Career Insight: เปลี่ยนงานบ่อยเพื่อเงินเดือนที่ก้าวกระโดด จะทำให้ Profile เสียหรือไม่

Career Insight: เปลี่ยนงานบ่อยเพื่อเงินเดือนที่ก้าวกระโดด จะทำให้ Profile เสียหรือไม่
26/10/18   |   10k   |  

ช่วงเดือนที่ผ่านมามีคนใกล้ตัวของพี่เดือนหลายคนเปลี่ยนงานหรือเริ่มมีความคิดที่อยากจะหาความท้าทายใหม่ ๆ พร้อมกับไต่ระดับไปสู่เงินเดือนที่สูงขึ้นด้วย มีบางคนเหมือนกันที่เข้ามาถามพี่ว่าหากพี่เดือนเป็น HR ที่คอยพิจารณาเรซูเม่สมัครงานนั้น มองว่าการเปลี่ยนงานบ่อยเพื่อเพิ่มเงินเดือนให้กับตัวเองจะทำให้ Profile ของเราดูไม่ดีและมีผลกระทบต่อการสมัครงานครั้งใหม่หรือไม่ ในความคิดพี่จริง ๆ แล้วในทุกเรื่องต่างก็มีมุมมองที่ดีและไม่ดีเกิดขึ้น พี่เดือนเลยคิดว่าน่าจะเอาเรื่องนี้มาฝากสำหรับน้องที่ใช้วิธีเปลี่ยนงานบ่อย ๆ เพื่อเพิ่มเงินเดือนให้ตัวเองแล้วกลัวว่าจะส่งผลต่อการสมัครงานในอนาคตค่ะ

 


 

คนหางานที่มีอายุตั้งแต่ 18 – 34 ปี

มีความคิดว่าการเปลี่ยนงานเป็นเรื่องปกติและมีประโยชน์ถึง 75 เปอร์เซ็นต์
 

 

มีผลสำรวจในต่างประเทศที่จัดทำโดยองค์กรชื่อ Robert Half ที่พี่อ่านเจอมา ซึ่งเขาได้ทำแบบสอบถามกับคนทั่วไปกว่าพันคนทั่วสหรัฐอเมริกาปรากฎว่าจริง ๆ แล้วแนวคิดในเรื่องการเปลี่ยนงานก็ปรับเปลี่ยนไปตามช่วงอายุของคนเช่นกัน อย่างคนทำงานที่อายุ 18 – 34 ปีมีความคิดว่าการเปลี่ยนงานเป็นเรื่องปกติและมีประโยชน์สูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ส่วนคนที่อายุอยู่ในช่วง 35 – 54 ปี กว่า 59 เปอร์เซ็นต์คิดว่าการเปลี่ยนงานก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเหมือนกัน ส่วนคนที่อายุ 55 ปีขึ้นไป มีประมาณ 51 เปอร์เซ็นต์ที่คิดว่าการเปลี่ยนงานเป็นเรื่องปกติ ซึ่งจากผลวิจัยดังกล่าวแสดงให้เห็นภาพรวมว่าคนเกินครึ่งมองเรื่องการเปลี่ยนงานว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรค่ะ

 

แต่อย่าเพิ่งคิดว่าการเปลี่ยนงานบ่อย ๆ จะไม่ส่งผลกระทบอะไรนะคะ เพราะผลสำรวจนี้ก็ยังสอบถามในมุมมองของบริษัทด้วยว่าคิดอย่างไรกับผู้สมัครงานที่เปลี่ยนงานบ่อย ซึ่งเกณฑ์ที่ใช้ถามว่าผู้สมัครงานคนนี้เปลี่ยนงานบ่อยก็คือ คนที่ทำงานในบริษัทนั้น ๆ เป็นเวลาน้อยกว่า 2 ปี ถ้าผู้สมัครเปลี่ยนงานโดยที่อายุงานในแต่ละที่ไม่ถึง 2 ปี บริษัทก็จะเริ่มระวังเรื่องการจ้างงานผู้สมัครงานคนนั้นแล้ว โดยข้อมูลระบุว่ามีเพียง 22 เปอร์เซ็นต์ของ HR ที่จะพิจารณาจ้างงานคนที่เปลี่ยนงานบ่อยและมีถึง 40 เปอร์เซ็นต์ที่จะใช้ความรอบคอบมากกว่าปกติว่าจะจ้างคนเหล่านี้ดีหรือไม่

 


 

ข้อดีของการเปลี่ยนงานบ่อยคือ

ทำให้คน ๆ นั้นรู้จักธุรกิจหลายประเภทมากขึ้น

และน่าจะมีทักษะความรู้ที่เข้ากันได้กับหลายธุรกิจ
 

 

 

จากประสบการณ์ของพี่เดือนเองการเปลี่ยนงานนั้นก็มีข้อดีอยู่เช่นกันข้อแรกคือเงินเดือนเพิ่มแบบก้าวกระโดด​ซึ่งมันดึงดูดทุกคนข้อสองคือได้ตำแหน่งใหม่ จากที่เก่าเราเป็นแค่ Supervisor เมื่อย้ายงานแล้วก็อาจจะได้ไปเป็น Manager และอีกข้อดีที่พี่เห็นคือการได้มีโอกาสทำงานอยู่ในหลากหลายธุรกิจ ทำให้คนคนนั้นรู้จักธุรกิจหลากหลายประเภทมากขึ้นและน่าจะมีทักษะที่เข้ากันได้กับหลายธุรกิจนั่นเองค่ะ

 

ส่วนข้อเสียที่ HR หรือฝ่ายบุคคลจะมองเป็นอันดับแรกซึ่งรวมถึงตัวพี่เองด้วยคือ“ถ้าเรา Train เขาเสร็จแล้ว เขาจะย้ายงานไปจากเราไหม?” ข้อสองที่พี่คิดก็คือ คนคนนี้อาจจะไม่ค่อยมั่นคงสักเท่าไหร่ จะเกิดคำถามในใจเยอะว่ามีปัญหาอะไร มากกว่าแค่อยากได้เงินเพิ่มหรือเปล่าทำไมจึงเปลี่ยนงานบ่อย ข้อสามคือ พี่จะคิดว่าคนนี้เก่งจริงไหมเพราะการย้ายงานบ่อยเกินไปทำให้คิดได้ว่าคนนี้อาจสนใจแค่เงินเดือนกับตำแหน่งเท่านั้นเอง

 

จากที่ผ่านมาพี่เดือนรู้สึกว่าถ้า 2 ปีเปลี่ยนงานครั้งอาจดูเฉย ๆ นะคะ แต่ถ้าเปลี่ยนทุก 6 เดือนหรือ 1 ปี พี่จะคิดว่าไม่น่าจ้างสักเท่าไหร่ เพราะถ้าทำงานมา 2 ปี ย่อมมีความรู้ในอุตสาหกรรมนั้นมาพอสมควรต่างกับคนที่เปลี่ยนงานทุกปี ซึ่งองค์กรใหญ่ระดับเป็นพันคนอาจจะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้มากขอให้คุณสามารถทำงานได้ดีก็พอ แตกต่างจากองค์กรเล็กที่จะกังวลเรื่องการเปลี่ยนงานมากกว่าค่ะ

 


 

แบบที่บอกค่ะว่าการเปลี่ยนงานนั้นไม่มีสูตรสำเร็จ

มันขึ้นอยู่กับแต่ละตัวบุคคล เหมือนกับการไปหาหมอ

แล้วบอกแค่โดยรวมว่าเราไม่สบาย 

ทั้งที่จริงเราต้องเล่ารายละเอียดว่าปวดท้อง ปวดหัว หรือเป็นอะไร
 

 

เขียนถึงตรงนี้แล้ว พี่อยากจะบอกว่าการเปลี่ยนงานนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวมากและไม่สามารถตอบแทนใครได้จริง ๆ ค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรคือโจทย์ในชีวิตของแต่ละคน ดังนั้นเราควรตอบตัวเองให้ได้ว่างานที่ทำอยู่ตอบโจทย์เราหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่พี่ก็ไม่แนะนำให้ทนอยู่ไปเรื่อย ๆ เพราะการเปลี่ยนงานสร้างโอกาสใหม่ในชีวิตให้กับน้อง ๆ ได้ แต่ต้องไม่ใช่การเปลี่ยนงานที่เกิดขึ้นจากการไม่อดทนกับงาน ไม่อดทนกับหัวหน้านะคะแบบที่บอกค่ะว่าการเปลี่ยนงานนั้นไม่มีสูตรสำเร็จมันขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เหมือนกับการไปหาหมอแล้วบอกแค่โดยรวมว่าเราไม่สบาย ทั้งที่จริงเราต้องเล่ารายละเอียดว่าปวดท้อง ปวดหัว หรือเป็นอะไร

 

สุดท้ายนี้ อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากงานที่ทำค่ะ บางคนทำงานแค่ 1 ปีก็จริง แต่บังเอิญได้ทำในบริษัทที่เป็น Startup เรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่ทำบัญชี เป็น HR เป็นโปรแกรมเมอร์ ทำงานเช้าถึงค่ำจนมีปัญหาเรื่องสุขภาพทำให้ต้องย้ายงาน ต่างกับอีกคนที่ทำงานมา 2 ปี แต่มานั่งเพื่อให้เวลาผ่านไปวัน ๆ เท่านั้น ซึ่งนี่คือสิ่งที่พี่จะบอกว่าไม่มีอะไรตายตัวในการย้ายงานนะคะถ้าเราตอบตัวเองได้ว่าเราได้อะไรจากการทำงาน รู้ว่างานตอบโจทย์ชีวิตตัวเองหรือเปล่า และสามารถไปต่อยอดอะไรได้ในอนาคต นี่คือสิ่งสำคัญในการเลือกที่จะย้ายหรือไม่ย้ายงานมากกว่ามองแค่เรื่องเงินเดือนค่ะ

 

JobThai มี Line แล้วนะคะ

ติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงานที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิด

เพิ่มเพื่อน

tags : คนทำงาน, หางาน, career insight, career & tips, การทำงาน, เคล็ดลับสำหรับคนทำงาน, jobthai, นักศึกษาจบใหม่, สมัครงาน, เปลี่ยนงาน



ติดตามข่าวสารและเรื่องราวดีๆ ทาง Email

ขอบคุณสำหรับการติดตาม