การได้เลื่อนตำแหน่งถือเป็นก้าวสำคัญที่น่าภาคภูมิใจในชีวิตการทำงาน แต่ก็เป็นบทพิสูจน์ครั้งใหม่ที่ท้าทายไม่น้อย เพราะบทบาทที่เปลี่ยนไปมักมาพร้อมกับความรับผิดชอบและความคาดหวังที่สูงขึ้น การวางตัวอย่างเหมาะสมจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงาน และสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นในทีมได้ บทความนี้ JobThai จึงได้รวบรวมแนวทางการวางตัวของหัวหน้างานมือใหม่ ที่จะช่วยให้การเริ่มต้นตำแหน่งใหม่ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมั่นคงขึ้น
ตำแหน่งที่สูงขึ้นอาจทำให้คุณมีอำนาจ (Authority) ตามโครงสร้างองค์กรที่มากขึ้น แต่การวางตัวที่ดีต่างหากที่จะสร้างอิทธิพล (Influence) ซึ่งโน้มน้าวให้เพื่อนร่วมงานยอมรับและยินดีทำงานด้วยความเต็มใจ ตลอดจนสร้างความน่าเชื่อถือที่แท้จริงได้ หลังจากได้เลื่อนตำแหน่ง ทุกการกระทำและคำพูดของคุณจะถูกจับตามองเป็นพิเศษ การวางตัวอย่างเหมาะสมจะช่วยลดแรงเสียดทาน สร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี และเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและความเคารพจากทั้งสมาชิกในทีมและเพื่อนร่วมงาน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จของทีมในระยะยาว

เมื่อได้เลื่อนตำแหน่ง ความท้าทายใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน การปรับเปลี่ยนวิธีการวางตัวและแนวทางการทำงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เพื่อให้ได้รับการยอมรับและสร้างทีมที่แข็งแกร่งขึ้น
1. ปรับทัศนคติ เข้าใจบทบาทใหม่
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ปรับมุมมองของตัวเอง จากเดิมที่เคยเป็นผู้ปฏิบัติ (Doer) ซึ่งวัดผลจากความสำเร็จของตนเอง มาสู่บทบาทของผู้นำ (Leader) ที่ความสำเร็จวัดจากความสำเร็จของทีม หน้าที่ของคุณได้เปลี่ยนจากการลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเอง มาเป็นการสนับสนุน ชี้แนะ และดึงศักยภาพของทีมออกมาให้ได้มากที่สุด การทำความเข้าใจบทบาทใหม่นี้เป็นหัวใจสำคัญ และเป็นหนึ่งใน สิ่งที่หัวหน้ามือใหม่จำเป็นต้องรู้ในช่วงแรกของการรับตำแหน่ง
2. สื่อสารอย่างเปิดเผย ชัดเจน และเป็นผู้ฟังที่ดี
ทักษะการสื่อสารคือเครื่องมือที่สำคัญที่สุดของผู้นำ ควรสื่อสารเป้าหมายและความคาดหวังกับทีมให้ชัดเจนและโปร่งใส แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นผู้ฟังที่ดี เปิดใจรับฟังความคิดเห็น ปัญหา และข้อเสนอแนะจากสมาชิกในทีมอย่างจริงใจ การสื่อสารสองทางที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดความเข้าใจผิด สร้างความรู้สึกมีส่วนร่วม และทำให้ทีมรู้สึกว่าเสียงของพวกเขามีความหมายและได้รับความเคารพ
3. บริหารความสัมพันธ์อย่างมืออาชีพ ยุติธรรม และมีความเคารพ
การต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าของเพื่อนร่วมงานที่เคยอยู่ในระดับเดียวกันเป็นสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน ควรบริหารความสัมพันธ์ด้วยความเป็นมืออาชีพ ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม หลีกเลี่ยงการแสดงความสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษในเวลางาน การรักษาเส้นแบ่งที่เหมาะสมและให้เกียรติซึ่งกันและกัน จะช่วยลดคำครหาและสร้างบรรยากาศที่ทุกคนรู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
4. แสดงศักยภาพและความเป็นผู้นำ ผ่านการกระทำและผลงานที่จับต้องได้
ความน่าเชื่อถือไม่ได้มาจากตำแหน่ง แต่มาจากการกระทำที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถ ควรแสดงภาวะผู้นำด้วยการตัดสินใจที่เด็ดขาดบนพื้นฐานของข้อมูล การแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล และการเป็นที่พึ่งให้กับทีมได้เมื่อเกิดปัญหา การลงมือทำและสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ จะทำให้ทีมเห็นว่าคุณมีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ได้รับมาอย่างแท้จริง และพร้อมที่จะนำพาทีมไปข้างหน้า
5. ซื่อสัตย์ โปร่งใส รักษาคำพูด และกล้ายอมรับผิด
ความไว้วางใจคือรากฐานที่เปราะบางที่สุด แต่ก็สำคัญที่สุด ควรสร้างสิ่งนี้ด้วยความซื่อสัตย์และโปร่งใสในการทำงาน เมื่อให้คำมั่นสัญญาอะไรไว้กับทีมต้องพยายามรักษาให้ได้ และหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ต้องมีความกล้าหาญที่จะยอมรับและแสดงความรับผิดชอบ การไม่โทษคนอื่นและพร้อมที่จะแก้ไข คือคุณสมบัติของผู้นำที่แท้จริงซึ่งจะซื้อใจสมาชิกภายในทีม และทำให้พวกเขาพร้อมจะร่วมสู้ไปกับคุณ
6. เปิดใจเรียนรู้ พัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ และรับฟังความคิดเห็นรอบด้าน
การเลื่อนตำแหน่งไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการเรียนรู้ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ในบทบาทใหม่ คนที่เป็นผู้นำควรเปิดใจรับฟังข้อเสนอแนะจากคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกภายในทีม เพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้าของคุณเอง การแสดงออกว่าคุณพร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ จะทำให้คุณเป็นผู้นำที่เข้าถึงง่ายและได้รับการยอมรับ อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในทีม

การสร้างความน่าเชื่อถือต้องใช้เวลายาวนาน แต่การทำลายความน่าเชื่อถือนั้นเกิดขึ้นได้ในพริบตา นี่คือพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อรักษาความไว้วางใจของทีมเอาไว้
- การใช้อารมณ์เหนือเหตุผล หรือแสดงความไม่เป็นมืออาชีพ
ภาวะผู้นำต้องการความมั่นคงทางอารมณ์ การแสดงความหงุดหงิด โมโห หรือใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ จะบั่นทอนความเชื่อมั่นของทีมอย่างรุนแรง พนักงานต้องการผู้นำที่สามารถเป็นที่พึ่งและควบคุมสถานการณ์ได้แม้ในภาวะกดดัน การรักษาความเป็นมืออาชีพในทุกสถานการณ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ทีมรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยในการทำงานร่วมกับคุณ
- การเปลี่ยนแปลงกะทันหันจนทีมปรับตัวไม่ทัน
แม้คุณอาจมีไอเดียมากมายที่อยากจะเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างทันทีโดยไม่ปรึกษาทีม อาจสร้างแรงต้านและความรู้สึกไม่มั่นคงให้กับพนักงาน แนวทางที่ดีกว่าคือ การใช้เวลาในการสังเกตและเรียนรู้ระบบงานเดิมให้เข้าใจเสียก่อน จากนั้นจึงค่อย ๆ นำเสนอการเปลี่ยนแปลงโดยอธิบายเหตุผลและเป้าหมายให้ชัดเจน และเปิดโอกาสให้ทุกคนในทีมได้มีส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนนั้น ๆ
- การไม่รับฟังความคิดเห็น หรือยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง
การได้รับตำแหน่งใหม่อาจทำให้บางคนรู้สึกว่าความคิดของตนเองถูกต้องที่สุด จนละเลยการรับฟังความคิดเห็นจากคนในทีม การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณพลาดข้อมูลหรือมุมมองดี ๆ แต่ยังทำลายขวัญและกำลังใจของพนักงาน ทำให้พวกเขารู้สึกไม่มีคุณค่าและไม่อยากมีส่วนร่วมอีกต่อไป ผู้นำที่แท้จริงคือผู้ที่สามารถดึงศักยภาพของคนในทีมออกมาได้ และทำให้พวกเขาสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อทั้งตัวเองและองค์กร
การได้เลื่อนตำแหน่งคือโอกาสและความท้าทายครั้งสำคัญในการพิสูจน์ตนเอง ซึ่งความสำเร็จในบทบาทใหม่นี้ไม่ได้วัดจากอำนาจที่เพิ่มขึ้น แต่วัดจากความสามารถในการสร้างความไว้วางใจและการยอมรับจากคนรอบข้าง การปรับทัศนคติให้ถูกต้อง สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ วางตัวอย่างมืออาชีพ และแสดงภาวะผู้นำผ่านการกระทำ คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่รักของทุกคนในทีม
ที่มา:
bangkokbanksme.com
algchiro.com
unlockmen.com
thestandard.co