-
กฎหมายไม่ได้บังคับให้ผู้สมัครงานต้องส่งผลตรวจร่างกายให้บริษัทก่อนเริ่มงาน กฎหมายบังคับการต้องตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานสำหรับตำแหน่ง หน้าที่ ที่มีความเสี่ยงเท่านั้น
-
ข้อดีของการตรวจร่างกายก่อนเข้าทำงาน คือ เพื่อให้ทั้งเราและบริษัทมั่นใจว่าเราแข็งแรงพอที่จะทำงาน และจะไม่ได้รับความเสี่ยงจากการทำงานนั้น ๆ รวมถึงเพื่อความปลอดภัยคนอื่น ๆ ที่ต้องร่วมงานกับเราด้วย
-
การตรวจหาเชื้อ HIV เป็นสิ่งที่สามารถทำได้แต่ต้องมีเอกสารที่เซ็นยินยอมจากเราก่อน ซึ่งบริษัทควรพิจารณาตามความเหมาะสมด้วย เพราะจะดูเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเกินไป และบริษัทไม่มีสิทธิปฏิเสธที่จะรับคนเข้าทำงาน หรือให้พนักงานออกจากงานด้วยเหตุผลที่เขาเป็นผู้ติดเชื้อ HIV
-
เราควรถามรายละเอียดเรื่องการตรวจสุขภาพกับฝ่ายบุคคลให้ชัดเจนทุกครั้ง ว่ามีอะไรที่เราคิดว่าไม่จำเป็นและไม่เหมาะสมที่จะเปิดเผยบ้าง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทั้งสองฝ่าย
|
|
หางานง่ายได้งานที่ใช่ ด้วย JobThai Mobile Application โหลดเลย
|
|
ตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานจำเป็นจริง ๆ เหรอ ถ้าไม่ตรวจจะเป็นอะไรมั้ย ? คนทำงานหลาย ๆ คนอาจกำลังหาคำตอบนี้อยู่ ขั้นตอนการตรวจสุขภาพอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ความลำบากใจที่คนทำงานต้องเจอในขั้นตอนการเจาะเลือดนี่สิที่หลาย ๆ คนติด สุขภาพน่ะแข็งแรงอยู่แล้วไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนั้น แต่ปัญหาใหญ่ ๆ ก็คือไอเจ้าอาการกลัว “เข็ม” นี่แหล่ะที่น่ากลัว
JobThai เลยอยากมาไขข้อสงสัย ว่าจริง ๆ แล้ว “การตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน” นั้นจำเป็นขนาดไหน จะเป็นอะไรไหมหากไม่ทำ
ทำไมถึงต้องตรวจร่างกายก่อนเข้าทำงานกฎหมายกำหนดไว้หรือเปล่า
“ไม่มีกฎหมายบังคับให้ผู้สมัครต้องส่งผลตรวจร่างกายให้กับบริษัทก่อนเข้าทำงาน"
กฎหมายกำหนดให้ตรวจสุขภาพต่อเมื่อเราทำงานที่มีอันตรายหรือปัจจัยเสี่ยงเท่านั้น เช่น งานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีจำนวนมาก งานที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อันตราย อย่างสภาพแวดล้อมที่อาจเกิดเสียงดัง หากเราเป็นโรคหัวใจแต่ยังไม่รู้ตัว การตกใจอาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตเลยก็ได้ กฎหมายจึงกำหนดข้อนี้ไว้ และจะเกิดขึ้นต่อเมื่อเราได้เข้าไปทำงาน เซ็นสัญญาว่าจ้าง และเป็นพนักงานของบริษัทอย่างถูกต้องแล้วเท่านั้น
ดังนั้นเราไม่ตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานก็ได้ “ไม่ผิดกฎหมาย” แต่ก็ต้องยอมรับหากโดนบริษัทปฏิเสธเช่นกัน
ประโยชน์ของการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มทำงาน
ฝั่งองค์กร
เพื่อเป็นการเสริมความมั่นใจของบริษัทว่าสุขภาพของเราแข็งแรงและพร้อมสำหรับการทำงานหรือไม่ รวมทั้งความปลอดภัยของคนในองค์กรที่ต้องทำงานร่วมกับเรา เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่มีโรคเรื้อรังที่ต้องคอยไปรักษาและทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง หรือมีโรคที่สามารถติดต่อได้ง่าย อย่างวัณโรคที่เชื้อสามารถแพร่กระจายผ่านทางอากาศ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบให้สุขภาพของเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แย่ตามไปด้วย
ฝั่งคนทำงาน
สำหรับคนทำงานที่ไม่ค่อยได้ไปตรวจสุขภาพ การตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานก็จะทำให้เราได้ทราบถึงสุขภาพของตัวเองด้วย เพราะบางครั้งภายนอกที่ดูปกติ อาจจะมีอาการเจ็บป่วยหรือมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคต่าง ๆ ภายในก็ได้ หากรู้แต่เนิ่น ๆ ก็จะสามารถรักษาได้ทัน
ปกติแล้วบริษัทจะให้เราตรวจอะไรบ้าง
แต่ละองค์กรก็จะมีรายละเอียดการตรวจสุขภาพที่แตกต่างกันไป ถึงแม้จะเป็นองค์กรเดียวกันรายละเอียดก็อาจจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งหรือสถานที่ในการทำงาน
หลาย ๆ องค์กรก็จะตรวจแค่พื้นฐาน เช่น ซักประวัติโดยแพทย์ วัดความดัน หัวใจ และเอ็กซเรย์ปอด แต่สำหรับบางองค์กรก็อาจจะต้องการผลตรวจมากกว่านั้น เช่น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ หรืออุจจาระ เพื่อหาสารเสพติด ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด หรือโรคติดต่อต่าง ๆ เช่น วัณโรค แต่หากงานที่มีความเสี่ยงสูง ก็อาจจะต้องมีการตรวจที่ละเอียดและเฉพาะเจาะจงมากขึ้นไปอีก เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเราเองและองค์กร
รู้ได้ยังไงว่าบริษัทนี้อยากให้เราตรวจมากน้อยแค่ไหน
รายละเอียดการตรวจร่างกายของแต่ละบริษัทจะต่างกันไป แบ่งออกเป็น 3 กรณีหลัก ๆ คือ
-
มีการกำหนดโรงพยาบาลที่เราจะต้องไปตรวจและบริษัทจะส่งชื่อไปให้ทางโรงพยาบาลเลย เราแค่มีหน้าที่แค่เดินทางไปตรวจเท่านั้นและไม่มีค่าใช้จ่าย และทางโรงพยาบาลจะส่งผลตรวจไปยังบริษัทโดยตรง
-
ลิสต์รายการสิ่งที่ต้องตรวจแต่ไม่ระบุโรงพยาบาล ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้เราก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง และส่งผลตรวจที่เราได้รับมาให้บริษัทก่อนเริ่มงาน
-
บอกให้เราไปตรวจร่างกายเฉย ๆ ในกรณีนี้เราก็ควรจะถามทางฝ่ายบุคคลให้ชัดเจนว่าจะต้องตรวจอะไรบ้าง ตรวจที่คลินิกได้ไหมหรือแค่ที่โรงพยาบาลเท่านั้น การถามรายละเอียดทั้งหมดให้ชัดเจนเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการตรวจใหม่
บริษัทให้ตรวจ HIV ด้วย ผิดกฎหมายไหม ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเกินไปหรือเปล่า
“ตรวจได้แต่ต้องมีเอกสารที่เราเป็นคนยินยอมก่อน! และหากผลตรวจออกมาว่ามีเชื้อ HIV บริษัทก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
เพราะจะดูเป็นการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลของผู้สมัครมากเกินไป หากไม่มีโอกาสเสียเลือดหรือแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น เนื่องจากเชื้อ HIV ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถติดต่อกันง่าย และคนที่มีเชื้อ HIV ที่มีการดูแลรักษาตัวเองเป็นอย่างดี ก็ยังสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้เหมือนกับคนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าในความเป็นจริงแล้วหากบริษัทไม่พร้อมที่จะรับคนที่ติดเชื้อ HIV มาร่วมงานด้วย เขาก็อาจหยิบเหตุผลอื่นขึ้นมาใช้อยู่ดี ดังนั้นเราจึงควรสอบถามรายละเอียดเรื่องการตรวจสุขภาพจากฝ่ายบุคคลให้ชัดเจนก่อน ว่าเขาต้องการผลตรวจอะไรและเราคิดว่ามันเหมาะสมหรือไม่ จะได้ไม่ต้องเสียเวลากันทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราคิดว่ามันไม่มีความจำเป็นและไม่มีเหตุผลพียงพอ
สมัครสมาชิกและฝากประวัติกับ JobThai
|
|
JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน