เคยสงสัยไหมว่าทำไมเราส่งเรซูเม่ไปตั้งเยอะ แต่กลับไม่มีที่ไหนเรียกเลย เชื่อว่าหลายคนต้องเกิดคำถามในหัวมากมายว่าเขาได้รับอีเมลเราไหม มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ยื่นสมัครไปหลายสิบที่แต่ไม่มีที่ไหนเรียก และถ้าคุณคือคนนึงที่กำลังเกิดคำถามนี้อยู่ในหัว วันนี้ JobThai จะมาบอกสาเหตุเบื้องต้นในการสมัครงานที่คุณอาจจะพลาดแบบไม่รู้ตัว เอาไว้รีเช็กตัวเองก่อนส่งเรซูเม่สมัครงาน จะได้ไม่นั่งเสียดายโอกาสภายหลัง
สิ่งสำคัญที่ควรตรวจทานเป็นลำดับสุดท้ายทุกครั้งก่อนกดสมัครงาน คือข้อมูลติดต่ออย่างเบอร์โทรศัพท์ อีเมล บล็อก เว็บไซต์ หรือข้อมูลโซเชียลมีเดีย ก็ควรเขียนให้ครบและถูกต้อง เพราะถ้าคุณใส่ข้อมูลผิดไปแค่เพียงตัวเดียวก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว รวมถึงเบอร์ติดต่อที่ควรให้ไว้มากกว่าหนึ่งเบอร์เอาไว้กันพลาด ดังนั้นจำไว้ว่าถึงเราจะเป็นผู้สมัครที่น่าสนใจก็จริง แต่ถ้าให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง เขาก็ไม่สามารถติดต่อเพื่อนัดสัมภาษณ์เราได้ และทำให้เราพลาดโอกาสไปได้ง่าย ๆ เลย
ถ้าคุณเขียนหัวข้อ Email ว่า “สมัครงาน” เฉย ๆ HR เกือบทั้งหมดอาจจะข้ามอีเมลของคุณไปเลยก็ได้ เพราะ HR หนึ่งคนอาจจะไม่ได้รับใบสมัครงานเพียงแค่ตำแหน่งเดียว ยิ่งองค์กรใหญ่ ๆ ที่มีอีเมลเข้ามามากแล้ว Subject แบบนั้นก็อาจจะจมหายไปในกองอีเมลได้ ดังนั้นควรระบุชื่อตำแหน่งงานที่ตัวเองต้องการสมัครเข้าไปด้วย เช่น Job Application: Lalisa Sukmanee – Editorial Assistant เพื่อให้ HR ทำงานได้ง่ายขึ้น และมันบอกถึงความรอบคอบและความละเอียดของคุณ รวมถึงยังทำให้ HR คัดกรองเอกสาร และส่งต่อได้สะดวกโดยที่ไม่ต้องคลิกเข้าไปอ่าน
บางทีเราเสียโอกาสได้งานเพราะ HR เปิดอ่านเรซูเม่ของเราไม่ได้ เช่น ไฟล์ผิด ไฟล์มีขนาดใหญ่ไปรอโหลดนาน หรือไฟล์เพี้ยนจากต้นฉบับ ดังนั้นเราควรทำเป็นไฟล์ที่ใช้สำหรับดูเท่านั้น เช่น ไฟล์ .PDF และ .JPG (ไม่แนะนำให้เป็นไฟล์แบบตั้งโค้ดเข้ารหัส) เพราะถ้าเป็นไฟล์ .Doc .Psd หรือ .Ai เมื่อเปิดในเครื่องต่างเวอร์ชันก็จะทำให้ตัวอักษรและรูปไม่ตรงกับไฟล์ต้นฉบับ เรซูเม่ควรต้องเปิดอ่านได้เลย ไม่ควรต้องขออนุญาตก่อนถึงจะดูได้ หรือไม่ต้องไปดาวน์โหลดจากเว็บรับฝากไฟล์ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ อย่างเช่น มี Portfolio รวมถึงไฟล์ที่ใช้แนบไม่ควรมีขนาดใหญ่เกิน 2 MB
วันและเวลาที่มีคนหางาน และสมัครงานมากที่สุดใน JobThai คือ "ช่วง 11 โมง ของวันอังคาร"* ดังนั้นถ้าไม่อยากมีคู่แข่งเยอะ ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลานี้ ไม่แนะนำให้ส่งเรซูเม่ในวันเสาร์อาทิตย์ เพราะมันเป็นวันหยุดทำการ ดังนั้นอีเมลที่เราส่งไปจะถูกดองเอาไว้นาน รวมถึงพยายามอย่าส่งเรซูเม่ในตอนเย็น เพราะมันเป็นเวลาเลิกงานที่หลาย ๆ คนคงอยากกลับบ้านรวมถึง HR เอง
ช่วงเวลาการส่งอีเมลที่แนะนำคือตอนดึก ๆ เหตุผลเพราะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีใครส่ง และอีเมลที่เราส่งจะได้ขึ้นไปอยู่อีเมลต้นๆ เมื่อ HR มาทำงานในตอนเช้าแล้วเช็กอีเมลแน่นอนว่าเขามีโอกาสเห็นอีเมลของเราสูง รวมถึงมันดีกว่าการส่งในตอนกลางวัน เพราะบางที HR อาจจะงานยุ่งมากเลยไม่ค่อยได้เปิดดูอีเมลสักเท่าไหร่
*อัปเดตข้อมูลล่าสุด เดือนมีนาคม 2567
หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าอีเมลที่เราส่งไปอาจไม่ได้ไปอยู่ในกล่องจดหมาย แต่กลับไปตกในอีเมลขยะ ซึ่งปัญหานี้มีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ผู้รับคนอื่น ตั้งค่า IP ของคุณเป็นสแปม คุณมีอัตราการใช้อีเมลต่ำ คุณใส่หัวข้อหรือชื่อเรื่องไม่น่าเชื่อถือ คุณลงชื่อผู้ส่งไม่ถูกต้อง คุณใช้ที่อยู่ปลอม หรือคุณมีลิงค์ “Unsubscribe” อยู่ในจดหมาย เป็นต้น
แนวทางการการแก้ไข
1. แจ้งให้ผู้รับปลายทาง Add ที่อยู่อีเมล ของคุณเก็บไว้ใน Address Book
2. ในช่อง To: (ถึง) ให้ใส่ที่อยู่อีเมลของท่านลงไปด้วย หรืออาจจะใส่ที่อยู่อีเมลของท่านในช่อง cc: (สำเนาถึง) แทนก็ได้ เพราะถ้าส่งอีเมลเดียวโดด ๆ โอกาสที่อีเมลจะสูญหายมีสูง
3. โทรแจ้งให้ผู้รับปลายทางเข้าไปเช็กเมล หากพบว่าอีเมลของคุณอยู่ในถังขยะ ให้คลิก "Allow Sender" หรือ "Not Spam" หรือ "ไม่ใช่อีเมลขยะ" ระบบจะทำการย้ายอีเมล์เข้าไปเก็บไว้ใน Inbox แทน และครั้งต่อไปเมื่อคุณส่งอีเมลไปให้ผู้รับคนนี้อีก จะไม่ตกถังขยะอย่างแน่นอน
ซึ่งแนวทางเหล่านั้นอาจจะเป็นเรื่องง่ายถ้าเรารู้จักกันเป็นการส่วนตัวกับผู้รับ แต่สำหรับการสมัครงานอาจจะเป็นเรื่องยาก JobThai จึงพัฒนาวิธีการสมัครงานผ่าน @trustmail.jobthai.com เพื่อป้องกันไม่ให้อีเมลของผู้สมัครงานที่ส่งถึงองค์กรต้องไปตกอยู่ในถัง Junk Mail หรือ Spam ขององค์กร
สมัครงานแบบไม่เสี่ยงต่ออีเมลตกถังขยะได้ ที่นี่
|
|
อีเมลที่เข้ามายัง HR แต่ละวันเยอะมาก ดังนั้นจึงมีโอกาสที่เขาจะพลาดอีเมลของเราได้ เพื่อความชัวร์โทรติดต่อบริษัทโดยตรงไปเลยดีกว่า แจ้งเขาว่าเราส่งเรซูเม่ตำแหน่งอะไร ส่งไปวันไหน แสดงถึงความต้องการทำงานกับบริษัทนั้นให้มากที่สุด ถ้าเขาตอบว่ายังไม่ได้ดูเรซูเม่ของคุณ ก็ถามต่อว่าต้องรออีกประมาณกี่วัน เมื่อถึงกำหนดวันตามที่แจ้ง ถ้าเขาไม่ติตต่อมาแล้วคุณไม่สบายใจก็ให้ติตต่อไปถามอีกครั้งหากเขายังแจ้งว่าจะติดต่อกลับ ถ้าได้คำตอบแบบนี้ก็ควรเผื่อใจแล้วหาที่ใหม่เผื่อไว้เลย
คนหางานหลายคนใช้บริการสมัครงานผ่านเว็บไซต์หางาน ซึ่งเขาจะให้เรากรอกประวัติส่วนตัวและประวัติการทำงาน พร้อมแนบไฟล์รูปถ่าย ตามแบบฟอร์มที่กำหนด จากนั้นก็แค่กดปุ่มสมัครงาน ซึ่งหลายคนกรอกข้อมูลเหล่านี้แค่พอเป็นพิธีเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจกรอกให้ครบถ้วน ชัดเจน และเห็นภาพ โดยเฉพาะตรงหน้าที่ความรับผิดชอบที่บางคนกรอกสั้นมากจนไม่รู้เลยว่าประสบการณ์ทำงานทำอะไรบ้าง ดังนั้นคุณควรตั้งใจเขียนให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่ตัดโอกาสตัวเองในการถูกเรียกสัมภาษณ์งาน อย่าลืมว่าวิธีการนี้ยังเปิดโอกาสให้ HR ที่เข้ามาค้นหาใบสมัครงานในเว็บได้เจอประวัติของคุณด้วย หากคุณเขียนข้อมูลส่วนนี้ได้น่าสนใจ มีข้อมูลครบถ้วน คุณก็อาจจะได้รับการติดต่อจาก HR โดยไม่ต้องกดสมัครงานเลยก็ได้
ทั้งหมดเป็นแค่การรีเช็กตัวเองเบื้องต้นเท่านั้น เพราะไม่ว่าคุณจะเขียนอีเมลได้ถูกต้อง มี Profile ที่น่าสนใจ หรือจะทำ Resume ให้น่าจับจองมากแค่ไหน แต่ถ้าบริษัทที่คุณยื่นสมัครงานไป ไม่มีตำแหน่งว่าง หรืองานไม่ตรงกับความสามารถของคุณ คุณก็คงไม่ถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานอยู่ดี เพราะฉะนั้นก่อนจะยื่นสมัครงาน อย่าลืมเช็กสิ่งที่เราบอกไปด้วยทุกครั้งดีที่สุด
JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน
ที่มา:
blog.jobthai.com
magnetolabs.com
estopolis.com
kb.hostatom.com