|
- Resume (ประวัติส่วนตัว) เป็นการแนะนำตัวเองว่าเราเป็นใครหรือทำอะไรมาบ้าง ใช้บอกข้อมูลส่วนตัว การศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และทักษะต่าง ๆ ผ่านการเขียนเป็นลิสต์
- Cover Letter (จดหมายสมัครงาน) เป็นการเขียนแนะนำตัวเองคร่าว ๆ ว่าทำไมถึงต้องการสมัครตำแหน่งนี้ และบริษัทจะได้อะไรจากการรับเราเข้าทำงาน
|
|
JobThai Mobile Application หางานง่าย สมัครงานง่าย ได้งานที่ใช่ โหลดเลย
|
|
จริง ๆ แล้ว Resume (เรซูเม่) และ Cover Letter (จดหมายสมัครงาน) มีความแตกต่างกันพอสมควร ทั้งวัตถุประสงค์ โทนการเขียน และเนื้อหา แต่ทั้งสองอย่างก็มีความสำคัญในการสมัครงานไม่แพ้กันเลย เป็นตัวกำหนดว่าเราจะถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานหรือเปล่า แต่ก็มีหลายคนอาจกำลังสับสนและไม่เข้าใจว่าทั้งสองอย่างนี้มีความแตกต่างกันยังไง JobThai เลยสรุปความแตกต่างของ Resume (ประวัติส่วนตัว) และ Cover Letter (จดหมายสมัครงาน) มาให้เข้าใจกันได้แบบง่าย ๆ แล้ว
สรุปข้อแตกต่างระหว่าง เรซูเม่ และ จดหมายสมัครงาน
|
|
Resume (ประวัติส่วนตัว)
|
Cover Letter (จดหมายสมัครงาน)
|
|
จุดประสงค์
|
เพื่อบอกข้อมูลส่วนตัว และรายละเอียดด้านการทำงานและการศึกษาต่าง ๆ
|
เพื่อแนะนำตัวเอง และแสดงจุดแข็งของเรา
ให้บริษัทเห็นถึงเหตุผลที่ควรเรียกเราไปสัมภาษณ์งาน
|
|
เนื้อหา
|
ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการติดต่อ การศึกษา การทำงาน ทักษะและความสามารถ
|
ประสบการณ์การทำงาน โปรเจกต์ ทักษะการทำงาน หรือกิจกรรม ซึ่งเกี่ยวข้องและจำเป็นต่อตำแหน่งที่สมัคร
|
|
รูปแบบ
|
เขียนในรูปแบบที่เป็นลิสต์รายการลงมาเป็นข้อ ๆ ตามหัวข้อต่าง ๆ
|
เขียนในรูปแบบของจดหมาย ใช้ภาษาเขียนที่สุภาพ มีคำขึ้นต้น คำลงท้าย และมีได้หลายย่อหน้า
|
|
ความยาว
|
สามารถยาวได้มากกว่า 1 หน้า ขึ้นอยู่กับ ประสบการณ์ในการทำงาน
|
ไม่ควรยาวเกิน 1 หน้า A4 แต่ต้องได้ใจความสำคัญครบถ้วน
|
เรซูเม่สมัครงานคืออะไร ต้องใส่ข้อมูลอะไรบ้าง?
Resume หรือประวัติส่วนตัว เป็นไฟล์สรุปและนำเสนอตัวเองอย่างกระชับ ซึ่งความสำคัญของเรซูเม่มีไว้เพื่อให้ HR และองค์กรเห็นภาพรวมว่าเราเป็นใคร เคยทำงานอะไรมาบ้าง และมีคุณสมบัติตรงกับที่บริษัทต้องการมั้ย ความยาวของเรซูเม่ไม่ควรเกิน 1-2 หน้ากระดาษ โดยการลิสต์เป็นข้อ ๆ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในการทำงานของผู้สมัคร แต่สำหรับนักศึกษาจบใหม่เรซูเม่เพียงหน้าเดียวก็พอแล้ว และที่สำคัญข้อมูลทั้งหมดที่เราใส่ควรเป็นข้อมูลจริงและเป็นผลงานที่พิสูจน์ได้
โครงสร้างของเรซูเม่ควรประกอบไปด้วย
ตัวอย่างและวิธีสรุปประสบการณ์ทำงานในเรซูเม่ในรูปแบบ Bullet Point
บริษัท A ตำแหน่ง Accountant (2012-2015)
- ตรวจสอบเอกสารใบกำกับภาษีและใบแจ้งหนี้เฉลี่ยประมาณ 500 ฉบับต่อเดือน
- จัดทำรายงานภาษีซื้อ–ขาย (ภ.พ.30, ภงด.1, 3, 53) ได้ตรงตามกำหนดเวลา 100%
บริษัท B ตำแหน่ง Sales (2020-2022)
- ดูแลฐานลูกค้าองค์กรกว่า 50 ราย และขยายลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 25% ภายใน 1 ปี
- พัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้าระยะยาว จนได้รับคะแนนความพึงพอใจ 4.8/5.0 จากการสำรวจภายใน
บริษัท C ตำแหน่ง Graphic Designer (2022-Present)
- ร่วมออกแบบ Key Visual แคมเปญ “เปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัท” ทำให้ยอด Engagement เพิ่มขึ้น 40%
- พัฒนาเทมเพลตดีไซน์สำหรับโพสต์ใน Social Media ทำให้ทีมคอนเทนต์สามารถผลิตงานได้เร็วขึ้น 30%
Cover Letter คืออะไร ต้องใส่ข้อมูลอะไรบ้าง?
Cover Letter คือการเขียนนำเสนอจุดประสงค์ของการสมัครงาน ให้นายจ้างรู้ถึงเหตุผลที่สมัครงานในตำแหน่งนี้ และเล่าว่าประสบการณ์จากการทำงานที่ผ่านมามีประโยชน์ต่อการทำงานในตำแหน่งนี้ยังไง คุณสมบัติอะไรที่จะสามารถช่วยพัฒนาบริษัทได้ แต่สำหรับนักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงาน จดหมายสมัครงานจะเป็นพื้นที่สำหรับให้เล่าถึงวิชาที่เรียน กิจกรรมที่เคยทำ หรือการฝึกงานที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานได้ โดยเนื้อความในจดหมายสมัครงานไม่ควรมีความยาวเกินหนึ่งหน้ากระดาษ และภาษาที่ใช้เขียนนั้นจะต้องเป็นภาษาที่สุภาพและเป็นทางการ
โครงสร้างของ Cover Letter ควรประกอบไปด้วย
-
ส่วนเปิด (Introduction) กล่าวถึงตำแหน่งที่สมัคร และเหตุผลที่สนใจบริษัท
-
ส่วนกลาง (Body) เล่าให้เห็นว่าประสบการณ์ / ทักษะของเราสอดคล้องกับงานยังไง
-
ส่วนปิด (Closing) ขอบคุณที่พิจารณาใบสมัคร แสดงความหวังว่าจะได้พูดคุยเพิ่มเติม
ตัวอย่างและวิธีสรุปประสบการณ์ทำงานใน Cover Letter
Content Creator
ตลอดช่วงเวลาที่ทำงานที่บริษัท A ผมรับผิดชอบการวางแผนและผลิตคอนเทนต์สำหรับแพลตฟอร์ม Facebook, Instagram และ TikTok ซึ่งทำให้ยอดผู้ติดตามเติบโตเพิ่มขึ้น 30% ภายใน 1 ปี และสร้างคอนเทนต์วิดีโอที่มียอดรับชมรวมกว่า 5 ล้านครั้ง ผมมีความถนัดในการวิเคราะห์ Insight ของผู้ชม เพื่อปรับเนื้อหาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และสร้างสตอรีที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์
Sales
ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาที่บริษัท XYZ ดิฉันดูแลลูกค้ารายสำคัญกว่า 50 ราย และสามารถทำยอดขายเกินเป้าหมายเฉลี่ย 120% ต่อไตรมาส จึงมั่นใจว่าทักษะการเจรจาและทักษะที่จำเป็นต่องานขายที่ดิฉันมีจะเป็นประโยชน์ต่อทีมขายของบริษัท ABC อย่างมาก และเชื่อว่าประสบการณ์ด้านการขายสินค้ากลุ่ม B2B ที่มีจะสามารถช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
UX/UI Designer
ผมทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนา UX/UI ให้กับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันในอุตสาหกรรม E-commerce โดยใช้เครื่องมือหลักอย่าง Figma, Adobe XD และ Miro ในการวางโครงร่าง (Wireframe), ออกแบบ Prototype, และสร้าง Design System เพื่อให้ทีมพัฒนานำไปใช้ได้อย่างราบรื่น ซึ่งหนึ่งในโปรเจ็กต์การปรับโฉมหน้า UI ของแพลตฟอร์มทำให้จำนวนผู้ใช้งานต่อเนื่องเพิ่มขึ้นกว่า 25% และระยะเวลาที่ผู้ใช้ใช้งานในแต่ละหน้าเพิ่มขึ้นกว่า 30% ซึ่งสะท้อนถึงการออกแบบที่ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้ใช้จริง
ติดตาม Career Talk Podcast ได้ที่
|
|
บทความเดิมได้ถูกเผยแพร่ในวันที่ 22 กันยายน 2015 และได้รับการอัปเดตโดยทีมงาน JobThai