“เมื่อไหร่เราจะหาคนได้สักที เดือนนี้มีใบสมัครส่งมาน้อยมาก”

วราฤทธิ์ บ่นกับน้อง ๆ ในทีม Recruit ถึงปัญหาในการหาคน แถมช่วงนี้ก็มีน้องเก่ง ๆ หลายคนเริ่มทยอยลาออกอีก จนเขาต้องเรียกประชุมทีมด่วนเพื่อหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ 

ในช่วงที่ผ่านมานี้มีการถกเถียงกันทั่วไปว่าคนทำงานเก่ง ๆ นั้นคาดหวังอะไรจากองค์กร องค์กรควรทำอย่างไรจึงจะดึงดูดคนทำงานเก่ง ๆ มาเข้าทำงาน และยอมอยู่กับบริษัทได้นาน หลายองค์กรเลือกใช้วิธีการสร้างวัฒนธรรมองค์กรออกมาให้โดดเด่นเพื่อเป็นการดึงดูดคนทำงานเก่ง ๆ เหล่านั้น ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมีปัญหาเรื่องการหาคนเข้าร่วมงานอยู่ JobThai ขอเชิญมาทบทวนกันดีกว่าว่าคุณได้ทำสิ่งผิดพลาดเหล่านี้ลงไปหรือเปล่า

1. ประกาศงานที่ไม่ดึงดูดใจ 

พนักงานสรรหาบุคลากรหลายคนยังคงคิดว่าแค่การโพสประกาศงานธรรมดาๆ ลงในเว็บไซต์หางาน สมัครงาน ก็จะสามารถดึงดูดคนทำงานเก่งๆ มาเป็นตัวเลือกได้เลย แต่ในยุคนี้องค์กรเองไม่ใช่ผู้เลือกเพียงอย่างเดียว คนหางานเองก็เป็นผู้เลือกด้วยเช่นกัน นอกจากเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบ และค่าตอบแทนแล้ว เขายังสนใจด้วยว่าเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากองค์กร และความท้าทายต่างๆ ที่จะมีในองค์กรนี้ ถ้าคุณอยากให้เขาเลือกองค์กรของคุณ ก็พยายามหาคำตอบให้คำถามนี้ นี่แหละที่เรียกว่า “การสร้างแรงดึงดูด”

คุณควรแจ้งว่า องค์กรของคุณเป็นแบบไหน มีวิสัยทัศน์อย่างไร อธิบายวัฒนธรรมองค์กรของคุณตั้งแต่ในประกาศงาน และเมื่อได้โพสประกาศงานไปแล้วคุณควรติดตามผลการสมัครงานอย่างสม่ำเสมอว่าได้รับความสนใจมากหรือไม่ เมื่อคัดเลือกผู้สมัครงานมาแล้ว ก่อนที่จะทำการสัมภาษณ์เราก็ควรจะพยายามทำความรู้จักผู้สมัครงานด้วย หลายองค์กรคาดหวังว่าผู้สมัครงานจะทำการบ้านเกี่ยวกับองค์กรมาก่อน เช่นเดียวกันเราก็ควรทำการบ้านเกี่ยวกับผู้สมัครด้วย พวกเขาจะรู้สึกดีมากเพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าคุณมีความใส่ใจในตัวเขา นอกจากนี้ยังทำให้เราตั้งคำถามในการสัมภาษณ์งานได้ดีขึ้นอีกด้วย

2. ไม่ยืดหยุ่น

เพื่อการดึงดูดคนให้มาสมัครงานแล้ว ในอดีตหลายๆ องค์กรมักจะใช้วิธีบรรยายสรรพคุณเพิ่มเติม เช่น มีฟิตเนส มีโรงอาหาร หรือมีห้องสำหรับดูแลลูกของพนักงาน แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น หลายบริษัทจึงเปลี่ยนวิธีการดึงดูดเป็นเรื่องของเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น หรือแม้กระทั่งการทำงานโดยที่ไม่ต้องมาออฟฟิศก็ได้

การให้ทำงานจากที่บ้านเริ่มจะกลายเป็นเรื่องปกติ และจากการสำรวจพบว่าคนที่ทำงานที่บ้านนั้นมีชั่วโมงการทำงานมากกว่าคนที่ทำงานในออฟฟิศถึง 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เลยทีเดียว แต่วิธีการประเภทนี้ก็อาจจะไม่ได้เหมาะสมกับทุกองค์กร สิ่งที่ควรทำก็คือพิจารณาดูว่าองค์กรของคุณต้องทำงานประเภทไหน ต้องประสานงานกับองค์กรประเภทใด พนักงานจะต้องมีการทำงานอย่างไรบ้าง บางตำแหน่งหน้าที่นั้นอาจจะปรับเปลี่ยนได้ แต่หลายๆ หน้าที่ก็จำเป็นที่จะต้องทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ ดังนั้นก่อนที่จะปรับเปลี่ยนอะไรใหม่ๆ เราต้องพิจารณาก่อนว่าวิธีนั้นๆ มันเป็นไปได้กับองค์กรแค่ไหน

3. ความไม่พร้อมทางเทคโนโลยี

ยุคนี้เป็นยุคที่เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสังคม ผู้สมัครงานที่มีประสิทธิภาพนั้นมักจะคาดหวังให้การทำงานในองค์กรนั้นมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเอื้อต่อการทำงาน เพื่อให้การทำงานนั้นสะดวก ลื่นไหล และมีประสิทธิภาพดีที่สุด

บางองค์กรอาจจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกสำหรับองค์กรเล็กๆ ที่มีงบประมาณในการลงทุนด้านนี้จำกัด คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนกับเทคโนโลยีมากมายนัก อาจจะแค่แล๊ปท็อปสักเครื่อง แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ก็ทำให้คนทำงานส่วนใหญ่พอใจได้แล้ว นอกจากพวกอุปกรณ์แล้วการใช้แอปพลิเคชั่นต่างๆ ก็สามารถช่วยทำให้งานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้ด้วย

4. ไม่มีส่วนร่วมกับฝ่ายบริหาร

วัฒนธรรมองค์กรควรจะเป็นการส่งต่อจากข้างบนลงมาข้างล่าง เพื่อให้พนักงานได้รับประโยชน์จากวัฒนธรรมองค์กรนี้ ฝ่ายบริหารก็ควรจะยอมรับวัฒนธรรมนี้ด้วยเช่นกัน วิธีหนึ่งที่ฝ่ายบริหารควรจะทำเพื่อทำให้วัฒนธรรมองค์กรแข็งแรงคือการจัดประชุมทั้งบริษัทเดือนละครั้ง นี่จะช่วยให้พนักงานในบริษัทเข้าใจวัตถุประสงค์ขององค์กรในระยะยาว ฝ่ายบริหารเองก็ยังมีโอกาสทำความรู้จักพนักงานระดับปฏิบัติการด้วย สร้างความรู้สึกเป็นกันเองและความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันขององค์กร อีกวิธีคือทำให้ออฟฟิศเป็นโต๊ะทำงานแบบเปิดโล่ง ที่พนักงานระดับบริหารสามารถลงไปคลุกคลีกับพนักงานระดับปฏิบัติการได้ นอกจากจะทำให้ที่ทำงานดูโล่งแล้ว ยังเป็นการลดกำแพงการสื่อสารลงได้อีกด้วย

JobThai มี Line แล้วนะคะ

ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่

ที่มา:

insperity.com