ทางเลือกของคนทำงาน เงินเดือนสูงกับสวัสดิการเด่น ควรเลือกอะไรดี

ทางเลือกของคนทำงาน เงินเดือนสูงกับสวัสดิการเด่น ควรเลือกอะไรดี
19/06/23   |   27.4k   |  

 

เงินเดือนที่สูง

  • เป็นประโยชน์ต่อการสมัครงานในอนาคตของเรา เพราะองค์กรใหม่จะอิงรายได้ของเราจากฐานเงินเดือนเดิม

  • จัดสรรเงินเพื่อเลือกสิ่งที่ตรงกับ Lifestyle ของตัวเองได้ เช่น ประเภทของการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่สนใจ

  • สามารถวางแผนการลงทุน ประกัน และการออมเงิน ตามลำดับความสำคัญของชีวิตตัวเองได้ อย่างพนักงานอายุน้อยอาจต้องการลงคอร์สเพื่อพัฒนาทักษะ นำเงินไปลงทุน หรือจับจ่ายในสิ่งของที่ตัวเองอยากได้

สวัสดิการที่ยอดเยี่ยม

  • สวัสดิการอย่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นตัวช่วยที่สามารถวางแผนการออมของเราล่วงหน้าได้เลย 

  • ประกันต่าง ๆ ที่องค์กรทำให้ อาจช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการทำประกันได้ในระดับหนึ่ง และทำให้เราไม่ต้องไปคอยศึกษาเองหรือไปเสียเงินก้อนโตเมื่อไม่สบาย 

  • สวัสดิการประเภทเงินพิเศษหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาจทำให้เรามีเงินเก็บเยอะขึ้น และบางตำแหน่งอาจมีค่าคอมมิชชันหรือ Fix Bonus ทำให้เรามีรายได้หรือเงินเก็บมากกว่าฐานเงินเดือนปกติของตำแหน่งอื่น

  • วัน-เวลาทำงาน วันหยุด หรือสถานที่ทำงานที่ยืดหยุ่น ทำให้ตอบโจทย์การทำงานและการใช้ชีวิตของคนทำงานในปัจจุบันได้มากขึ้น

 

 

 

JobThai Mobile Application หางานง่าย ได้งานที่ใช่ โหลดเลย!

iOS

Android

Huawei AppGallery

ในชีวิตของคนทำงานทุกคน มักจะมีตัวเลือกที่ต้องลำบากใจเข้ามาให้เราตัดสินใจเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำงานระหว่างองค์กรเล็ก-องค์กรใหญ่ บริษัทใกล้บ้านแต่เงินเดือนน้อย-บริษัทไกลบ้านแต่เงินเดือนเพิ่มขึ้นมาหน่อย และอีกหนึ่งปัญหาที่คนทำงานหลายคนคิดไม่ตกคือ ระหว่างงานที่เงินเดือนดีกับงานที่มีสวัสดิการยอดเยี่ยม ควรจะเลือกงานไหนดี? เพราะทั้ง 2 อย่างนี้ก็เป็นสิ่งที่คนทำงานหลายคนเลือกเอามาเป็นปัจจัยในการเลือกตอบรับเข้าทำงาน

 

วันนี้ JobThai เลยอยากมาแชร์ข้อดีระหว่างการทำงานที่ได้เงินเดือนดีกับสวัสดิการที่ยอดเยี่ยมให้ทุกคนเอาแนวทางไปใช้ประกอบการตัดสินใจ

 

องค์กรขนาดเล็กกับขนาดใหญ่ ทำงานในองค์กรไหนดีกว่ากัน

 

งานที่เงินเดือนสูง

คนทำงานหลายคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า “เงินเดือน” คือค่าตอบแทนที่เราได้รับมาจากการนำความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ มาใช้ในการทำงาน ซึ่งแต่ละอาชีพและตำแหน่งก็จะมีรายรับที่แตกต่างกัน นอกจากนี้เงินเดือนที่สูงยังสามารถบอกอะไรได้อีกหลายอย่าง ทั้งทักษะที่เรามี ความก้าวหน้าในอาชีพ และการเติบโตขององค์กร ซึ่งการมีฐานเงินเดือน (Base Salary) ที่สูงมีข้อดีคือ

 

เรียกเงินเดือนได้สูงเมื่อสมัครงานในอนาคต

ฐานเงินเดือนที่สูงจะเป็นประโยชน์ต่อการสมัครงานในอนาคตของเรามากกว่า เพราะองค์กรใหม่จะอิงรายรับเราจากฐานเงินเดือนที่ไม่รวมเงินโบนัสหรือเงินค่าคอมมิชชัน แต่การมีเงินเดือนที่สูงก็มีข้อควรระวังอยู่ เพราะการได้เงินเดือนสูงนั่นหมายความว่าเรามีทักษะความสามารถที่โดดเด่น มีหน้าที่ความรับผิดชอบค่อนข้างเยอะ หรือต้องเจองานที่ท้าทายและยากอยู่เสมอ ทำให้องค์กรใหม่ที่เราไปสมัครงานมีความคาดหวังในตัวเรามากตามไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาหากเรามีทักษะในการทำงานที่มากพอ แต่หากว่าทักษะของเรายังไม่พอ สุดท้ายเราอาจเจอกับความเครียดและความกดดันที่ไม่สามารถทำงานได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้

 

มีโอกาสเลือกสิ่งที่ตรงกับ Lifestyle ของตัวเองได้มากกว่า

ต้องยอมรับว่าสวัสดิการที่องค์กรให้มาในบางครั้งอาจไม่เหมาะกับคนทำงานทุกเพศทุกวัย ซึ่งสวัสดิการบางอย่างที่องค์กรให้ก็อาจไม่เหมาะกับ Lifestyle ของเรา อย่างงานอดิเรกที่ชอบ กิจกรรมที่อยากทำ หรือการออกกำลังกายที่แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน ถ้าสวัสดิการที่องค์กรให้มีแต่การออกกำลังกายแบบคาดิโอ ก็คงไม่เหมาะกับคนที่ชอบการออกกำลังกายแบบ Weight Training แต่ถ้าเรามีเงินเดือนที่สูงพอ หากมีคลาสโยคะหรือฟิตเนสที่สนใจก็สามารถใช้เงินตรงนี้มาตอบโจทย์ Lifestyleของตัวเองได้เลย 

 

วางแผนอนาคตได้ด้วยตัวเอง

เงินเดือนที่สูงจะทำให้เราสามารถวางแผนการลงทุน ประกัน และการออมเงิน ตามลำดับความสำคัญของชีวิตตัวเองได้ อย่างพนักงานอายุน้อยอาจต้องการลงคอร์สเพื่อพัฒนาทักษะ นำเงินไปลงทุน หรือจับจ่ายในสิ่งของที่ตัวเองอยากได้มากกว่าประกันสุขภาพที่อาจใช้เวลาอีกสัก 2-3 ปีถึงค่อยเลือกซื้อ หรือพนักงานที่มีอายุมากก็อาจเอาเงินไปลงทุน หรือซื้อประกันแบบสะสมทรัพย์เพื่อบริหารความเสี่ยง แต่สำหรับคนที่วางแผนอนาคตไม่เก่งการที่ไม่มีสวัสดิการ ก็อาจทำให้การวางแผนอนาคตด้วยตัวเองมีบางอย่างที่ตกหล่นไป เช่น ลืมหรือละเลยการทำประกันสุขภาพเอาไว้ เมื่อสุขภาพแย่ลงก็อาจต้องเสียเงินก้อนโตเพื่อรักษาตัวเอง 

 

5 เทคนิคสัมภาษณ์งานยังไงไม่ให้ถูกต่อเงินเดือน

งานที่มีสวัสดิการยอดเยี่ยม

สวัสดิการคือสิ่งที่บริษัทจะมอบให้เพื่อดูแล อำนวยความสะดวก หรือจูงใจพนักงานของตน เช่น ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ การันตีโบนัส หรือห้องสันทนาการ อย่างห้องซ้อมดนตรี บอร์ดเกม และห้องเล่นเกม ซึ่งสวัสดิการในปัจจุบันก็มีการเปลี่ยนแปลงและน่าสนใจมากขึ้น บางองค์กรมีเงินพิเศษให้แก่พนักงานที่มีทักษะเฉพาะที่เป็นที่ต้องการของตลาด วันหยุดพิเศษในวันเกิด ค่าวัคซีน COVID-19 หรือ Budget ให้พนักงานสามารถนำไปใช้กับสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ ซึ่งสวัสดิการบางอย่างที่บริษัทให้พนักงานก็มีข้อดีที่อาจช่วยพนักงานได้หลาย ๆ เรื่อง 

 

ช่วยวางแผนการออมในอนาคต 

สวัสดิการบางอย่างสามารถช่วยวางแผนการเงินของเราล่วงหน้าได้เลย เช่น สวัสดิการประเภทการออมอย่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งถือเป็นการออมเงินในรูปแบบหนึ่ง ทำให้เราไม่ต้องคอยบริหารเงินเอง และที่สำคัญบริษัทก็จะช่วยสมทบเงินออมให้เราในทุกเดือนอีกด้วย แต่การออมเงินสำรองเลี้ยงชีพก็เป็นอีกสิ่งที่เราต้องกังวลเช่นกัน เพราะการออมเงินเดือนตั้งแต่ 2-15% หากน้อยไปก็อาจไม่ได้เงินก้อนตามที่หวังไว้ แต่ถ้ามากไปก็อาจไม่พอสำหรับการใช้จ่ายต่อเดือน

 

ลดภาระค่าประกันที่ต้องจ่ายต่อปี

บางครั้งการศึกษารายละเอียดของประกัน ทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพ อาจเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับคนทำงานหลายคน เพราะไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับการทำประกันแบบไหน คลอบคลุมอะไรบ้าง และยังมีค่าใช้จ่ายต่อปีที่สูง ซึ่งประกันชีวิตและประกันสุขภาพที่องค์กรทำให้ก็ถือเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเราได้ในระดับหนึ่ง และทำให้เราไม่ต้องไปคอยศึกษาเองหรือไปเสียเงินก้อนโตเมื่อไม่สบาย เพราะบางองค์กรจะมี HR มาอธิบายรายละเอียดของประกันให้เราฟัง ในขณะที่บางบริษัทไม่มีประกันให้พนักงาน แต่ก็จะมีวงเงินต่อปีให้พนักงานสามารถเบิกได้เวลาเข้าโรงพยาบาล แต่ข้อเสียคืออาจมีเงื่อนไขและความครอบคลุมในการรักษาพยาบาลบางอย่างที่ไม่เหมาะกับเราหรือไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ คนทำงานบางคนที่มีประกันของตัวเองอยู่แล้วหรืออยากทำประกันเพิ่มเติมก็อาจต้องใช้เวลาในการศึกษารายละเอียดของประกันไม่ให้ซ้อนกัน และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

 

เงินเก็บมากขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง

สวัสดิการประเภทเงินพิเศษหรือเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาจทำให้เรามีเงินเก็บเยอะขึ้นกว่าการได้เงินเดือนเพียงอย่างเดียว อย่างค่าคอมมิชชันในบางตำแหน่งหรือ Fixed Bonus ที่เราจะได้ต่อปี หากนำมาคิดรวมกับเงินเดือนทั้งปีแล้วหารเป็นรายเดือนอาจทำให้เรามีรายได้มากกว่าฐานเงินเดือนปกติของตำแหน่งอื่น ซึ่งงานที่จะมีโอกาสได้เงินพิเศษพวกนี้อาจเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะในการทำงานที่ยากและกดดันมากขึ้น นอกจากนี้บางองค์กรอาจมีเบี้ยขยัน ค่าเสื่อมในกรณีที่ใช้อุปกรณ์ของตัวเองในการทำงาน ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าโทรศัพท์ให้กับพนักงานด้วย แต่ข้อเสียก็คือหากต้องการย้ายงาน เวลาเรียกเงินเดือนที่ใหม่ส่วนใหญ่ก็ต้องอิงจากฐานเงินเดือนที่ไม่รวมโบนัส ค่าคอมมิชชัน หรือเงินพิเศษอื่น ๆ

 

มีเวลาและรูปแบบการทำงานที่ตอบโจทย์ตัวเอง

สวัสดิการประเภทวัน-เวลาทำงาน และวันหยุดที่ยืดหยุ่น หรือการไม่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน เป็นอีกหนึ่งสวัสดิการที่ตอบโจทย์คนทำงานในปัจจุบันมาก เพราะสามารถทำงานในเวลาและสถานที่ที่ตัวเองต้องการได้ ซึ่งคนทำงานหลาย ๆ คนอาจมีไลฟ์สไตล์การทำงานที่แตกต่างกันไป ทั้งชอบบรรยากาศสงบ ๆ ในการทำงาน ชอบบรรยากาศที่ครื้นเครง หรือบางคนชอบทำงานตอนดึกมากกว่าตอนเช้า สวัสดิการประเภทนี้ก็สามารถกำหนดบรรยากาศการทำงานที่ชอบได้เลย ในขณะที่คนทำงานบางส่วนอาจมีเรื่องราวต่าง ๆ ที่แทรกเข้ามาในชีวิต เช่น คลอดบุตร เลี้ยงดูบุตรแรกเกิด สวัสดิการวันลาที่ยืดหยุ่นก็จะมาตอบโจทย์คนทำงานที่มีภารกิจตรงนี้เช่นเดียวกัน

 

สุดท้ายการตัดสินใจเลือกงานสักที่หนึ่ง อาจไม่ใช่แค่เรื่องของสวัสดิการหรือเงินเดือน แต่ต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความต้องการในช่วงนั้นด้วย อย่างเรื่องของอายุ หากเรายังอายุน้อยการเลือกงานที่มีรายได้สูงก็อาจเป็นการเริ่มต้นที่ดี เราจะได้ค่อย ๆ สร้างรากฐานและวางแผนให้ชีวิตตัวเอง เมื่อมีอายุมากขึ้นและมีครอบครัว การเลือกองค์กรที่มีสวัสดิการที่ยอดเยี่ยมก็อาจตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้เราได้มากกว่า

 

10 สิ่งที่ได้รู้จากการเป็นมนุษย์เงินเดือน

 

สมัครสมาชิกกับ JobThai เพิ่มโอกาสในการได้งานที่ใช่ แม้ไม่ได้ส่งใบสมัคร

ติดตาม Career Talk Podcast ได้ที่

Spotify

Soundcloud

Apple Podcasts

Google Podcasts

Anchor

 

JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน

 

Source:

themomentum

JobThai Official Group

tags : jobthai, งาน, หางาน, สมัครงาน, มนุษย์เงินเดือน, เงินเดือน, สวัสดิการ, เงินเดือนกับสวัสดิการ, คนทำงาน, การทำงาน, เคล็ดลับการทำงาน, เคล็ดลับสำหรับคนทำงาน, career&tips, career, career talk



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม