หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “Bitcoin” หนึ่งใน "สกุลเงินดิจิทัล" ที่อนาคตอาจจะเข้ามามีบทบาทในเรื่องของการเงินมากขึ้น และหนึ่งอาชีพที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ก็คือ “Cryptocurrency Investor” อาชีพที่เรียกได้ว่าในอนาคตทุกคนต้องอยากทำความรู้จัก ซึ่งหากคุณเป็นคนนึงที่กำลังสนใจสายงานนี้ JobThai จะพามารู้จักงานนี้ให้มากขึ้น กับคุณคิม กานต์นิธิ ทองธนากุล เลขาธิการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย Founder ของ bitcoinaddict.org และเจ้าของเพจ Bitcoin Addict Thailand ที่มีผู้ติดตามถึง 80,000 คน ซึ่งได้มาพูดคุยใน Live X Career ข้ามสาย Talk Season 2
คุณคิมจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการพัฒนาซอฟต์แวร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบได้ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่บริษัท ซีพีเอฟไอที เซ็นเตอร์ จำกัด อยู่ประมาณ 5 ปี และย้ายสายงานไปเป็น Data Analyst อีก 3 ปี
ในปี 2017 เริ่มรู้จัก Bitcoin จึงทดลองลงทุนประกอบอุปกรณ์ ขุดเหรียญด้วยตัวเองจนมีรายได้พอเลี้ยงตัวเอง ต่อมาจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาเป็น Cryptocurrency Investor เต็มตัว จากตอนแรกที่ขุดเหรียญเฉย ๆ คุณคิมก็ศึกษาข้อมูลมากขึ้น ตั้งแต่การเทรด รูปแบบการลงทุนต่าง ๆ ค่อย ๆ พัฒนาทำกำไรซื้อขาย จากนั้นคุณคิมจึงก่อตั้ง bitcoinaddict.org และเพจ Bitcoin Addict Thailand เพื่อถ่ายทอดบทความ รีวิว ข่าวสาร ความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
Cryptocurrency (สกุลเงินที่ถูกเข้ารหัส ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Cryptocurrency นั้นหมายถึงสกุลเงินดิจิทัลใด ๆ ก็ตามที่ทำงานบนระบบ Blockchain และมีระบบ Blockchain เป็นของตนเอง) เป็นตลาดเกิดใหม่ในเดือนพฤษภาคม ปี 2561 เพิ่งมีพระราชกำหนดเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลออกมา เท่ากับเป็นการรับรองว่าสกุลเงินดิจิทัลเป็นการลงทุนที่ถูกกฎหมายแล้วในตอนนี้
แนวคิดของสกุลเงินดิจิทัลน่าสนใจตรงเทคโนโลยี Blockchain ที่เป็นหัวใจหลักของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่ง Blockchain เป็นรูปแบบการเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ เป็นข้อมูลที่ถูกต้องตลอด ไม่สามารถปลอมแปลงหรือแก้ไขได้ แนวคิดของ Bitcoin ก็เช่นกัน เมื่อถูกกำหนดด้วยระบบ Blockchain ทำให้ Bitcoin มีจำนวนจำกัด แก้ไขไม่ได้ และสามารถตรวจสอบได้ Bitcoin จึงมีมูลค่าขึ้นมา กลายเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่คนซื้อมาเก็บเพื่อเก็งกำไรในอนาคต
Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลก ไม่สามารถควบคุมได้จากองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ทำให้มีความน่าเชื่อถือสูง เป็น สินทรัพย์ที่ผู้ถือเป็นเจ้าของจริง ๆ คนสามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยนกันได้ Bitcoin เหมือนมาจากภาคประชาชน แบนไม่ได้ เพราะคนซื้อขายกันแบบมือถึงมือ (Peer to Peer) ตราบใดที่ยังมีอินเตอร์เน็ตและความเชื่อใน Bitcoin ยังอยู่ ไม่มีทางที่สกุลเงินอื่นจะมาแทนได้
ส่วนสกุลเงิน Ethereum มีความซับซ้อนมากกว่า Bitcoin มีเจตจำนงให้คนใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเขียนโปรแกรม ออกแบบโปรแกรมทาง Smart Contract หรือเครื่องมือที่เข้ามาเสริมการทำงานของ Blockchain ให้มีความหลากหลาย นำไปปรับใช้ได้ในทุกอุตสาหกรรมแล้วแต่ผู้พัฒนาจะเขียนโปรแกรมขึ้น โดยมีจุดเด่น คือ การตัดคนกลางออก ทำให้การทำธุรกรรมมีความรวดเร็ว โปร่งใสตรวจสอบได้ และรองรับข้อมูลจำนวนมหาศาลได้
นอกจากนี้ยังมีสกุลเงินของแต่ละประเทศและองค์กรต่าง ๆ ออกมาอีกมากมาย แต่ละสกุลจะมีเจตจำนงต่างกัน เช่น Libra จาก Facebook หรือ หยวนดิจิทัล (DCEP) จากจีน ซึ่งส่วนมากเงินที่ออกจากภาครัฐและองค์กรจะเป็น Stablecoin หรือเหรียญที่สามารถคงมูลค่าไว้คงที่ได้ตลอดเวลา โดยสินทรัพย์ประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าอ้างอิงตามสินทรัพย์อื่น เช่น อ้างอิงตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา เงินดิจิทัลสกุลอื่น ๆ เช่น USDT USDC DAI TUSD
หลังจากเกิดสกุลเงินดิจิทัลขึ้นมากมาย จึงเกิดระบบที่เรียกว่า “DeFi” ซึ่งย่อมาจาก Decentralized Finance หรือระบบการเงินไร้ตัวกลาง ซึ่ง DeFi เป็นบริการทางการเงินบน Blockchain สำหรับรองรับสกุลเงินดิจิทัล โดยธุรกรรมต่าง ๆ จะไม่ถูกดำเนินการผ่านตัวกลางใด ๆ (Decentralized) แต่จะถูกดำเนินการผ่านโค้ด Smart Contract ที่ไม่สามารถแก้ไขได้แทน
โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปตรวจสอบโค้ด Smart Contract เพื่อดูความโปร่งใสของธุรกรรมได้ตลอด ดังนั้นเพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ทุกคนก็สามารถเข้าไปใช้บริการ DeFi ได้จากทุกมุมโลก DeFi จึงเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงมากในปัจจุบัน ถ้านำเอาไปประยุกต์ใช้กับธนาคารจะสามารถทำธุรกรรมโดยไม่ต้องใช้คน เป็นระบบที่สามารถเชื่อมทุกสิ่งทุกอย่างได้ ซึ่งจริง ๆ แล้ว Blockchain ไม่ได้มาฆ่าธนาคาร แต่มายกระดับการเงินในธนาคารให้ล้ำหน้าขึ้นนั่นเอง
สายอาชีพที่น่าสนใจสำหรับคนที่สนใจ Cryptocurrency คือ
1. Cryptocurrency Investor: นักลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ซื้อขาย แลกเปลี่ยน
2. Blockchain Developer: ผู้พัฒนาระบบ Blockchain พัฒนา Smart Contract เป็นสายงานที่หายากในวงการและในประเทศไทย
ใครที่อยากจะลองซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลไม่ใช่เรื่องยาก ในประเทศไทยมีเว็บไซต์ซื้อขายถูกกฎหมายที่กระทรวงการคลังรับรองมากมาย สามารถเข้าไปดูที่ www.sec.or.th ได้ สำหรับมือใหม่คุณคิมแนะนำให้ใช้หลัก Dollar Cost Average (DCA) หรือการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน โดยคุณคิมให้คำแนะนำไว้ว่า
1. ซื้อแบบถัวเฉลี่ยในอัตราส่วนที่เท่ากัน จะทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนต่ำ เช่น ตั้งเป้ากดซื้อทุกอาทิตย์ในจำนวนเงินเท่า ๆ กัน
2. เวลาลงทุนให้มองเป็นสินทรัพย์ทางเลือก อย่าลงเงินทั้งหมด แต่ให้แบ่งพอร์ตการลงทุนประมาณ 5-10%
3. ติดตามข่าวสารเสมอ ตลาดเงินดิจิทัลไม่มีปิดทำการ เปิดซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง ข่าวสารจึงมีอัปเดตตลอดเวลา และตลาดเปลี่ยนแปลงขึ้นลงไวมาก
นอกจากนี้ต้องดูว่าเรามีเวลาในการลงทุนขนาดไหน คนที่ทำงานประจำ ไม่ค่อยมีเวลา ควรใช้วิธีลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) แต่คนที่มีเวลาสามารถศึกษาเพิ่มเติมเพื่อเน้นทำกำไรระยะสั้นได้
- สายซื้อขาย (Trade): ฝึกฝนการอ่านกราฟ อย่างการซื้อขายด้วยเส้น MA การแทนที่เส้นค่าเฉลี่ยราคาเคลื่อนที่ (DMA) ฯลฯ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะมีความใกล้เคียงกับนักลงทุนในหุ้น แต่ถ้าอยากเก่งเพิ่มไปอีกขั้น ต้องเรียนรู้วิธีการเก็บรักษาเหรียญไว้กับตัวเราเอง ไม่ใช่แค่ในเว็บไซต์เทรดต่าง ๆ เช่น ศึกษาการเก็บด้วย Hardware Wallet หรือกระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อเก็บกุญแจส่วนตัวของ Cryptocurrency แบบออฟไลน์ของคุณบนอุปกรณ์ โดยทั่วไปแล้วมันเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์โดยใช้พอร์ต USB และการเอาสินทรัพย์ไปเชื่อมต่อโปรแกรมเสริมเพื่อซื้อขาย
- สาย Programmer: ฝึกฝนการ Coding เพราะในอนาคตสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) จะมาแน่นอน ใครเป็นสาย Programmer อยู่แล้วสามารถเพิ่มเติมทักษะภาษา C++ หรือภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์อเนกประสงค์ ซึ่งมีโครงสร้างภาษาที่มีการจัดชนิดข้อมูลแบบสแตติก (Statically Typed) และสนับสนุนรูปแบบการเขียนโปรแกรมที่หลากหลาย (Multi-paradigm Language) รวมถึงเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Solidity หรือภาษาสำหรับการสร้าง Smart Contract เพื่อต่อยอดไปสายงานนี้ได้ ซึ่งศึกษาได้จาก Stack Overflow เว็บไซต์ที่เป็นศูนย์รวมของการตั้งกระทู้ถามตอบที่ใหญ่ที่สุดในโลกของเหล่าโปรแกรมเมอร์
- ทักษะอื่น ๆ ที่ควรฝึกฝน
- การสื่อสาร เพราะการปรึกษา พูดคุย จะช่วยให้ได้ตัวเลือกในการลงทุน และช่วยคัดกรองข้อมูลได้มากขึ้น
- การคิดวิเคราะห์ ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ และลงทุนด้วยตนเอง
- เรียนรู้อย่างรวดเร็ว ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
คนที่สนใจการลงทุนในตลาดเงินดิจิทัลควรจะต้องเข้าร่วม Community ต่าง ๆ เพื่ออัปเดตความรู้ แลกเปลี่ยนข่าวสารกับนักลงทุนคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Group Bitcoin Thai club หรือ Thai digital asset และที่ขาดไม่ได้ยังมีเพจ Bitcoin Addict Thailand และ Telegram Bitcoin Addict club ของคุณคิมและทีม ซึ่งจะมีข่าวสาร รวมถึงไลฟ์พูดคุยและให้ความรู้เรื่อง Bitcoin
สุดท้ายคุณคิมได้ฝากไว้ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็นเทรนด์ของโลกอนาคตที่จะเกิดอย่างแน่นอน อยากให้ทุกคนลองเปิดโอกาสให้ตัวเอง ขยับพอร์ตตัวเองมาลองดู เพราะเป็นโอกาสหนึ่งในการที่เราจะได้ศึกษาช่องทางการลงทุนใหม่ ๆ ที่นอกเหนือไปจากเดิม
นี่คือบางส่วนจากไลฟ์เท่านั้น สำหรับใครที่พลาดไป สามารถเข้าไปชมย้อนหลังได้ ที่นี่
|
|
|
|
JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน |
Public group · 42,947 members |
|
|
|