- รูปแบบเรียงลำดับเวลาจากล่าสุดไปอดีต หรือ Reverse Chronological Format คือการเขียนแบบเรียงลำดับตาม Timeline จากปัจจุบันไปหาอดีต เหมาะกับนักศึกษาจบใหม่
- รูปแบบที่ให้ความสำคัญกับความสามารถในการทำงานหรือ Functional Resume Format คือการเขียนแบบเน้นให้ผู้รับสมัครเห็นเรื่องของทักษะ
- รูปแบบผสมรวม หรือ Combination Format คือการเขียนแบบเน้นทั้งสองอย่าง จะเหมาะกับผู้ที่ทำงานมานานพอสมควร
|
|
ยังไม่แน่ใจว่าควรทำเรซูเม่แบบไหน
ลองใช้ Easy Form ใน JobThai Mobile App ส่งใบสมัครแทนสิ
|
|
Resume ส่วนใหญ่ที่เราเขียน ๆ กันจะเป็นแบบเรียงตาม Timeline จากปัจจุบันไปหาอดีต ที่จะทำให้ HR เห็นว่าการศึกษาหรือประสบการณ์การทำงานล่าสุดของเราคืออะไร และข้อมูลพวกนี้จะแสดงความสามารถหรือข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเราได้ใกล้เคียงปัจจุบันมากที่สุด
แต่เราก็ต้องไม่ลืมเหมือนกันว่าเป้าหมายของ Resume ก็คือการโชว์ให้บริษัทเห็นว่าเราเป็นคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่เขาเปิดรับสมัครอยู่ การเขียนเรซูเม่เลยไม่จำเป็นต้องเขียนในรูปแบบนั้นเสมอไป แต่เลือกรูปแบบที่เราจะได้โชว์ส่วนที่สำคัญและเราอยากทำให้โดดเด่นกว่าส่วนอื่นแทน
JobThai จึงมีวิธีการเขียน Resume รูปแบบต่าง ๆ มาแนะนำ ให้ลองเอาไปเลือกใช้ให้เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่กำลังหาอยู่
1. เขียนแบบเรียง Timeline จากล่าสุดไปอดีตเพื่อ “เน้นประวัติ”
แบบแรกก็คือแบบที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างการเรียงลำดับจากล่าสุดไปอดีต หรือ Reverse Chronological Format ซึ่งการเรียงลำดับตาม Timeline จากปัจจุบันไปหาอดีตจะเหมาะกับนักศึกษาจบใหม่ เพราะการเขียนแบบนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำงานเท่านั้น แต่ยังสามารถหยิบเอาข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาขึ้นมาเน้นได้เหมือนกัน
โครงสร้างแบบเรียง Timeline จากล่าสุดไปอดีต
- ข้อมูลส่วนตัว
- ข้อมูลการศึกษา
- ข้อมูลการทำงาน
- ทักษะ
- ความสนใจหรือความสามารถอื่น ๆ
การเขียนแบบนี้มีข้อดีคือ...
- ถ้าเป็นเด็กจบใหม่ จะทำให้ประวัติการศึกษาโดดเด่นขึ้นมา องค์กรก็จะเห็นง่ายขึ้นว่าเราเพิ่งเรียนจบอะไรมา
- ถ้าสมัครงานในสายอาชีพเดิม การเขียนลักษณะนี้จะยิ่งเน้นว่าเราชอบ และมีความสามารถในงานด้านนี้จริง ๆ เพราะเราได้ทำงานมาอย่างต่อเนื่อง
- ถ้าเราทำงานที่เก่ามานาน ก็จะแสดงให้เห็นว่าเรามีความสามารถที่จะทำงานกับองค์กรเป็นเวลานานได้ แต่ทั้งนี้ต้องมีเหตุผลจำเป็นที่ดีที่จะเปลี่ยนงานเตรียมไว้ด้วย
ข้อเสียของการเขียนแบบนี้คือ...
- ถ้าเรามีช่วงเวลาที่พักจากการทำงานไปนาน ๆ ประวัติการทำงานก็จะขาดช่วง ทำให้ Timeline ของเรามีช่องว่างของเวลาเยอะ อาจจะทำให้คนที่อ่าน Resume สงสัยถึงสาเหตุการว่างงาน หรือเกิดคำถามว่าช่วงที่ว่างงานเราทำอะไรมาบ้าง
- ถ้าเราเปลี่ยนงานบ่อยในช่วงเวลาสั้น ๆ ประวัติของเราก็จะถี่มาก ทำให้เรซูเม่ยาวเกินไป เพราะเต็มไปด้วยประวัติการทำงานและยังจะทำให้เกิดคำถามได้ว่าทำไมถึงทำงานแต่ละที่ไม่นาน
2. เขียนแบบให้ความสำคัญกับความสามารถในการทำงานเพื่อ “เน้นทักษะ”
แบบที่ 2 คือ Functional Resume Format เป็นการให้ความสำคัญกับความสามารถในการทำงาน จะเน้นให้บริษัทเห็นทักษะ และความสามารถในการทำงานที่โดดเด่นของเรา การเขียนแบบนี้อาจจะไม่ต้องเขียนแบบเรียงลำดับเวลา แต่ให้โฟกัสไปที่ “ทักษะในปัจจุบัน” ที่เรามีจากประสบการณ์การทำงานทั้งหมดที่ผ่านมา โดยการโชว์ข้อมูลนส่วนของทักษะ และการทำงานมาเป็นอันดับแรก ๆ
โครงสร้างแบบ Resume เกี่ยวกับการทำงาน
- ข้อมูลส่วนตัว
- ทักษะในการทำงาน
- ข้อมูลการทำงาน
- ข้อมูลการศึกษา
- ความสนใจหรือความสามารถอื่น ๆ
การเขียนแบบนี้มีข้อดีคือ...
- ถ้าเรามั่นใจในทักษะหรือความสามารถจากการทำงานที่ผ่านมา เช่น ผ่านการอบรมมาหรือมีผลงานในอดีตที่โดดเด่น การเขียนในลักษณะนี้ก็จะทำให้องค์กรเห็นถึงคุณสมบัติของเรา
- สำหรับคนที่มีช่วงเวลาว่างงานค่อนข้างนาน หรือคนที่เปลี่ยนงานบ่อย การเขียนเรซูเม่แบบนี้จะส่งผลดีต่อเรา เพราะไม่จำเป็นต้องใส่ระยะเวลาในการทำงานแต่ละที่ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่อ่าน Resume ให้ความสนใจกับความสามารถมากกว่าเรื่องอื่น ๆ
ข้อเสียของการเขียนแบบนี้คือ...
- การที่เราไม่แสดงช่วงเวลาแต่เขียนเน้นรายละเอียดของทักษะเป็นส่วนใหญ่ อาจทำให้ผู้อ่านสงสัยว่าเรากำลังปิดบังอะไรอย่างบางที่เกี่ยวกับอายุ หรือระยะเวลาในการทำงานแต่ละแห่งอยู่หรือไม่
3. เขียนผสมรวมเพื่อ “โชว์ทั้งประสบการณ์และความสามารถ”
การเขียน Resume แบบที่ 3 ก็คือ แบบผสมรวม หรือ Combination Format จะเอาการเขียนใน 2 แบบแรกมาเขียนรวมกัน คือ บางส่วนของ Resume จะเขียนในลักษณะเรียงตาม Timeline แต่บางส่วนของ Resume อาจจะเขียนในเชิงอธิบายความสามารถเป็นหลัก โดยการเขียนแบบนี้จะไม่มีสูตรตายตัวว่าจะต้องเรียงลำดับแต่ละส่วนของ Resume ยังไง แต่ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในการทำงานที่เรามี
การเขียนแบบนี้มีข้อดีคือ...
- สำหรับคนที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว Resume แบบนี้จะแสดงให้องค์กรเห็นว่าเรามีประสบการณ์การทำงานยังไงบ้าง ทำงานที่ไหน ระยะเวลาเท่าไหร่ การเติบโตในสายอาชีพเป็นยังไง และทักษะที่ได้รับจากการทำงานเหล่านั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลที่ชัดเจน และครบถ้วนมากกว่าการเขียน Resume ในสองแบบแรก
ข้อเสียของการเขียนแบบนี้คือ...
- ถ้าเป็นนักศึกษาจบใหม่ การเขียนแบบนี้อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะไม่มีประสบการณ์หรือทักษะพิเศษอะไรที่จะเอามาไฮไลต์ได้
ติดตาม Career Talk Podcast ได้ที่
|
|
|
|
JobThai Official Group |
Public group · 300,000 members |
|
|
|
ที่มา:
monster.com
careerwise.minnstate.edu
americasjobexchange.com
resumegenius.com
tags :
career & tips, งาน, หางาน, สมัครงาน, เรซูเม่, resume, นักศึกษาจบใหม่, freshgrad, เคล็ดลับการสมัครงาน, เทคนิคสำหรับเด็กจบใหม่, จบใหม่ต้องรู้, fresh graduate