ใครที่มีแผนจะโยกย้ายบริษัทหรือหางานใหม่อยู่ แต่ไม่รู้ว่าควรหางานใหม่ช่วงไหนดีถึงจะมีโอกาสได้งานมากที่สุด วันนี้ JobThai มีข้อมูลดี ๆ มาฝาก ไม่ว่าจะเป็นเด็กจบใหม่ไฟแรง หรือพนักงานที่มีประสบการณ์ทำงานแล้ว ใครอยากได้งานที่ตรงใจโดยไม่ต้องเสียเวลารอนาน เราได้เตรียมแนวทางดี ๆ พร้อมสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับการเปลี่ยนงานมาแนะนำ มาดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง
การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการหางานใหม่ เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจเพิ่มโอกาสในการได้งานมากกว่าที่หลายคนคิด เพราะในบางช่วงเวลา หลายบริษัทมักจะเปิดรับสมัครพนักงานใหม่พร้อมกัน ทำให้มีตำแหน่งงานว่างมากกว่าปกติ จึงเป็นโอกาสทองในการเปลี่ยนงาน สำหรับคนที่อยากมีตัวเลือกในการหางานมากขึ้น
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการหางานใหม่มักจะอยู่ในช่วงต้นปี โดยเฉพาะเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ เนื่องจากเป็นช่วงที่หลายบริษัทเริ่มปีงบประมาณใหม่ และมีการวางแผนเพิ่มตำแหน่งงานตามความเหมาะสมขององค์กร จึงทำให้มีตำแหน่งงานเปิดรับมากกว่าช่วงอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังเป็นช่วงที่พนักงานหลายคนลาออกจากงานหลังได้รับโบนัสปลายปี เลยส่งผลให้มีตำแหน่งงานว่างเพิ่มขึ้นอีกด้วย แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ช่วงที่บริษัทส่วนใหญ่เปิดรับคนพร้อม ๆ กัน ก็เป็นช่วงที่คนส่วนใหญ่มองหาตำแหน่งงานใหม่เช่นกัน ทำให้อัตราการแข่งขันในช่วงนี้สูงกว่าเดิม จึงต้องชั่งน้ำหนักให้ดีในจุดนี้ เพราะที่จริงแล้ว การเลือกเปลี่ยนงานในช่วงอื่น ๆ ของปีก็ไม่ได้เป็นทางเลือกที่แย่ซะทีเดียว แม้ตำแหน่งงานที่เปิดรับอาจไม่เยอะมาก แต่จำนวนคู่แข่งก็มีแนวโน้มน้อยกว่าช่วงต้นปี หากเราเลือกงานที่ตรงกับความสามารถ และมีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีก่อนสมัครงานก็มีโอกาสได้งานสูงเช่นเดียวกัน
การเตรียมตัวที่ดีก่อนเปลี่ยนงาน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานใหม่ที่ตรงใจ ไม่ว่าเราจะเป็นเด็กจบใหม่หรือผู้มีประสบการณ์มาหลายปีแล้วก็ตาม การวางแผนเพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้พร้อมรับมือกับการสัมภาษณ์ได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามไป เมื่อเจอบริษัทที่อยากจะทำงานด้วย เราจะได้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ มาดูกันดีกว่าว่าควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ก่อนจะเริ่มหางานใหม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือการประเมินความสามารถของตัวเอง ลองนั่งทบทวนดูว่าเรามีทักษะอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางวิชาชีพหรือทักษะทั่วไป เช่น ความสามารถด้านภาษา ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ หรือทักษะการสื่อสาร นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ผลงานที่ภาคภูมิใจ และความสำเร็จต่าง ๆ ที่เคยได้รับมา เพราะการประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้เราเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเลือกตำแหน่งงานที่เหมาะสม และการนำเสนอตัวเองในการสัมภาษณ์งานโดยไม่ฝืนตัวเองจนเกินไป
เมื่อเข้าใจความสามารถของตัวเองแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตั้งเป้าหมายในการทำงาน ลองถามตัวเองว่าเราต้องการทำงานในตำแหน่งอะไร อุตสาหกรรมไหน และบริษัทแบบไหนที่เราอยากร่วมงานด้วย การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เราเลือกตำแหน่งงานได้ตรงกับความต้องการมากขึ้น นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพ เงินเดือนที่คาดหวัง และสวัสดิการที่ต้องการด้วย การตั้งเป้าหมายที่สมเหตุสมผลและท้าทายจะช่วยผลักดันให้เราพัฒนาตัวเองและก้าวหน้าในอาชีพได้อย่างมั่นคง
การเตรียมเอกสารที่จำเป็นให้พร้อมเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากในการหางานใหม่ โดยเฉพาะเอกสารสำคัญอย่างเรซูเม่ (Resume) เราควรอัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน และปรับแต่งให้เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่สมัคร นอกจากนี้ยังควรเตรียมจดหมายแนะนำตัว (Cover Letter) ที่แสดงถึงความสนใจและความเหมาะสมของเรากับตำแหน่งงานนั้น ๆ ส่วนเอกสารอื่น ๆ อย่างใบรับรองการทำงาน พอร์ตโฟลิโอที่รวบรวมผลงานต่าง ๆ ที่ภาคภูมิใจ และมีความเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครใหม่ ก็สามารถแนบเป็นสำเนาไปด้วยได้ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานที่เราสมัครว่าต้องการพิจารณาเอกสารอะไรบ้าง และที่ห้ามพลาดเลยคือการตรวจทาน เช็กข้อมูลในเอกสารให้ถูกต้อง หลายคนมักทำพลาดบ่อยครั้งด้วย การใช้เอกสารชุดเก่าสมัครงาน นอกจากจะทำให้ไม่ได้งานแล้ว ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ติดลบให้กับตัวเองอีกด้วย
การศึกษาข้อมูลของบริษัทที่สนใจก่อนเปลี่ยนงานก็สำคัญเช่นกัน หากสนใจอยากร่วมงานกับบริษัทไหน เราควรหาข้อมูลความเป็นมาของบริษัท วิสัยทัศน์ พันธกิจ และวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทนั้น ๆ ให้ละเอียด เพราะเมื่อถูกเรียกสัมภาษณ์จริง ๆ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยแสดงให้ทางผู้สัมภาษณ์เห็นว่าเรารู้จักและศึกษาข้อมูลองค์กรมาเป็นอย่างดี และมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมงานกับองค์กรจริง ๆ นอกจากนี้การศึกษาข้อมูลบริษัท ยังช่วยให้เราเข้าใจและเห็นภาพการทำงานในบริษัทนั้นมากขึ้นด้วยว่า วัฒนธรรมองค์กรของบริษัทที่เราสนใจเหมาะกับตัวเราไหม ถ้าเราได้เข้าไปทำงานที่นั่นจะรู้สึกอึดอัด หรือต้องปรับตัวเยอะหรือเปล่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจุดสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน
การเปลี่ยนงานใหม่อาจส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เราควรพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มขึ้นเมื่อเปลี่ยนงาน เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก หรือค่าอาหาร หลายคนมักมองข้ามการคำนวณค่าใช้จ่ายไป และลงเอยด้วยการเลือกงานที่เดินทางไกลกว่าเดิม แต่หักลบแล้วมีรายได้ต่อเดือนที่ลดลงจากการเสียค่าเดินทางที่มากขึ้น นอกจากนี้ควรเผื่อเวลา และเงินสำรองไว้สำหรับช่วงรอยต่อกรณีที่เราอาจต้องว่างงานชั่วคราวระหว่างการเปลี่ยนงานด้วย
หวังว่าทุกคนจะพอเห็นภาพกันแล้วว่าควรหางานใหม่ช่วงไหนดี และต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งานที่ตรงใจ และหากอยากได้งานที่ใช่สำหรับตัวเอง ลองเข้ามาค้นหางานผ่าน JobThai ได้ เพราะเราเป็นแพลตฟอร์มหางาน-สมัครงานชั้นนำของประเทศไทย ที่มีตำแหน่งงานรองรับในทุกอุตสาหกรรม และพร้อมช่วยเหลือคนที่ต้องการเปลี่ยนงานอย่างตอบโจทย์ เพราะการเปลี่ยนงานใหม่คือก้าวสำคัญของชีวิต จึงต้องเลือกให้ดีเพื่อความสุขในการทำงานที่เราต้องการ
JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน