ทำงานมาสักระยะหนึ่ง หลายคนคงอยากเห็นผลตอบแทนเพิ่มขึ้นตามประสบการณ์และความสามารถที่พัฒนาไปกันใช่ไหมล่ะ? เพราะฉะนั้น การขอขึ้นเงินเดือนจึงเป็นเรื่องที่อยู่ในใจของพนักงานเกือบทุกคน แต่จะทำอย่างไรให้การเจรจาครั้งนี้ผ่านไปด้วยดีและได้ผลตามที่หวัง วันนี้ JobThai มีวิธีขอขึ้นเงินเดือนแบบมืออาชีพ พร้อมข้อควรทำและไม่ควรทำมาแชร์ อ่านจบแล้วมั่นใจในการยื่นเรื่องขอปรับเงินเดือนมากขึ้นแน่นอน
สำหรับวิธีขอขึ้นเงินเดือน สิ่งแรกที่ต้องทำคือกลับมาทบทวนและประเมินผลงานของตัวเองอย่างละเอียด ลองเขียนลิสต์ออกมาเป็นข้อ ๆ ว่าในช่วงปีที่ผ่านมาหรือตั้งแต่การประเมินครั้งล่าสุด คุณได้สร้างผลงานอะไรที่โดดเด่นบ้าง หรือมีโปรเจกต์ไหนที่คุณรับผิดชอบแล้วประสบความสำเร็จเกินเป้าหมาย มีส่วนช่วยให้บริษัทเติบโต เป็นที่รู้จักมากขึ้น ลดค่าใช้จ่าย หรือแก้ปัญหาสำคัญได้ เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้ สามารถใช้เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าคุณมีคุณค่าและสมควรได้ปรับเงินเดือนขึ้น นอกจากนี้อย่าลืมทริกที่สำคัญสำหรับวิธีนี้ คือการเตรียมข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น ตัวเลข เปอร์เซ็นต์ หรือมูลค่าที่ชัดเจน เพื่อพิสูจน์ให้หัวหน้าเห็นภาพความสำเร็จที่คุณมีส่วนร่วมได้ง่ายขึ้น
เทคนิคเรียกเงินเดือนที่หลายคนมักลืมให้ความสำคัญคือเรื่องของจังหวะและเวลา ควรหลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องนี้ในช่วงที่บริษัทกำลังประสบปัญหาด้านการเงิน หรือในช่วงที่หัวหน้างานกำลังยุ่งวุ่นวายกับโปรเจกต์ใหญ่ เวลาที่เหมาะสมแนะนำเป็นช่วงประเมินผลงานประจำปีที่มักมีการเรียกพนักงานไปพูดคุยเป็นรายบุคคลก่อนปรับเงินเดือน ช่วงที่บริษัทเพิ่งประกาศผลประกอบการที่ดี หรือหลังจากที่เพิ่งปิดโปรเจกต์สำคัญและปิดโปรเจกต์ชิ้นเอกได้สำเร็จ เพราะการเลือกเวลาที่ถูกจะช่วยให้หัวหน้าเปิดใจรับฟังและพิจารณาคำขอได้ง่ายขึ้น

แม้ว่าเราจะอยู่ในยุคดิจิทัลที่การสื่อสารผ่านแชตเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเรื่องสำคัญอย่างการขอขึ้นเงินเดือน การพูดคุยแบบตัวต่อตัวหรือ Face to Face ย่อมเป็นวิธีขอขึ้นเงินเดือนที่ดีกว่า เพราะการได้เห็นสีหน้าท่าทางของกันและกันจะช่วยลดความเข้าใจผิดในการสื่อสาร แสดงให้เห็นถึงความจริงจัง และส่งผลให้การสื่อสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มโอกาสสำเร็จในการขอปรับเงินเดือน แต่หากไม่สะดวกพูดคุยแบบเจอตัว ก็อาจเลือกใช้วิธีวิดีโอคอลแทน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการส่งข้อความ
นอกจากการนำเสนอผลงานที่ผ่านมาแล้ว การแสดงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองและเติบโตไปพร้อมกับองค์กรก็เป็นส่วนหนึ่งของวิธีขอขึ้นเงินเดือนที่สามารถสร้างความประทับใจได้ ลองพูดถึงเป้าหมายในอนาคตกับบริษัท สิ่งที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติม หรือโปรเจกต์ที่สนใจจะมีส่วนร่วม สิ่งเหล่านี้จะแสดงให้หัวหน้าเห็นว่า คุณไม่ได้ต้องการแค่เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีความผูกพันและต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จขององค์กรในระยะยาวอีกด้วย
การสื่อสารคือกุญแจสำคัญ แนะนำให้ลองใช้เทคนิค G-I-M-M-E เข้ามาช่วยในการสื่อสารเพื่อขอขึ้นเงินเดือน ได้แก่
-
G (Giving a background) แนะนำตัวว่าคุณเป็นใคร กำลังทำตำแหน่งอะไร และมีหน้าที่อะไรที่รับผิดชอบอยู่บ้างในปัจจุบัน
-
I (Introduce why you’re awesome) นำเสนอผลงาน ความสำเร็จ และคุณค่าที่คุณสร้างให้องค์กรอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อใช้เป็นเหตุผลประกอบการขอขึ้นเงินเดือน
-
M (Make your case research-based) สำรวจฐานเงินเดือนของตำแหน่งปัจจุบันของคุณ รวมทั้งกำหนดตัวเลขเงินเดือนที่เหมาะสม เพื่อใช้เป็นเหตุผลสนับสนุนในการขอขึ้นเงินเดือน
-
M (Make the ask) หลังจากอธิบายเหตุผลต่าง ๆ เพื่อโน้มน้าวแล้วก็ถึงคราวระบุขอเงินเดือนที่มีความเป็นไปได้
-
E (End with a bang) ปิดท้ายบทสนทนาอย่างมั่นใจและหนักแน่น และควรเลือกใช้ถ้อยคำที่ชัดเจน น้ำเสียงมั่นใจ จะช่วยสร้างความประทับใจที่ดี ส่งเสริมภาพลักษณ์และพาให้บทสนทนาเป็นไปในทิศทางที่คุณต้องการได้
การเรียกเงินเดือนที่สูงเกินจริงไปมากโดยไม่มีเหตุผลที่หนักแน่นพอรองรับอาจทำให้คำขอถูกปัดตกได้ง่าย และอาจถูกมองว่าไม่รู้จักประเมินตนเองได้ แนะนำให้ลองสำรวจดูก่อนว่าตำแหน่งงาน ประสบการณ์และทักษะในระดับเดียวกันในอุตสาหกรรมที่คุณทำงานอยู่มีอัตราค่าจ้างเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไร เพื่อหาตัวเลขค่าตอบแทนที่เหมาะสมก่อนขอขึ้นเงินเดือน
แม้ว่าการนำเสนอผลงานจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่การพูดเกินจริงหรือโอ้อวดสรรพคุณจนเกินงามก็ไม่ใช่เรื่องดี ควรนำเสนอผลงานตามความเป็นจริงและมีหลักฐานอ้างอิงได้ เนื่องจากความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ หากหัวหน้ารู้สึกว่าคุณกำลังพยายามเคลมผลงานที่ไม่ใช่ของตัวเองทั้งหมดหรือพูดเกินจริง อาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความไว้วางใจได้
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยเมื่อหลาย ๆ คนขอขึ้นเงินเดือน คือการยกเอาเงินเดือนของเพื่อนร่วมงานคนอื่นมาเปรียบเทียบ เช่น "ทำไมคนนั้นได้เยอะกว่า ทั้งที่ทำงานเหมือนกัน" วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยให้ได้ขึ้นเงินเดือน แต่อาจสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีให้กับหัวหน้าและฝ่ายบุคคลด้วย เพราะโดยทั่วไปแล้ว เงินเดือนถือเป็นความลับในบริษัท การที่คุณรับรู้เงินเดือนของเพื่อนร่วมงานและนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอาจทำให้ถูกตั้งคำถามได้ว่าคุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ในการขอขึ้นเงินเดือนควรโฟกัสไปที่ผลงาน ความสามารถและความรับผิดชอบของตัวเองมากกว่า พยายามแสดงให้เห็นว่าคุณมีคุณค่าต่อองค์กรอย่างไร และทำไมถึงสมควรได้รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้นตามผลงานที่สร้างแทน
การยื่นเงื่อนไขว่า "ถ้าไม่ได้ขึ้นเงินเดือน จะลาออก" หรือใช้คำพูดว่า "มีที่อื่นเสนอให้มากกว่า" มาเป็นข้อต่อรอง ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง วิธีขอขึ้นเงินเดือนแบบนี้อาจทำให้หัวหน้ารู้สึกเหมือนโดนข่มขู่ และนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีในการทำงานได้ แม้จะได้ปรับเงินเดือนขึ้นตามที่ขอ แต่ความไว้วางใจและความรู้สึกดี ๆ อาจลดน้อยลงไป ทางที่ดีควรเน้นที่การแสดงคุณค่าของตัวเองและความปรารถนาที่จะเติบโตกับองค์กรปัจจุบันเป็นหลักจะดีกว่า

การวางแผนและเตรียมตัวที่ดีคือหัวใจสำคัญของวิธีขอขึ้นเงินเดือนให้ประสบความสำเร็จ การทำความเข้าใจในผลงานของตนเอง เลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสม สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาด้วยเหตุผลและข้อมูลสนับสนุน พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ไม่ควรทำ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ได้รับการพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนตามที่คาดหวังไว้ จำไว้ว่าการเจรจาที่ดีควรอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งตัวเองและองค์กร
ที่มา:
ktc.co.th, missiontothemoon.co