประวัติของคุณไม่ผ่านคือ กรอกตำแหน่งงานไม่ชัดเจน เช่น “งานอะไรก็ได้” ทางที่ดีควรระบุงานที่ต้องการให้ชัดเจน อย่างชื่อตำแหน่งไปเลย เช่น ผู้จัดการฝ่ายขาย พนักงานฝ่ายบุคคล พนักงานขาย หรือวิศวกรคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ก็อย่าลืมระบุสถานที่ที่ต้องการทำงานให้ชัดเจนด้วย หรืออีกกรณีคือตำแหน่งงานที่ต้องการไม่สัมพันธ์กับหมวดเพื่อการค้นหาที่เลือกไว้ เช่น เลือกหมวดงานบัญชี แต่กรอกตำแหน่งงานเป็นวิศวกร ซึ่งความจริงแล้วคุณควรกรอกตำแหน่งงานให้สอดคล้องกับหมวดงานไปเลย เพื่อที่จะได้งานตรงความต้องการ
นอกเหนือจากประวัติการทำงานที่สำคัญกับการสมัครงานอย่างมากแล้ว ประวัติการศึกษาก็เป็นอีกส่วนที่ไม่ควรพลาด เพราะข้อมูลส่วนนี้ก็สามารถทำให้ HR รู้ได้เช่นกันว่าคุณเหมาะสมที่จะมาเป็น Candidate และเรียกมาสัมภาษณ์มากน้อยแค่ไหน โดยพิจารณาจากคณะที่คุณจบมา และสาขาที่เรียน โดยเฉพาะย่างยิ่งเด็กจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน ซึ่งประวัติทั้งหมดต้องเป็นความจริง เพราะ HR สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้
ซึ่งข้อมูลประวัติการศึกษานั้น เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้ประวัติของหลายคนไม่ผ่านการตรวจสอบ เพราะกรอกประวัติการศึกษาไม่ครบ เช่น กรอกเฉพาะมัธยมศึกษาตอนต้นและข้ามไปปริญญาตรี โดยไม่ใส่มัธยมศึกษาตอนปลาย หรืออีกหนึ่งสาเหตุคือคุณกรอกปีที่สำเร็จการศึกษาหรือปีที่คาดว่าจะจบไม่ถูกต้อง และไม่สอดคล้องกับปีเกิดของตัวเอง อย่างปีเกิดที่ใส่ไว้คำนวณออกมาได้ว่าตอนนี้คุณอายุ 22 ปี แต่ปีการศึกษาที่จบปริญญาตรีที่คุณกรอกคือเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นอายุเพียง 14 ปี รวมไปถึงกรณีที่คุณเรียนจบทั้งปริญญาตรี และปริญญาโท แต่ใส่ปีการศึกษาผิดจนกลายเป็นว่าจบปริญญาโทก่อนปริญญาตรี
*คุณสามารถกรอกประวัติการศึกษาเรียงจากปัจจุบันไปหาอดีต หรืออดีตไปหาปัจจุบันก็ได้ หากประวัติผ่านแล้วระบบของเราจะเรียงการศึกษาให้คุณจากปัจจุบันไปหาอดีตโดยอัตโนมัติ
รูปถ่ายที่ใส่ในเรซูเม่เป็นสิ่งแรกที่ HR จะเห็น จึงต้องเลือกรูปที่เหมาะกับการสมัครงาน ควรเป็นรูปหน้าตรง เห็นใบหน้าชัดเจน แต่งกายและอยู่ในท่าทางที่สุภาพ รูปภาพต้องไม่เบลอ หรือไฟล์รูปเล็กเกินไปจนภาพแตก ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเป็นรูปที่ถ่ายมาไม่เกิน 6 เดือน และห้ามใช้รูปที่อยู่ในสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม เช่น ถ่ายเซลฟี่กับกระจกห้องน้ำ หรืออยู่ท่ามกลางเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมาย
ในกรณีที่ประวัติยังไม่ผ่าน และคุณได้ทำการแก้ไขใหม่หลาย ๆ ครั้ง ประวัติของคุณจะกลับไปต่อคิวรอตรวจใหม่ทุกครั้งที่คุณบันทึก ดังนั้นหากต้องการให้ประวัติผ่านเร็ว ๆ เราแนะนำว่าคุณควรสร้างประวัติให้สมบูรณ์ที่สุด ตรวจเช็กให้ดีแล้วค่อยกดบันทึก เพราะยิ่งประวัติสมบูรณ์มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ประวัติของคุณผ่านง่าย และสามารถนำไปใช้สมัครงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในทันที
|
|
JobThai Official Group |
Public group · 200,000 members |
|
|
|