เวลาไปสัมภาษณ์งาน โดยทั่วไปเมื่อพูดคุยกันจบแล้ว HR หรือผู้สัมภาษณ์มักจะถามเราปิดท้ายว่า “มีอะไรที่สงสัยหรืออยากถามเพิ่มเติมไหม” ซึ่งหลาย ๆ คนเวลาเจอคำถามนี้ก็มักจะไปไม่เป็น ไม่รู้จะถามอะไรเพราะไม่ได้เตรียมคำถามเอาไว้ก่อนและจบด้วยการตัดบทว่า “ไม่มี” ซึ่งอาจทำให้เราดูเป็นแคนดิเดตที่ขาดความกระตือรือร้นได้ วันนี้ JobThai เลยจะมาแนะนำทริกดี ๆ ว่าเราควรตอบคำถามนี้ยังไงให้ดูเป็นแคนดิเดตมือโปร
อย่าเพิ่งรีบร้อนตอบว่า “ไม่มีคำถาม” เพื่อจบการสัมภาษณ์
ถึงแม้การไม่มีอะไรถามองค์กรกลับจะไม่ใช่เรื่องผิด แต่ผู้สัมภาษณ์บางคนอาจมองว่าเราขาดความกระตือรือร้นและไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนได้ ดังนั้นเพื่อความเป็นมือโปร เราควรถามคำถามสักเล็กน้อยเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราสนใจงานนี้จริง ๆ และอยากรู้จักองค์กรมากขึ้น โดยอาจเตรียมคำถามล่วงหน้าไปสัก 3-5 คำถาม เมื่อถึงเวลาจริงเราก็จะได้มีลิสต์คำถามเผื่อเลือก
ถามคำถามเพื่อประเมินองค์กร
นอกจากการแสดงความกระตือรือร้นแล้ว การถามคำถามผู้สัมภาษณ์ก็ถือเป็นโอกาสในการประเมินองค์กรด้วย เราจะได้รู้ว่าวิสัยทัศน์ สไตล์การทำงาน และวัฒนธรรมองค์กรของที่ที่เราสมัครเข้ากับเราหรือเปล่า อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่บริษัทที่ประเมินว่าเราเหมาะสมกับตำแหน่งงานไหม แต่เราก็ต้องพิจารณาบริษัทด้วยเช่นกัน
ถามคำถามในสิ่งที่เราอยากรู้จริงๆ
อย่าถามแต่สิ่งที่คิดว่าจะสร้างความประทับใจให้กับผู้สัมภาษณ์ แต่ควรถามในสิ่งที่เราสงสัยจริง ๆ โดยอาจเป็นเรื่องที่มีผลกระทบกับการทำงานของเราหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเนื้องานและองค์กร นอกจากนี้ควรเช็กให้ดีก่อนว่าคำถามที่เราจะถามไม่ใช่สิ่งที่มีข้อมูลบอกไว้อยู่แล้วในเว็บไซต์บริษัท
อย่าถามคำถามที่พูดคุยกันไปแล้วในการสัมภาษณ์
เราสามารถลิสต์คำถามที่อยากรู้หรืออยากถามผู้สัมภาษณ์เอาไว้ก่อนล่วงหน้าได้ แต่ก็ต้องยืดหยุ่นและพร้อมปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ ถ้าคำถามที่เตรียมไว้เป็นสิ่งที่เราและผู้สัมภาษณ์พูดคุยกันไปก่อนแล้วในคำถามก่อนหน้านี้ก็ไม่ควรหยิบมาถามซ้ำอีก เพราะจะทำให้เราดูเป็นคนไม่ใส่ใจและอาจโดนผู้สัมภาษณ์ปัดตกได้
ถามคำถามอย่างสุภาพ
แม้ผู้สัมภาษณ์จะเปิดโอกาสให้เราถามคำถามได้อย่างอิสระ แต่อย่าลืมคำนึงถึงมารยาทในการสัมภาษณ์ด้วย เราควรถามคำถามที่ให้เกียรติผู้สัมภาษณ์ ไม่ละลาบละล้วง และถามด้วยความสุภาพ

สำหรับคนที่ไม่รู้จะถามคำถามอะไรดี JobThai มี 10 คำถามดี ๆ มาแนะนำ!
1. อธิบายการทำงานคร่าว ๆ ใน 1 วันหรือ 1 สัปดาห์ของตำแหน่งงานนี้
การถามถึงหน้าที่ที่ต้องทำในหนึ่งวันหรือหนึ่งสัปดาห์จะช่วยให้เราเข้าใจและเห็นภาพการทำงานที่ละเอียดขึ้นจากใน Job Description ทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่างานนี้เหมาะกับเราจริง ๆ ไหม เนื้องานแตกต่างจากงานเดิมของเราแค่ไหน และช่วยให้เรารู้ว่าองค์กรนี้คาดหวังอะไรจากผู้สมัครงานตำแหน่งนี้
2. ถ้าได้ทำงานนี้ โปรเจกต์แรก หรือ Task แรกที่จะได้ทำคืออะไร
ในการสัมภาษณ์งาน ผู้สัมภาษณ์มักถามถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาและงานที่เราทำอยู่ในปัจจุบันเพื่อประเมินว่าเราเหมาะกับตำแหน่งงานนี้ไหม แต่อาจไม่ได้เล่าถึงสิ่งที่เขาต้องการให้เราทำ ดังนั้นการถามถึงโปรเจกต์หรือ Task ที่เราจะได้รับมอบหมายก็เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ดีที่ช่วยให้เรารู้ว่างานแรกที่เราจะได้เริ่มต้นจัดการคืออะไร
3. ถ้าได้ทำงานนี้ จะได้ทำงานร่วมกับใครบ้าง
การถามถึงเพื่อนร่วมงานจะช่วยให้เราเข้าใจการจัดการภายในทีมและโครงสร้างการทำงานในองค์กร ว่ามีการแบ่งงานในทีมยังไง มี Junior และ Senior กี่คน เราต้องพูดคุยและร่วมงานกับคนอื่น ๆ นอกทีมไหม แผนกอะไรบ้าง แสดงให้เห็นว่าเราคำนึงถึงคนที่ทำงานร่วมกับเราและแสดงให้เห็นถึงมนุษยสัมพันธ์ที่ดีด้วย
4. องค์กรมองหาแคนดิเดตที่มีทักษะอะไรเป็นพิเศษ
ในกรณีที่ Job Description ของตำแหน่งงานที่เราสมัครไม่ได้ระบุทักษะที่จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษเอาไว้ เราสามารถถามคำถามนี้เพื่อประเมินว่าเรามีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่จะผ่านการคัดเลือก หากรู้ว่าองค์กรมีธงแคนดิเดตแบบไหนในใจ เราก็จะได้รู้ว่าเราพอมีลุ้นหรือควรเตรียมตัวหางานใหม่ต่อ เช่น ถ้าเราสมัครงานพนักงานการตลาด โดยมีจุดแข็งเป็นการการคิดคอนเทนต์และทำแคมเปญสื่อสาร แต่องค์กรต้องการแคนดิเดตที่มีทักษะด้านโฆษณา ถนัดการยิง Ads เป็นพิเศษ โอกาสที่เราจะได้งานนี้ก็อาจไม่สูงนัก
5. สไตล์การทำงานของทีมหรือขององค์กรนี้เป็นยังไง
คำถามนี้จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมการทำงานว่าองค์กรที่เราสมัครทำงานกันแบบไหน เช่น องค์กรมีสไตล์การทำงานแบบ Micro-management ที่อยากให้เราคอยอัปเดตความคืบหน้าของงานอยู่ตลอด หรือ Macro-management ที่ให้อิสระในการจัดการงานกับพนักงาน ขอแค่งานยังดำเนินไปตามเป้าหมายที่วางไว้ก็พอ จะได้ประเมินว่าเข้ากับสไตล์การทำงานของเราหรือไม่
6. วัฒนธรรมองค์กรของที่นี่เป็นยังไง
ไม่ใช่แค่สไตล์การทำงานเท่านั้น แต่วัฒนธรรมองค์กรก็สำคัญ การเช็กเรื่อง Culture จะช่วยให้เราประเมินได้ว่าหากเราได้เข้ามาทำงานที่นี่ เราจะแฮปปี้ไหม เช่น องค์กรที่เราสมัครเป็นองค์กรคนรุ่นใหม่ ทำงานกันแบบ Work Hard, Play Harder จริงจังเวลาทำงาน แต่ก็ยังเน้นทำกิจกรรมอื่น ๆ ด้วย มีปาร์ตี้กินเลี้ยงประจำทีมทุกเดือนเพื่อกระชับความสัมพันธ์คนในองค์กร หากเรามองหาองค์กรที่เต็มที่ทั้งเรื่องงานและเรื่องเล่น เราก็น่าจะทำงานที่นี่ได้อย่างมีความสุข
7. การประเมินงานในช่วงทดลองงานมีรูปแบบและขั้นตอนเป็นยังไง
การถามถึงรูปแบบและขั้นตอนการประเมินงานในช่วงทดลองงานจะช่วยให้เรารู้ว่าเราต้องรีพอร์ตการทำงานกับใคร ขั้นตอนการรีวิวงานเป็นยังไง มีการฟีดแบ็กถี่แค่ไหน ผู้ประเมินเรามีแค่หัวหน้างานหรือมีใครคนอื่นอีกบ้าง นอกจากเป็นข้อมูลให้เราได้เตรียมตัวในอนาคตแล้วยังช่วยแสดงให้เห็นอีกว่าเรามีความตั้งใจและสนใจอยากทำงานกับองค์กรนี้จริง ๆ
8. Career Growth ของการทำงานที่นี่เป็นยังไง
ไม่ว่าทำงานที่ไหนก็ควรคิดถึงโอกาสในการเติบโตอยู่เสมอ ดังนั้นเราจึงควรถามถึง Career Growth ในองค์กรที่เราสมัครด้วยว่าเมื่อทำงานไปนาน ๆ แล้วจะมีโอกาสในการเติบโตไปทางไหนได้บ้าง หรือที่นี่มีระบบการพัฒนาพนักงานยังไง มีเทรนนิ่งหรือจัดคอร์สอบรมให้พนักงานบ้างหรือเปล่า
9. เป้าหมายขององค์กรในตอนนี้คืออะไร
การถามถึงเป้าหมายในปัจจุบันจะช่วยให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่าองค์กรกำลังโฟกัสกับอะไรอยู่ และถ้าเราได้เข้ามาทำงานที่นี่ เราต้องให้ความสำคัญกับอะไร เช่น องค์กรเพิ่งออกโปรดักใหม่และต้องการโปรโมตผลิตภัณฑ์นี้ให้คนรู้จัก ขยายฐานลูกค้า เลยต้องการมองหาคนเข้ามาช่วยผลักดันจุดนี้
10. สเต็ปถัดไปหลังการสัมภาษณ์นี้คืออะไร
เมื่อถามคำถามไปพอประมาณหรือถามจนหมดข้อสงสัยแล้ว เราอาจปิดจบด้วยการถามถึงขั้นตอนต่อไปของการสัมภาษณ์ก็ได้ เช่น ถ้าผ่านสัมภาษณ์รอบนี้แล้วยังมีการสัมภาษณ์อีกรอบไหม ถ้ามี เราต้องสัมภาษณ์กับใคร จะได้เป็นข้อมูลไว้สำหรับเตรียมตัว หรือถ้าไม่มีการสัมภาษณ์เพิ่มเติมแล้ว หากเราผ่านรอบนี้ HR จะติดต่อกลับมาภายในกี่วัน จะได้ประเมินเวลาดำเนินเรื่องย้ายงานในอนาคต
หากเราผ่านการคัดเรซูเม่เข้าไปถึงขั้นตอนของการสัมภาษณ์ได้แล้วก็แปลว่าเรามีโอกาสที่จะได้รับเลือก ดังนั้นจึงควรเตรียมตัวให้ดี ฝึกซ้อมตอบคำถามสัมภาษณ์และเตรียมคำถามมาเผื่อถามองค์กรด้วยสัก 3-5 คำถาม เพราะผู้สัมภาษณ์มักมีช่วงที่เปิดโอกาสให้เราได้ถามองค์กรกลับ หากเราไม่ได้เตรียมอะไรไปถามเลย อาจทำให้เราดูเป็นแคนดิเดตที่ขาดความกระตือรือร้น ไม่ใส่ใจ และไม่เป็นมืออาชีพ นอกจากนี้การถามคำถามยังถือเป็นโอกาสที่เราจะได้ประเมินองค์กรด้วยเหมือนกัน แต่อย่าลืมว่าในการถามคำถามองค์กรนั้น เราต้องถามในสิ่งที่เราอยากรู้จริง ๆ อย่าถามในสิ่งที่ได้พูดคุยกันไปแล้วในการสัมภาษณ์ และควรถามด้วยความสุภาพ
ที่มา:
themuse.com, hbr.org, prospects.ac.uk, joinhandshake.com, indeed.com